หลบไปเจ้าหนูเซียน
เขาได้ขายสมบัติที่ได้รับมาให้ร้านทั้งหมดภายในเมืองหลังจากเดินหาอยู่หลายรอบ แต่ก็เปลี่ยนมันเป็นผลึกวิญญาณระดับกลางได้เพียงสามหมื่นสามพันกว่าก้อน รวมกับที่เขามีอีกห้าร้อยกว่าๆ ก็เท่ากับว่าเขามีผลึกวิญญาณระดับกลางเพียงแค่สามหมื่นสี่พันก้อนเท่านั้น
มันยังห่างไกลจากเป้าหมายผลึกวิญญาณระดับกลางห้าหมื่นก้อนที่เขาตั้งเอาไว้
"หรือว่าข้าจะต้องขายอาวุธปฐพีขั้นกลางกระบี่หยกมรกตนั่น?”เยี่ยเฉินเฟิงได้ครุ่นคิด
แต่ทว่ากระบี่สวรรค์จวี้เชวี่ยเป็นอาวุธสวรรค์ที่มีค่ามากเกินไป โดยทั่วไปแล้วเขาใช้กระบี่หยกมรกตจะเป็นการดีที่สุด ดังนั้นถ้าหากขายกระบี่หยกมรกตไปจะมีผลกระทบอย่างมากต่อเขา
"แล้วข้าจะหาผลึกวิญญาณระดับกลางให้ครบห้าหมื่นก้อนได้อย่างไรเนี่ย" เยี่ยเฉินเฟิงจ้องมองไปบนท้องฟ้าที่เริ่มมืด เขาเดินทางหาร้านอาหารใกล้ๆ เพื่อแวะพักผ่อน
เทียนเว่ยจวีเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ทิศตะวันออกของเมืองและเป็นร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุด
เนื่องจากสถานที่แห่งนี้เป็นร้านอาหารที่ดีที่สุด ราคาอาหารจึงแพงอย่างมาก ถึงอย่างนั้นก็สามารถดึงดูดยอดฝีมือจำนวนมากให้มาที่นี่ได้
เยี่ยเฉินเฟิงได้นําหน้ากากจักจั่นออกมาแปลงโฉมก่อนจะเดินเข้าไปในเทียนเว่ยจวี เขาหาที่นั่งและสั่งอาหารจานที่ถูกปรุงด้วยเนื้อสัตว์อสูรและน้ำแกงมาสองสามอย่าง ทานไปด้วย ลอบฟังบทสนทนาของเหล่ายอดฝีมือไปด้วย
ในไม่ช้าเยี่ยเฉินเฟิงก็ได้ยินบทสนทนาของผู้ฝึกยุทธ์ทั้งสี่คนที่น่าสนใจมาก
"พี่เฟยท่านได้ยินหรือไม่? นิกายอัคคีสวรรค์ได้ระดมกำลังพลจากทั่วทุกสารทิศเพื่อออกไล่ล่าชายคนหนึ่งที่ชื่อเยี่ยเฉินเฟิง"
ชายผมขาวในวัยสามสิบปีดื่มเหล้าและพูดขึ้นอย่างไม่ลังเล
"ย่อมได้ยินมาบ้าง ข้าไม่รู้ว่าเยี่ยเฉินเฟิงมันไปทำอะไรถึงทำให้นิกายอัคคีสวรรค์ตั้งค่าหัวของมันสูงถึงขนาดนั้น ข่าวนี้ทำให้ทั่วทั้งมณฑลเป๋ยเสวี่ยแห่งนี้ต้องแตกตื่น" ชายวัยกลางคนที่มีหนวดเครากินเนื้อสัตว์อสูรอย่างเอร็ดอร่อยและตอบกลับ
"พี่เฟิง แล้วรางวัลที่ทางนิกายอัคคีสวรรค์เสนอคืออะไร?” ชายอีกสองคนได้กล่าวถามด้วยความสนใจ
"ได้ยินมาว่านิกายอัคคีสวรรค์จะมอบผลึกวิญญาณระดับกลางหนึ่งหมื่นก้อนให้แก่คนที่พบเบาะแสของเยี่ยเฉินเฟิง หากสามารถนําไปสู่การจับกุมได้พวกเขาจะตอบแทนเป็นผลึกวิญญาณระดับกลางสามหมื่นก้อนและอาวุธปฐพีขั้นต่ำสองชิ้น" ชายผมขาวกล่าวตอบ
"อะไรนะ เพียงแค่พบเบาะแสของเยี่ยเฉินเฟิงก็ได้รับรางวัลงามขนาดนั้นเลย?”
ได้ยินคำพูดจากชายผมขาวชายในชุดคลุมสีเทา ทั้งสามคนตื่นเต้นอย่างมาก พวกเขาไม่คิดเลยว่าเพียงแค่พบเบาะแสของเยี่ยเฉินเฟิงก็จะได้ผลึกวิญญาณระดับต่ำหนึ่งหมื่นก้อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้าสามารถนําพาไปสู่การจับกุมอีกฝ่ายได้ พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระตือรือร้น
"พี่เฟิง ถ้าข้าพบเบาะแสของเยี่ยเฉินเฟิงข้าจะต้องไปแจ้งที่ไหน?” ชายในชุดคลุมเทากล่าวถาม
"ถ้าเจ้าสนใจจริงๆ ก็ไปที่ภูเขาเทียนซาน ได้ยินมาว่านิกายอัคคีสวรรค์ได้จัดตั้งขุมกำลังชั่วคราวขึ้นที่นั่น" ชายผมขาวกล่าวตอบ
"นิกายอัคคีสวรรค์ถึงขนาดตั้งรางวัลนําจับข้า?”
ได้ยินบทสนทนาของทั้งสี่คนเยี่ยเฉินเฟิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
การที่นิกายอัคคีสวรรค์ไล่ล่าเขาก็อยู่ในการคาดเดาของเยี่ยเฉินเฟิงอยู่ก่อนแล้ว แต่เขาไม่คิดเลยว่านิกายอัคคีสวรรค์จะมอบรางวัลที่สูงล้ำเช่นนี้
"ในเมื่อข้าหากผลึกวิญญาณระดับกลางยังไม่ครบ เช่นนั้นข้าก็จะไปแย่งชิงจากพวกมันโดยตรงเลย"
เยี่ยเฉินเฟิงตัดสินใจที่จะไปที่ภูเขาเทียนซานเพื่อทำการแย่งชิงและมอบบทเรียนให้กับนิกายอัคคีสวรรค์อีกครั้ง
แน่นอนว่าเขาไม่ได้กลัวอันตรายที่ซ่อนอยู่ในภูเขาเทียนซาน เพราะด้วยความแข็งแกร่งของเยี่ยเฉินเฟิงในปัจจุบันรวมถึงไพ่จำนวนมากที่เขามี หากคิดจะหนีเขาย่อมสามารถหลบหนีออกไปได้
"หึ อาศัยแค่พวกเจ้าสามคนน่ะหรือจะมาชิงส่วนแบ่ง? ช่างไม่รักชีวิตเอาเสียเลย”
ในตอนนั้นเองเสียงเยาะเย้ยของใครบางคนก็ลอยมาจากภายในโรงเตี๊ยม ชายในชุดคลุมยาวสีขาวสวมกวานทรงสูงบนศีรษะ ยกสุราชั้นดีในมือขึ้นจิบก่อนจะเอ่ยปรามาสออกมา
"มารดามันเถอะ แกกล้าว่าพวกเราเป็นพวกไม่เจียมกะลาหัวหรือ" ชายในชุดคลุมสีเทาคนหนึ่งได้ตะโกนขึ้นเสียงดัง
"ใช่ พวกเจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก"
"พวกเจ้ายังไม่มีพลังถึงเขตแดนเซียนอสูรสวรรค์ยังกล้าที่จะคิดจับกุมเยี่ยเฉินเฟิง แม้แต่จะข้ามภูเขาเทียนซานยังเป็นไปไม่ได้เลยมั้ง" ชายในชุดคลุมขาวกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยาม
"ภูเขาเทียนซานไม่ได้มีข้อกำหนดว่าระดับต่ำกว่าเซียนอสูรสวรรค์ไม่มีสิทธิ์เข้าไป ทำไมพวกเราถึงจะเข้าไปไม่ได้?” ชายในชุดคลุมสีเทากล่าวอย่างไม่แยแส
"แน่นอนว่าไม่มีกฎที่ว่าห้ามต่ำกว่าเซียนอสูรสวรรค์เข้าไป แต่ถึงพวกเจ้าเข้าไปก็ทำได้เพียงเป็นอาหารของพวกสัตว์วิญญาณที่อยู่ในป่าเหล่านั้น ฮ่าฮ่า" ชายชุดขาวกล่าวหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
"เจ้า"
เมื่อชายในชุดคลุมสีเทาทนไม่ไหวและกำลังจะพุ่งโจมตีใส่ชายชุดขาว ชายชุดขาวกระเบิดพลังในระดับเซียนอสูรสวรรค์ออกมา
"เซียนอสูรสวรรค์เขาเป็นเซียนอสูรสวรรค์!"
"เขายังเด็กอยู่แท้ๆ ทำไมถึงมีความแข็งแกร่งถึงเซียนอสูรสวรรค์ได้ ไม่ผิดแน่เขาจะต้องเป็นอัจฉริยะหาใดเปรียบ"
เมื่อรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายพลังของชายชุดขาวทั้งสี่คนก็หวาดกลัว แม้ว่ากลิ่นอายพลังของเซียนอสูรสวรรค์จะมีอยู่ในร้านอาหารแห่งนี้เหมือนกัน แต่คนเหล่านั้นก็ไม่มีใครเยาว์วัยเท่ากับชายหนุ่มเบื้องหน้าของเขา
เห็นทั้งสี่คนหวาดกลัวตัวเอง ชายชุดขาวรู้สึกพึงพอใจเขาจึงพูดออกมาว่า
"บอกข้ามาว่าภูเขาเทียนซานอยู่ที่ไหน" ชายชุดขาวกล่าวถามออกมาอย่างเยือกเย็น
