3. พนักงานคนใหม่
ผมได้แต่นิ่งงัน ร่างกายรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว ชื่อของเธอทำไมถึงได้เหมือนเด็กคนนั้นขนาดนี้ และยังคงไม่มีใครเอ่ยปากใด ๆ ออกมาสักคำ เธอก็ได้แต่ยืนจ้องหน้าผมและขมวดคิ้วดูประหม่าไม่น้อย ซึ่งผมเองก็ไม่อาจเดาได้เลย ว่าเธอขมวดคิ้วอยู่นั้นเพราะผมที่เอาแต่เงียบ หรือว่าเธอเองก็คุ้นหน้าผมเหมือนกัน
“เชิญนั่งครับ”
ผมบอกเธอพลางยิ้มให้เล็กน้อย เธอยิ้มตอบก่อนจะเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม เธอยื่นเอกสารสมัครงานให้ผมทันทีก่อนจะกลับไปนั่งนิ่ง ๆ จ้องหน้าผมตาแป๋ว ราวกับแมวตัวน้อย ๆ ที่นั่งรอเจ้าของ ผมสลัดความคิดของตัวเองออกทันทีแล้วหันมาจดจ่อกับบุคคลตรงหน้า และด้วยบรรยากาศแปลก ๆ นี้ทำให้ผมต้องเปลี่ยนอารมณ์และชวนเธอคุยก่อนจะเริ่มสัมภาษณ์
“พี่ชื่อภูผานะ คุยแบบเป็นกันเองแล้วกัน น้องยาหยีอายุเท่าไหร่แล้วครับ ถ้าไม่ถึง 18 พี่ไม่รับนะ มันผิดกฎหมาย”
ผมพูดติดตลกเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดเกินไปมากนัก ผมแอบเห็นเธอยิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่ได้เห็นมานาน ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย เพราะก็แปลว่าตอนนี้เธอเองก็ไม่ได้รู้สึกกดดันเท่าไหร่
“หนูอายุ 20 แล้วค่ะ”
เธอตอบกลับด้วยใบหน้าที่มั่นใจหนักแน่น เป็นตัวยืนยันว่าเธอไม่ได้โกหก ซึ่งอาการที่เธอแสดงออกมานั้นก็ทำให้ผมอดหัวเราะไม่ได้จริงๆ
“แล้วยาหยีเคยทำงานอะไรมาบ้าง”
“ไม่เคยเลยค่ะ แต่หนูสอนง่าย ไม่ดื้อนะคะ”
ผมก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าทำไมคนที่ไม่เคยทำงานแบบเธอ ถึงอยากมาทำงานร้านอาหารแบบนี้ได้ ซึ่งใคร ๆ ต่างก็รู้กันว่างานในร้านนั้นค่อนข้างหนัก และเหนื่อยระดับหนึ่ง แต่ก็เอาเถอะดูท่าทางจะสอนง่าย สู้งานอยู่
“งั้นพร้อมเริ่มงานเลยไหม ร้านพี่กำลังอยากได้พนักงานด่วนซะด้วยซิ”
ทันทีที่เธอได้ยินเธอก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจพร้อมกับไหว้ขอบคุณแล้วพยักหน้าหงึก ๆ เป็นการตอบรับ เธอยิ้มจนตาหยีเห็นฟันสวยเรียงกันชัดเจน
“งั้นเดี๋ยวพี่พาไปแนะนำกับคนอื่น ๆ เราจะได้เริ่มเรียนรู้งานละกัน”
ผมบอกกับเธอพร้อมลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินนำเธอลงมาด้านล่าง และพาเธอเข้าไปที่ห้องพนักงาน ซึ่งมีน้ำขิงที่กำลังเก็บของอยู่ เธอหันมามองผมพร้อมกับยิ้มกว้าง ให้กับบุคคลด้านข้างผม ผมเหลือบมองยาหยีก็เห็นอาการงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มตอบเช่นกัน
“นี่ยาหยี จะเข้ามาทดลองงานที่ร้านเรา อายุน่าจะไล่เลี่ยกับน้ำขิง พี่ฝากเราดูแลด้วยนะ”
เธอพยักหน้าหงึก ๆ ราวกับเด็กน้อยที่ได้เพื่อนใหม่ ก่อนจะหันไปยิ้มให้ยาหยีอีกครั้ง
“นี่น้ำขิง ทำงานที่นี่มาสักพักแล้ว มีอะไรถามน้ำขิงได้เลย เดี๋ยวพี่จะให้น้ำขิงสอนงานเราละกัน”
ทั้งคู่ไม่ได้ฟังที่ผมบอกเลยด้วยซ้ำ เพราะเพียงแค่พริบตาเดียว ทั้งสองหันไปคุยกันกะหนุงกะหนิงราวกับว่าผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ แต่เมื่อผมเห็นว่าตรงนี้ปล่อยให้น้ำขิงจัดการได้ ก็ทำได้แต่นำตัวเองเดินออกมาด้านนอก สายตาเหลือบไปเห็นว่าแวบหนึ่ง เธอหันมาพยักหน้าทำความเคารพให้กับผมแล้วหันไปยิ้มให้กับน้ำขิงต่อ
ผมเลยจำเป็นต้องเลือกที่จะเดินออกมาให้น้ำขิงดูแล จัดการเรื่องยูนิฟอร์มต่อไป เมื่อเดินมาในร้านก็เห็นลูกค้าเริ่มแออัด ทำให้ชื่นใจขึ้นมาอีกมากโข ร้านเราเป็นร้านกลาง ๆ ประมาณ4คูหาดีไซน์สไตล์เกาหลี พยายามหาจุดที่แตกต่างจากร้านอื่น ๆ จึงทำให้ค่อนข้างจะมีลูกค้าและนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพราะสไตล์ที่แตกต่างและโดดเด่น
“ไอ้ภู มาช่วยกันดิวะ ยืนหล่ออยู่นั่น เอาไปเสิร์ฟโต๊ะ12 ให้หน่อย เอาหน้าหล่อๆ ของมึงไปให้สาวใหญ่โต๊ะนั้นเชยชมหน่อย”
เสียงไอ้มาวินดังออกมาจากห้องครัว แสดงว่าข้างในน่าจะวุ่นวายน่าดู มันถึงกับเข้าครัวเอง ผมยักคิ้วให้มันทีหนึ่ง ก่อนจะเดินไปรับจานอาหารมาเพื่อไปเสิร์ฟให้ลูกค้า ก็อย่างที่บอกครับ ลูกค้าเราค่อนข้างเยอะในบางช่วง พวกผมก็เลยไม่มีเวลาไปไหนกัน นอกจากต้องมาร้าน ราวกับว่าพวกเรานั้นรักร้านเอามาก ๆ
ผมเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าเรียบร้อย สองเท้าเดินเอาถาดอาหารมาเก็บที่ห้องครัว สายตามองไปเห็นน้ำขิงที่เดินจูงมือพายาหยีที่ถูกสวมด้วยยูนิฟอร์มเรียบร้อย ซึ่งร้านเราจะเน้นใช้ชุดฮันบกเป็นยูนิฟอร์มในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เพื่อสร้างความแตกต่างและแปลกตาให้กับลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามา ซึ่งยาหยีเองก็มาในวันศุกร์พอดี ผมยอมรับเลยว่าเธอสวยมาก ทั้งใบหน้า รูปร่าง และนิสัยที่เงียบนิ่งของเธอนั้นด้วยและมันก็ทำให้ผมกลัวเล็กน้อย กลัวว่าเธออาจจะจะจำผมได้ขึ้นมา..
“เด็กใหม่เหรอวะ ชื่อไรอะไอ้ภู”
มาวินที่เพิ่งเดินหน้าหล่อออกมาจากห้องครัวตรงดิ่งมาที่ผม แล้วเจอกับยาหยีพอดี สายตาของมันมองยาหยีราวกับเสือที่จ้องจะตะครุบเหยื่อก็ไม่ปาน
“ยาหยี”
ผมตอบมันออกไป โดยที่สายตาไม่ได้ละออกจากยาหยีเลยสักนิด ในหัวผมได้แต่คิดเรื่องเดิมซ้ำๆ เรื่องที่ผมต้องฝันร้ายแทบทุกคืน เรื่องที่เป็นเหมือนตราบาปให้ชีวิตของผม เรื่องที่ผมวิ่งหนีมาตลอดสิบห้าปี แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับคนแบบภูผา ที่อยู่ ๆ ก็ส่งให้เธอโคจรกลับเข้ามาในชีวิตผมอีกครั้ง
“ชื่อก็น่ารักซะด้วย ถ้าไม่ติดว่าเป็นกฎของพวกเราว่าห้ามจีบเด็กในร้านนะ คนนี้ สเปกเลยว่ะ”
คำว่าจะจีบของไอ้มาวิน ช่วยกระชากสายตาผมออกจากยาหยีแทบจะทันที ผมยืนจ้องหน้ามันนิ่งๆ มันก็หันมาจ้องหน้าผมแบบยิ้มทะเล้น ๆ ตามนิสัยของมันสักพัก พอมันเห็นว่าผมไม่เล่นมันก็ยิ้มเจื่อนๆ แทบจะทันที
“กูพูดอะไรผิดปะวะ ทำไมมึงมองหน้ากูแรงจัง”
“เปล่า กูแค่กลัวมึงจะลืมกฎของพวกเรา”
