4. พนักงานคนใหม่
ผมบอกมันอย่างปัดๆ พวกเรา3คน ตั้งกฎตั้งแต่เปิดร้านไว้ว่า จะไม่มีการคบกับเด็กในร้านเด็ดขาด เพื่อป้องกันคำครหาจากเพื่อนร่วมงาน และป้องกันปัญหาต่างๆ ในภายภาคหน้า
“กูไปทำงานต่อก่อน มึงจะเข้าครัวอยู่มั้ย”
“ไม่ละ ในครัวน่าจะทันละ ว่าจะไปคิดหาแผนโปรโหมดร้านเพิ่มอีกสักหน่อย.. ว่าแต่สิ้นปีนี้มีแพลนพาเด็กๆ ไปเที่ยวไหนวะ”
พอไอ้มาวินทักขึ้นมา ผมก็นึกขึ้นได้ ในสิ้นปีพวกเราจะพาเด็ก ๆ ในร้านไปพักผ่อน ชาร์จแบต เป็นการขอบคุณที่ทุกคนอยู่ช่วยกันมา นี่ก็อีกแค่ครึ่งเดือนก็จะสิ้นปีแล้ว คงต้องหาที่เตรียมพร้อมเสียแล้ว
“ขึ้นเหนือไหม เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน”
ผมเสนอความคิดไปพลางๆ ก็เห็นมันพยักหน้ารับ
“ก็ดีนะ จะได้แวะไปเยี่ยมแม่ด้วย ไม่ได้เจอแม่มานานแล้ว”
ผมกับมาวินเป็นคนเชียงใหม่ ส่วนปันหยาเป็นคนกรุงเทพ ช่วงนี้งานที่ร้านค่อนข้างเยอะ มันกับผมก็ไม่ได้กลับบ้านพอ ๆ กัน
“งั้นปีนี้ไปเที่ยวเหนือกัน ว่าแต่จะไปที่ไหนดี”
ผมพูดพลางหันไปถามไอ้มาวินเป็นเชิงขอความคิดเห็น
“กำลังคิดเรื่องพักร้อนกันเหรอ ฉันกำลังจะมาคุยเรื่องนี้เลย”
“เธอมีที่แนะนำเหรอปันหยา ไอ้ภูเสนอไปเที่ยวเหนือ เธอว่าไง”
“ฉันเสนอไปเกาหลี พวกนายว่าไง”
ผมกับไอ้มาวินถึงกับมองหน้ากันเพราะปกติไม่เคยออกนอกประเทศเลย ยิ่งรู้ ๆ กันอยู่ว่าปันหยารายนี้นั้น ดูแลค่าใช้จ่ายของร้านทุกอย่างเธอจึงเป็นคนที่ค่อนข้างประหยัดและคิดคำนวณรอบคอบมากที่สุดในกลุ่ม
“หมายความว่าไงวะปันหยา ทำไมครั้งนี้อยากไปต่างประเทศ เธออย่ามาหลอกให้ดีใจนะเว้ย ฉันยิ่งอยากไปส่องสาว ๆ เกาหลีอยู่ด้วย ใช่ไหมวะไอ้ภู ฮ่า ๆ”
“เธอทำบัญชีใกล้ปิดปีเสร็จแล้วเหรอปันหยา ถึงชวนไปเกาหลี ยอดปิดปีนี้โอเคใช่ไหม”
ผมไม่ได้ติดอะไรหรอก ถ้าเราจะพากันไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ทุกอย่างก็ต้องทำเพื่อปากท้อง ผมเห็นปันหยามองหน้าพวกผมแล้วยิ้มมุมปาก ทำให้พวกผมค่อย ๆ ยิ้มตามอย่าลุ้นคำตอบ
“ตามคาดเลยจ้ะ ฉันทำบัญชีถึงปัจจุบันแล้ว เราได้กำไรมาเยอะเลยเว้ย ฉันคำนวณค่าใช้จ่ายที่จะไปเที่ยวแล้ว ยังเหลือเพื่อขยายกิจการอีกนิดหน่อยด้วย เหลือแค่ในส่วนก่อนปิดปี ถ้าไม่มีอะไรผิดคาด งานนี้ไปเกาหลีได้สบาย!”
“เชรด ค่อยสมกับที่พวกเราเหนื่อยมาทั้งปีหน่อยเว้ย ไอ้ภูเปลี่ยนแผนๆ กูว่าไปเกาหลีกัน ๆ”
“ถ้าทุกคนโอเค ฉันจะทำเรื่องจองตั๋วแล้วนะเว้ย แกอะมาวินฉันไม่ถามหรอก แต่ภู แกละว่าไง”
‘พี่ภู ๆ พี่ภูรู้ไหมว่าประเทศไหนที่ยาหยีอยากไปเที่ยวมากที่สุด’
‘พี่คิดไม่ออกเลย ยาหยีอยากไปประเทศไหนคะ บอกพี่ภูหน่อยซิคะ’
‘ยอมแพ้แล้วใช่ไหม ยาหยีจะบอกพี่ภูแค่คนเดียวนะคะ ยาหยีอยากไปเกาหลีค่ะ พี่ภูสัญญากับยาหยีนะว่าถ้ายาหยีโตขึ้น พี่ภูต้องพายาหยีไปเกาหลีนะคะ แล้วยาหยีก็จะเป็นเจ้าสาวของพี่ภูด้วย’
‘โอเค ถ้ายาหยีโตขึ้น พี่จะพายาหยีไปเที่ยวเกาหลีนะคะ ถ้าโตขึ้นยาหยีจะมาเป็นเจ้าสาวของพี่อย่างที่พูดตอนนี้มั้ยน้า ถ้าโตขึ้นมาจำพี่ไม่ได้ พี่จะเป็นหม้ายมั้ยน้า’
‘ถ้ายาหยีโตขึ้น ยาหยีก็จะเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดของพี่ภูคนเดียว ยาหยีสัญญาเลยค่ะ’
ผมลูบหัวเด็กตัวเล็กที่พูดจาเจื้อยแจ้วตรงหน้า อย่างเอ็นดูและทะนุถนอม ยาหยีคือน้องที่ผมรักมาก ไม่ว่าเธอจะทำอะไรผมจะคอยดูเธอเสมอ ยาหยีเป็นเด็กที่มีความคิดตั้งแต่เด็ก และติดผมมากๆ ด้วยความที่เป็นเด็ก เธออาจจะพูดอะไรไปแบบไม่คิด แต่ผมก็ไม่เคยถือสาเธอเลย
“ไอ้ภูเว้ย!”
ผมหลุดจากภวังค์ความคิดทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนของไอ้มาวินข้างหู หัวใจจะวาย
“มึงจะตะโกนทำห่าอะไรวะ อยู่กันใกล้แค่นี้เองไอ้วิน”
