บทที่ 2
“เที่ยงคืน”
“เลิกงานแล้วเดี๋ยวฉันมารับแกไปสนามบิน”
“โอเค จริงๆ ฉันก็ว่าจะวานแกให้ไปส่งอยู่เหมือนกันแหละ ขอบใจน้าเพื่อนรัก” พูดจบณมนก็คว้ามีนาเข้ามากอด
“อย่ากอด ตัวฉันเหม็น”
“จะกอดมีอะไรไหม ไหนๆ ก็มาแล้ว คืนนี้ก็นอนด้วยกันสิ”
“เห็นว่าฉันใจง่ายจะชวนนอนด้วยตอนไหนก็ได้หรือไง” มีนาแย้งทันควัน
“ไม่นอนใช่ไหม”
“นอน” คำตอบของมีนาทำให้ณมนหัวเราะออกมา สุดท้ายคนที่กินหอยทอดหมดจานก็คือคนที่บอกว่าซื้อมาฝากเพราะคนรับฝากได้กินไปแค่ไม่กี่คำเท่านั้นเอง
“มันจะดีจริงๆ ใช่ไหมแกที่ฉันจะไปก่อนกำหนดแบบนี้”
“ดี ว่าแต่ทำไมแกถึงลังเล” มีนาเอ่ยถามเพราะตัวตั้งตัวดีจะบินก่อนกำหนดคือณมนแต่ไปๆ มาๆ กลับลังเลเสียเอง
“ไม่รู้สิ แค่รู้สึกตหงิดๆ บอกไม่ถูก กลัวถูกเซอร์ไพรส์กลับ”
“คิดมาก ไปเซอร์ไพรส์ก็คือเซอร์ไพรส์ คิดอะไรเยอะแยะ”
“นั่นสิ” ณมนเอ่ยรับ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอถึงรู้สึกกังวลใจแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ปัดทิ้งแล้วโฟกัสกับปัจจุบัน
ส่วนมีนาพออาบน้ำเปลี่ยนมาเป็นชุดนอนและหัวถึงหมอนไม่ถึงนาทีก็หลับสนิทไปอย่างง่ายดาย ในขณะที่ ณมนยังคุยไลน์กับคนรักแม้เวลาของพวกเขาจะต่างกันคนหนึ่งกลางวันอีกคนกลางคืนแต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคต่อคามรักที่พวกเขามีให้กัน
‘อิ้งไปนอนก่อนนะวิน’
‘ครับ วินรักอิ้งนะ’
‘รักเหมือนกัน’
วันเดินทางมีนาคือคนที่ขับรถไปส่งณมนที่สนามบิน อยู่เป็นเพื่อนจนกระทั่งณมนเข้าไปภายในตัวอาคารเพื่อรอขึ้นเครื่องเธอถึงกลับ เพราะมิตรภาพดีๆ แบบนี้ทำให้ทั้งสองคบหากันมานานตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมปลายด้วยซ้ำ พอเรียนมหาวิทยาลัยก็ยังสอบเข้าเรียนที่เดียวกัน
มีนาและณมนเป็นคนกรุงเทพฯ มาตั้งแต่เกิดแต่ครอบครัวณมนรับราชการตำรวจจึงต้องย้ายไปประจำการตามสถานที่ต่างๆ ตามคำสั่งเบื้องบนบ่อยๆ อย่างตอนนี้บิดาและมารดาของณมนก็อยู่ระยอง นั่นคือสาเหตุทำให้ณมนตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ไว้อาศัยเพราะสะดวกกว่าการอยู่บ้านพักข้าราชการ
สำหรับณมนแล้วนี่ไม่ใช่การเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตของเธอ เพราะสมัยเรียนมัธยมเธอก็เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ถึงสองปีและเคยไปเที่ยวต่างประเทศหลายครั้ง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปเพราะเธอตั้งใจไปหาคนรัก ระยะเวลานั่งเครื่องที่ยาวนานดูไม่ใช่อุปสรรคอะไรเลยแม้แต่น้อย ยิ่งใกล้จะถึงใจเธอก็ยิ่งเต้นแรง
ณมนลงจากเครื่องบินในเวลาอันรวดเร็วแต่เสียเวลาตรงรอกระเป๋านานหน่อยจากนั้นก็เดินทางไปยังที่พักซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ซึ่งเธอเลือกที่พักให้ใกล้กับมาวิน
“ใจเต้นจัง” ณมนเอ่ยบอกกับตัวเองพร้อมกับยกมือขึ้นทาบอกซ้ายของตัวเอง เธอเก็บกระเป๋าเดินทางในห้องพักเรียบร้อยแล้วและตั้งใจจะออกไปหากาแฟดื่มสักแก้วเพราะดูเหมือนตอนนี้ร่างกายกำลังต้องการคาเฟอีน เธอเดินอย่างระวังเพราะไม่อยากบังเอิญเจอกับมาวินเข้านั่นเอง แต่เพื่อความชัวร์จึงส่งข้อความไปเช็คกับชายหนุ่มเสียหน่อย
‘คิดถึงวินจัง วันนี้ไปเรียนหรือเปล่าคะ’
‘ไปครับ แต่ตอนนี้ผมง่วงมากเพราะเมื่อคืนอ่านหนังสือทั้งคืน’
‘สู้ๆ นะ อิ้งเป็นกำลังใจให้’
‘ขอบคุณมากครับอิ้ง มะรืนเราก็ได้เจอกันแล้ว ยิ่งใกล้จะเจอกันผมยิ่งคิดถึงอิ้ง’
ประโยคที่ได้อ่านทำให้ณมนยิ้มกว้างออกมา
‘อิ้งก็เหมือนกัน อิ้งรักวินนะ’
‘วินก็รักอิ้งมากเหมือนกัน เจอกันครับที่รัก’
นั่นคือคือบทสนทนาของทั้งคู่ ณมนนั่งยิ้มอย่างมีความสุขขณะไล่อ่านข้อความจากมาวินซ้ำไปซ้ำมาพร้อมจิบกาแฟไปด้วย รอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์ของเธอกำลังทำให้ชายปริศนาคนหนึ่งเผลอยิ้มตามไปด้วย เขามองหญิงสาวตัวเล็กผิวขาวจากเอเชียด้วยความสนใจ นี่ถ้าไม่ติดว่าเขามีประชุมคงเข้าไปทำความรู้จักเธอเสียหน่อย
ณมนส่งข้อความไปบอกมีนาว่าตอนนี้เธอถึงบอสตันอย่างปลอดภัยแล้วและเย็นนี้จะเริ่มแผนเซอร์ไพรส์มาวินทันที
‘คิดอะไรให้วุ่นวาย แค่แกโผล่หน้าไปก็เซอร์ไพรส์แล้ว’
นั่นคือความคิดของมีนาเพราะคนแบบเธอไม่ชอบอะไรที่มันซับซ้อน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามโดยเฉพาะความรัก
‘ถ้าแบบนั้นมันจะไม่ธรรมดาไม่เหรอ’
‘ไม่นี่ เพราะแค่แกบินไปหาเขาถึงที่นั่นก่อนกำหนดก็บิ๊กเซอร์ไพรส์มากแล้วหรือจะหาโบสีชมพูใหญ่ๆ สักอันมาคาดหัวก็ไม่เลวนะ’
แม้จะอยากได้ไอเดียการเซอร์ไพรส์ที่มากกว่านี้ แต่การติดโบบนหัวหรือตามร่างกายก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าท่าในความคิดของณมน
‘ไม่เอา ดูตลกยังไงไม่รู้’
‘เซอร์ไพรส์แบบง่ายๆ นี่แหละดีแล้ว ถ้าอยู่เมืองไทยค่อยว่าไปอย่าง ขืนเล่นใหญ่เกินเบอร์ถูกคนที่นั่นแจ้งตำรวจจับ งานเข้าเลยนะ’
‘จริงด้วย’
ณมนเห็นด้วยทันทีนั่นเพราะที่นี่ไม่ใช่เมืองไทยที่ชอบอะลุ่มอล่วยได้ในทุกๆ เรื่อง แค่เธอมาปรากฎตัวที่นี่ก่อนกำหนดก็น่าจะเซอร์ไพรส์มาวินได้มากแล้ว
แต่เหมือนโลกใบนี้จะไม่ยุติธรรมกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดั้นด้นข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาคนรักตามลำพังอย่าง ณมน เพราะตอนนี้ความจริงที่แสนโหดร้ายกำลังเล่นงานเธอเข้าอย่างจัง เมื่อสายตามองไปเห็นผู้ชายที่คุ้นตาคนหนึ่งเข้า ความรักที่มีล้นอกทำให้เธอเลือกที่จะเข้าไปทักเขาทันทีโดยไม่รีรออะไรอีกแล้ว
ทว่ากลับมีเสียงๆ สดใสของผู้หญิงเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน เสียงนั้นทำให้เธอที่อยู่ตรงซอกตึกชะงักเท้าได้ในทันที
“ฮันนี่”
