บทที่ 3
“ไฮ ฮันนี่” มาวินเอ่ยทักสาวฝรั่งผมทองคนนั้นกลับไปด้วยคำพูดแบบเดียวกัน นอกจากการทักทายที่ดูสนิทสนมกันแล้วทั้งสองยังโอบกอดและจูบกันอย่างดูดดื่มชนิดไม่แคร์สายตาใคร ซึ่งณมนมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ธรรมเนียมการทักทายทั่วไปที่คนอื่นๆ ก็ทำกันอย่างแน่นอน
ร่างกายเธอเย็นวาบขึ้นมาทันที ใจที่เต้นแรงรัวเพราะความตื่นเต้นที่จะได้เจอคนรักกลับเต้นแรงและรัวด้วยความผิดหวังปนความกลัวจนก้าวขาไม่ออกด้วยซ้ำ ขณะที่ภาพตรงหน้ายังคงแจ่มชัดหัวใจของณมนก็แจ่มชัดเช่นกัน
ที่ผ่านมาเธอไว้ใจมาวินมาโดยตลอดรวมถึงมั่นใจว่าความรักของเธอกับเขานั้นมั่นคงมากพอที่จะทำให้มันยั่งยืน ซึ่งไม่รู้จริงๆ ว่าเธอไปเอาความมั่นใจเหล่านั้นมาจากไหน ความรู้สึกถูกหักหลังมันเจ็บปวดจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ สิ่งเดียวที่อธิบายได้คือน้ำตาที่ไม่ได้ไหลอาบแก้มแต่กำลังไหลกลับเข้าไปข้างใน
ณมนเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก
เจ็บร้าวไปทั้งตัวหัวใจและวิญญาณ
“พรุ่งนี้คนรักของผมก็จะมาแล้ว เราคงต้องหยุดเจอหยุดคุยกันสักพักนะครับ” คำพูดของมาวินยิ่งทำให้ณมนเจ็บราวกับมีมีดนับล้านๆ เล่มพุ่งใส่ร่างกาย เธอถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้
“ได้สิ ก็แค่สองอาทิตย์เอง” หญิงสาวผมทองคนนั้นพูดอย่างไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านหรือคนที่นี่เขาไม่แคร์เรื่องทำนองนี้กันแล้วอย่างนั้นเหรอ แต่ของแบบนี้ถ้ามาวินไม่เล่นด้วยเสียอย่างก็คงตบมือข้างเดียวมันคงไม่ดัง
เขาคงสนุกที่หลอกเธอได้ เขาคงคิดว่าตัวเองคือผู้ชนะที่ปั่นหัวให้เธอรักอย่างโง่งมและทำร้ายความรู้สึกดีๆ ของเธอจนกลายเป็นเพียงเศษเถ้าธุลี นี่ถ้าไม่มาก่อนกำหนดก็คงหน้ามืดตามัวและมาวินจะเป็นแบบนั้นไปอีกนานแค่ไหนก็ตอบไม่ได้เช่นกัน
“แต่ก่อนจะถึงพรุ่งนี้เราไปหาอะไรสนุกๆ ทำกันก่อนดีไหม รอบเดือนคุณหมดแล้วหรือยัง” คำพูดของมาวินทำให้ณมนชาไปทั้งตัวอีกครั้ง
“หมดแล้ว”
“งั้นไปห้องผมกันเถอะ พลีส” ชายหนุ่มร้องขอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเว้าวอน ก่อนที่หญิงสาวผมทองคนนั้นจะยกมือขึ้นคล้องคอเขาไว้แล้วโน้มลงมามอบจูบให้อย่างดูดดื่ม ทั้งสองกำลังจูบกันในขณะที่สักขีพยานอย่างณมนกำลังร้องไห้
“ผมรักคุณ”
“ฉันก็รักคุณฮันนี่” ทั้งสองบอกรักและกันทำราวกับว่าโลกทั้งใบมีแค่พวกเขาเท่านั้นก่อนจะเดินโอบกันไปบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน ณมนดึงสติแล้วแอบสะกดรอยเดินตามพวกเขาไปพร้อมหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานมัดความใจง่ายโลเลของผู้ชายที่ชื่อว่ามาวิน
แต่ยิ่งเห็นภาพพวกเขาสวีทกันมากเท่าไหร่หัวใจของณมนก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้น เธอเดินตามต่ออีกไม่ไหวแล้วจึงทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ริมทางเดิน รูปถ่ายในมือทำให้เธอขบเม้มริมฝีปากตัวเองไว้แน่นเวลานี้จิตใจเธอกำลังดิ่งและต้องคุยกับใครสักคนและคนคนนั้นก็คือมีนา
“อิ้ง”
“วินนอกใจฉัน” น้ำเสียงสั่นเครือของณมนเอ่ยบอกทันทีที่มีนากดรับสายโทรศัพท์ที่เธอต่อสายตรงกลับไปหาเพื่อนสนิทซึ่งเวลานี้อยู่เมืองไทย
“ฉันเห็นรูปแล้ว แกเป็นไงบ้าง”
“เหมือนคนกำลังจะตาย เจ็บจนหายใจไม่ออกเลย ฉัน…” ยังไม่ทันที่ณมนจะอธิบายความรู้สึกของตัวเธอได้ครอบคลุมเสียงของมีนาก็แทรกขึ้น
“ใจเย็นๆ ก่อนนะแก”
“หวังจะมาเซอร์ไพรส์เขาสุดท้ายถูกเซอร์ไพรส์กลับ เจ็บจี๊ดไปทั้งใจ” น้ำเสียงของณมนสั่นเครือจากความเจ็บเพราะรักที่ถูกหักหลัง
“แถวนั้นมีร้านสะดวกซื้อไหม”
“มี ทำไม”
“แกเดินเข้าร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วซื้อช็อคโกแลตหรือขนมอะไรก็ได้ที่อยากกินมาสี่ห้าอย่าง จากนั้นก็กินมันซะ ลุกแล้วไปทำตามที่ฉันบอกตอนนี้เลย โอเค้”
“โอเคก็โอเค” เพราะตอนนี้ณมนเสียใจจนสติหลุดไปแล้วเธอจึงทำตามวิธีที่มีนาแนะนำอย่างว่าง่าย หากสถานการณ์ด้านอารมณ์ของเธอเป็นปกติคงค้านแล้วค้านอีก
ณมนซื้อขนมและทุกอย่างที่อยากกินมาจนเต็มถุงกระดาษ จากนั้นก็เดินกลับมาที่เดิมแล้วเริ่มกินโดยมีนายังอยู่ในสายแต่ตอนนี้ทั้งสองคนเปลี่ยนมาคุยแบบวิดีโอคอลแล้ว ซึ่งเวลาที่ไทยเกือบตีสองเข้าไปทุกทีแต่มีนาก็ตาสว่างเป็นนกฮูกเพราะอยากอยู่ดึงหัวใจของเพื่อนสนิทให้กลับมาเต้นในจังหวะปกติ
มีนาไม่รู้ว่าการกินขนมหรืออะไรก็ตามจะช่วยทำให้ณมนหายเจ็บปวดจากพิษรักที่ถูกหักหลังได้มากแค่ไหน แค่อยากทดสอบว่าตอนนี้เพื่อนอยู่ที่ไหมมีสติไหมหรือรอบๆ ตัวมีใครอยู่บ้างก็เท่านั้นเอง
“ไม่เห็นจะโอเคเลยแก ฮือ” ในที่สุดณมนก็ปล่อยโฮออกมาหลังจากอัดอั้นน้ำตามาหลายชั่วโมง บทสนทนาของทั้งสองเงียบลงไปทันทีเพราะตอนนี้ดูเหมือนจะมีแค่เสียงร้องไห้จากณมนเท่านั้น มีนาพยายามปลอบใจเพื่อน ใจจริงอยากไปอยู่ด้วยที่ตรงนั้นถ้าเธอวาร์ปไปบอสตันได้ตอนนี้ก็คงดี
“ร้องออกมา ร้องเยอะๆ บางทีน้ำตามันก็ช่วยเยียวยาความอ่อนแอของเราได้” คำพูดของมีนายิ่งกระตุ้นน้ำตาของณมนให้ไหลอาบแก้ม เธอนั่งร้องไห้อย่างไม่อายสายตาของใครทั้งนั้น กระทั่งมีคนแปลกหน้าเข้ามาถามว่าเธอโอเคไหมซึ่งณมนก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับแล้วบอกไปว่าเธอแค่อกหักเท่านั้น
ณมนร้องไห้อยู่นาน ร้องจนน้ำตาเริ่มเหือดแห้งเหลือเพียงอาการสะอื้น เวลานี้ดวงตาทั้งสองข้างของเธอบวมแดงอย่างเห็นได้ชัด ปลายจมูกสวยแดงช้ำราวกับสีของผลมะเขือเทศสุก รวมไปถึงคราบน้ำตาบนแก้มทั้งสองข้างก็ยังคงมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“ฉันอยากไปอยู่ตรงนั้นกับแก แต่มันไม่มีประตูโดเรม่อนพาฉันไป”
“ขอบใจนะแก แต่แค่นี้ก็ดีแล้ว” ณมนสะอื้น การมีเพื่อนสักคนให้เธอได้ระบายก็มีค่ามากพอแล้ว
“จะกลับเมืองไทยเลยไหมหรือยังไง”
“อยากกลับเลย แต่อีกใจก็เสียดายเงินที่จองทริปเที่ยวไปแล้ว” คำพูดของณมนทำให้มีนายิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะออกมา
“ค่อยสมกับเป็นแกหน่อย”
“แกก็รู้ว่ามันคือทริปในฝันของฉัน เงินเก็บครึ่งหนึ่งอยู่ในทริปนั่นจะให้ผู้ชายเฮงซวยแบบนั้นมาล่มได้ยังไงกัน” นอกจากเจ็บใจที่ถูกนอกใจแล้วณมนก็ยังเสียดายเงินที่จ่ายไปแล้วเช่นกัน
