เจ้าช่างโอหัง
ชายชุดขาวที่ว่าก็คือเยี่ยเฉินเฟิง เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปที่เบื้องหน้าของทั้งสี่คน
"มารดามันเถอะเรื่องอะไรข้าจะต้องบอกเจ้า"
ได้ยินคำสั่งของเยี่ยเฉินเฟิง ชายในชุดคลุมสีเทาก็ได้คำรามออกมา
"ข้าจะไม่พูดอีกเป็นครั้งที่สาม บอกข้ามาว่าภูเขาเทียนซานอยู่ที่ไหน"
จากนั้นเยี่ยเฉินเฟิงก็ได้ปลดปล่อยอำนาจกระบี่ที่ทรงพลังออกมา กระแทกร่างกายของชายในชุดคลุมสีเทาคนหนึ่งกระเด็นลอยไปไกล
"ภูเขาเทียนซาน"
เห็นพรรคพวกของตนเองถูกจัดการลงอย่างรวดเร็ว ชายในชุดคลุมสีเทาอีกคนได้กล่าวบอกตำแหน่งสถานที่ของภูเขาเทียนซาน
หลังจากรู้ที่ตั้งของภูเขาเทียนซานแล้ว เยี่ยเฉินเฟิงก็ทิ้งผลึกวิญญาณระดับต่ำหลายร้อยก้อนไว้และเดินออกจากเทียนเว่ยจวี เป้าหมายต่อไปของเขาก็คือภูเขาเทียนซาน
ภูเขาเทียนซานเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลเป๋ยเสวี่ย
ยอดเขาสูงตระหง่านไร้ที่สิ้นสุด ส่วนที่เหลือก็สูงต่ำลดหลั่นกันไป บางลูกก็ยิ่งใหญ่ทรงพลัง บางลูกก็เขียวขจีมีพืชพรรณ บางลูกขาวโพลนไปด้วยหิมะ บางลูกก็คดเคี้ยวเหมือนมังกรขด
สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยธรรมชาติทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพลังสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ ราวกับแดนเซียนก็มิปาน
ในส่วนลึกของภูเขาเทียนซานมีดอกไม้และหญ้าแปลกตานับไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมีสัตว์วิญญาณที่ดุร้ายจำนวนมาก ผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปไม่กล้าที่จะเข้าไปยังส่วนลึกนี้
"ไม่คิดเลยว่านิกายอัคคีสวรรค์จะเลือกสถานที่ตั้งกองกำลังชั่วคราวไว้ตรงนี้ ดูแล้วน่าจะมียอดฝีมือจำนวนมากถูกส่งมาจากนิกายอัคคีสวรรค์
เยี่ยเฉินเฟิงที่บินอยู่เหนือท้องฟ้าได้มองเห็นพื้นที่ก่อสร้างที่สร้างขึ้นมาใหม่จำนวนมาก มันได้ปกคลุมเป็นวงกว้างครอบคลุมเชิงเขา
"ที่นี่คือค่ายกองกำลังชั่วคราวของนิกายอัคคีสวรรค์ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องไม่มีสิทธิ์เข้าไป"
เยี่ยเฉินเฟิงได้ร่อนบินลงมาด้านล่างไม่ไกลจากค่ายกองกำลัง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินไปที่จุดทางเข้าของค่ายชั่วคราวและถูกศิษย์จากนิกายอัคคีสวรรค์สองคนสวมชุดขาวขวางทางและตะโกนห้าม
"ข้ามาที่นี่เพื่อรับรางวัล" เยี่ยเฉินเฟิงที่สวมใส่หน้ากากจักจั่นปลอมแปลงกล่าวอย่างเยือกเย็นและระเบิดพลังวิญญาณออกมา
"เซียนอสูรสวรรค์ระดับสอง”
เมื่อรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของเยี่ยเฉินเฟิง ใบหน้าที่เย็นชาของศิษย์จากนิกายอัคคีสวรรค์ทั้งสองคนได้ก็ผ่อนคลายลง อย่างมาก พวกเขาก็ไม่สงสัยในความแข็งแกร่งของเยี่ยเฉินเฟิง
"เชิญท่านเข้าไปข้างใน"
เยี่ยเฉินเฟิงเดินเข้าไปในค่ายกองกำลังชั่วคราวและพบว่ามีอักขระปกคลุมเป็นระยะกว้างหลายสิบลี้ เมื่อกระตุ้นอักขระขึ้นม่านปราการพลังที่แข็งแกร่งก็จะปรากฏออกมา มันสามารถจัดการกับบรรพชนอสูรลี้ลับขั้นแรกได้
แม้ว่าค่ายกองกำลังชั่วคราวของนิกายอัคคีสวรรค์จะมีการป้องกันที่ดี แต่สมองกลืนเทวะของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก ในจิตใจของเยี่ยเฉินเฟิงได้ปรากฏชิ้นส่วนวิญญาณข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่อักขระ ทำให้เขาเข้าใจมันและมองเห็นจุดอ่อนของอักขระนี้
จากนั้นเยี่ยเฉินเฟิงก็ใช้พลังของสมองกลืนเทวะลอบเข้าไป เพื่อหักล้างอักขระให้มันไม่มีผลกับเขา
ผ่านไปชั่วครึ่งก้านธูป เยี่ยเฉินเฟิงก็เดินมาถึงพื้นที่จัตุรัสว่างเปล่า เขาพบว่ามีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่และพลังของคนเหล่านี้อยู่ในระดับเซียนอสูรสวรรค์เป็นอย่างต่ำ
"มีเซียนอสูรสวรรค์มากมายมารวมตัวกันที่นี่!"
เยี่ยเฉินเฟิงมองเห็นเซียนอสูรสวรรค์หลายสิบคน มุมปากของเขาได้เผยรอยยิ้มแปลกๆ ออกมา เขาไม่คิดเลยว่ารางวัลค่าหัวของเขาที่ทางนิกายอัคคีสวรรค์ตั้งเอาไว้จะดึงดูดเซียนอสูรสวรรค์มากมายขนาดนี้
อย่างไรก็ตามเยี่ยเฉินเฟิงไม่ได้กังวล หากเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายจริงๆ เขาสามารถบินหลบหนีออกจากที่นี่ด้วยปีกวิหคทองคำโบราณในทันที
"หืม? ข้าคิดว่ายอดฝีมือสามคนนั้นคงจะเป็นคนจากนิกายอัคคีสวรรค์"
เยี่ยเฉินเฟิงที่เดินผ่านพื้นที่จัตุรัสว่างเปล่าและเข้าไปยังห้องโถงใหญ่ที่สร้างขึ้นใหม่ เขาพบชายชราสามคนที่อยู่ภายในห้อง
ชายชราทั้งสามคนนั้นมีใบหน้าที่เย่อหยิ่งและโอหัง ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากลุ่มคนเหล่านั้นจะต้องเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสจากนิกายอัคคีสวรรค์อย่างแน่นอน
แม้ว่าในห้องโถงนี้จะมีเซียนอสูรสวรรค์มากกว่าหนึ่งโหล แต่ทั้งสามคนกลับแข็งแกร่งที่สุดทั้งยังเป็นถึงเซียนอสูรสวรรค์ระดับห้า
เมื่อเยี่ยเฉินเฟิงเดินเข้าไปในห้องโถง เขาก็ได้รับความสนใจจากเซียนอสูรสวรรค์ที่อยู่ภายในห้องโถงทันที
"ข้ามีเบาะแสของเยี่ยเฉินเฟิง เช่นนั้นขาสามารถมารับรางวัลได้ใช่หรือไม่?” เยี่ยเฉินเฟิงจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสจากนิกายอัคคีสวรรค์ทั้งสองคน เขากล่าวถามเสียงแข็ง
"เจ้ามีเบาะแสของเยี่ยเฉินเฟิง?”
ชายในชุดคลุมไหมน้ำแข็ง เขาเป็นผู้อาวุโสจากตำหนักหยินหยาง เอกลักษณ์ของเขาก็คือรอยแผลเป็นที่มุมดวงตาข้างซ้าย เขาจ้องมองไปที่เยี่ยเฉินเฟิงด้วยสีหน้าที่เฉยชา
และผู้อาวุโสจากตำหนักหยินหยางคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือปู่ของโยวซานเสียน เพื่อที่จะล้างแค้นให้กับหลานชายของเขา โยวเหวินยวนได้ส่งโยวหมิงจือไปหาตัวของเยี่ยเฉินเฟิงแต่ก็ถูกฆ่าตาย
"ใช่" เยี่ยเฉินเฟิงพยักหน้าตอบกลับ "แต่ก่อนที่ข้าจะให้เบาะแสข้าต้องการดูของรางวัลก่อน"
"สบายใจเถอะ ตราบใดที่เจ้ามีเบาะแสและให้ข้อมูลได้อย่างถูกต้องรางวัลจะเป็นของเจ้า" โยวเหวินยวนกล่าวอย่างเย็นชา
"ต้องขอโทษด้วย ข้าจะไม่ให้เบาะแสจนกว่าจะเห็นรางวัล" เยี่ยเฉินเฟิงสั่นศีรษะทันที
"ก็ได้ ข้าจะให้เจ้าเห็นรางวัลและข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ได้เล่นตุกติกอะไร ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจกับเจ้า"
โยวเหวินยวนกล่าวออกมา พริบตาเดียวถุงเอกภพสีทองก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของทั้งสอง
โยวเหวินยวนได้ปลดปล่อยพลังวิญญาณของเขาเข้าไปในถุงเอกภพสีทอง และเผยให้เห็นผลึกวิญญาณระดับกลางอยู่ข้างในจำนวนมาก
"นี่คือผลึกวิญญาณระดับกลางหนึ่งหมื่นก้อน ตราบใดที่เบาะแสของเจ้าที่ให้พวกเรามานั้นเป็นของจริง ผลึกวิญญาณระดับกลางหนึ่งหมื่นก้อนนี้ก็จะเป็นของเจ้า"
"แต่ถ้าเบาะแสที่เจ้าให้มามันเป็นของปลอม ก็อย่ากล่าวโทษข้าที่จะหยาบคายต่อเจ้า" โยวเหวินยวนที่เห็นเยี่ยเฉินเฟิงเป็นเพียงเซียนอสูรสวรรค์ระดับสอง เขาไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
"ก็ได้ เพราะถึงอย่างไรเยี่ยเฉินเฟิงก็อยู่ที่นี่แล้ว"
