Episode 29
“เช่นนั้นข้าขอตัว เพราะข้าคิดว่าคงจะไม่มีอะไร ที่จะต้องคุยกับเจ้าอีกแล้ว”
“เช่นกันครับ หวังว่าจะได้เจอกับคุณหนูอีกนะครับ”
ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะเจอหรอกนะ ขนาดไม่ได้บอกว่าให้เรียกเก็บเงินที่พระราชวังยังดำเนินเรื่องให้ซะเสร็จสรรพ แปลว่ากิลล์มาสเตอร์วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รับจดหมาย
ผมหยิบกล่องบัตรกิลล์ของผมขึ้นมาและเดินออกไปจากห้องรับแขกโดยทันที แล้วมิคาเอลก็หยิบกล่องแล้วเดินตามผมออกมาด้วยเหมือนกัน
_ภายในห้องรับแขก
หลังจากที่ยุยและมิคาเอลเดินออกไปจากห้องรับแขก กิลล์มาสเตอร์ก็หยิบจดหมายที่เก็บเอาไว้ภายในกระเป๋าเสื้อ ขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
=ในนามของคงค์ราชาของประเทศโฮลไรท์ ข้าขอสั่งให้เจ้าทำตามความปรารถนาของเด็กสาวผู้นี้อย่าให้ขาดตกบกพร่อง และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเด็กสาวผู้นี้จะต้องเป็นความลับทั้งหมดรวมทั้งตัวของเจ้าเองด้วย=
_มุมซ้ายด้านล่างของจดหมาย
=การถามถึงประวัติของเด็กสาวผู้นี้ถือว่าเป็นเรื่องต้องห้าม=
“ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ฮะๆๆ”
_ด้านหน้าเค้าเตอร์
ผมเดินออกมาหน้าเค้าเตอร์ เพราะว่าจะมาติดต่อเรื่องเควส
“มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือเจ้าคะ คุณหนู...”
“ข้าแค่อยากจะขอดูเควสที่เหมาะสมกับตัวของข้าเองเท่านั้น”
“เข้าใจแล้วค่ะ เอ๋.... ถ้าเช่นนั้น ดิฉันขอบัตรนักผจญภัยของคุณหนูด้วยนะเจ้าค่ะ”
พนักงานที่เห็นผมเดินเข้ามาถามแบบนั้น ก็เอียงคอเหมือนกับกำลังนึกอะไรบางอย่าง แต่รู้สึกว่าดูเหมือนว่าจะไม่แน่ใจก็เลยขอบัตรนักผจญภัยของผมไป ซึ่งผมเองก็ยื่นบัตรไปให้อย่างไม่ลังเล
พนักงานเดินหายไปสักพักใหญ่ๆ
“ต้องขออภัยด้วยนะเจ้าค่ะคุณหนู ตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาสั่งห้ามนักผจญภัยออกไปด้านนอกเมือง แล้วขอให้ไปรวมตัวกันที่หน้าประตูเมืองด้วยเจ้าค่ะ”
“เอ๋... แต่ข้าพึ่งจะมาสมัครเป็นนักผจญภัยเมื่อสักครู่นี้เองนะ อยู่ดีๆ ก็จะไม่ให้ทำเควสแล้วจะให้ไปรวมตัวกับพวกนักผจญภัยที่หน้าประตูเมืองอีก นี่มันหมายความว่ายังไง”
“คือ... ข้าก็ไม่เข้าใจเจ้าค่ะ แต่ในเมื่อมีคำสั่งของพระราชา ในฐานะนักผจญภัยของเมืองหลวง ทุกท่านก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เจ้าค่ะ”
หรือว่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับปีศาจหลุดลอดเข้ามาเป็นจำนวนมากที่พระราชาฝากมิคาเอลมาขอความช่วยเหลือกับพวกหม่าม้ากันนะ
ก็ตั้งใจว่าจะไปเจอกับพวกปีศาจด้วยตัวเองอยู่หรอก แต่ว่านี่มันจะไม่ดูโหดร้ายไปหน่อยเหรอ? สำหรับนักผจญภัยมือใหม่อย่างผม แล้วผมที่พึ่งจะมาสมัคเป็นนักผจญภัยได้ไม่นานก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารด้วยเลยซะงั้น
มันไม่ไร้เหตุผลมากเกินไปหน่อยหรอ ที่จะเอาคนไม่มีประสบการณ์อะไรเลยเอาไปเป็นทหารเนี่ย หรือว่าจะมองกันที่คุณสมบัติพื้นฐานกันนะ แค่ใช้เวทย์ได้หรือพอมีประสบการณ์การฝึกฝนหน่อยก็สามารถยืนแนวหลังได้แล้ว อะไรทำนองนี้
“หม่าม้าเอลาส จะเอายังไงดีคะ มันฟังดูแปลกๆนะคะ หม่าม้าเอลาส”
“ก็ไม่รู้สิจ๊ะ ข่าวก็แจ้งมาแล้ว คำขอก็ได้รับแล้ว องค์ราชานั่นคงจะรู้ เลยให้ยุยมาเป็นนักผจญภัยโดยที่ไม่คิดที่จะบอกกล่าวเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ให้พวกเรารับรู้เลยแม้แต่น้อย ง่ายๆ แค่ยุยจังรับจดหมายแนะนำตัวนั่นไปพร้อมๆ กับคำขอที่ฝากมิคาเอลมา ก็เท่ากับยุยจังตอบตกลงที่จะช่วยอยู่แล้วไม่ใช่หรือจ๊ะ แล้วมิคาเอลเองก็อยากจะช่วยอยู่แล้วด้วย”
ก็จริงตามที่หม่าม้าเอลาสพูดออกมา ผมเองยังคิดไม่ถึงเรื่องนี้เลยนะว่าเรื่องนี้จะมีความหมายอย่างนี้แอบแฝงอยู่ด้วย ผมตามไม่ทันเลยจริงๆ
ผมหันไปมองมิคาเอลพร้อมๆ กับคิดว่า มันก็จริง ถ้ามิคาเอลอยากจะช่วย ผมเองก็ไม่ปฏิเสธ เพราะงั้นก็หมดข้อสงสัยทุกอย่าง
“มิคาเอลเจ้าอยากจะช่วยกำจัดปีศาจสินะ”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
อนึ่ง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พระราชาเองก็รับรู้อยู่แล้วว่า เวลานี้ ไม่ใช่เวลาที่จะออกไปผจญภัย เลยยอมเขียนจดหมายแนะนำตัวให้พวกผมมา หรือจะให้เข้าใจอีกอย่างก็คือ สถานการณ์แบบนี้ อย่างน้อยๆ พระราชาจะต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน ที่จะปล่อยให้พวกเราออกมานอกพระราชวัง นอกเสียจากจะมีนัยยะแอบแฝง
คุณพนักงานที่ได้ยินผมถามมิคาเอลออกไปแบบนั้น
“ด-เดี๋ยว! ดิฉันยังไม่ได้บอกคุณหนูเลยนะเจ้าค่ะว่าเราจะกำจัดปีศาจ......”
ก็บอกอยู่นี่ไง แล้วยังจะไม่ได้บอกอีก ถึงไม่บอกก็พอเดาออกอยู่แล้ว เพราะว่ามันดูผิดปรกติตั้งแต่ขอดูเควสแล้ว แล้วบวกกับเรื่องที่พวกผมพอจะรู้มาจากพระราชา
“แค่รู้แค่นั้นเอง แล้วมันใช่เรื่องนั้นหรือเปล่า ที่จะให้เหล่านักผจญภัยทั้งหมดออกไปรวมตัวกัน”
“ค่ะ ต้องขออภัยที่ต้องปิดบังค่ะคุณหนู เพราะนักผจญภัยบางคนที่ได้ยินเรื่องนี้ ก็อาจจะถึงกับหนีไปก็มีเจ้าค่ะ”
ก็พอเข้าใจอยู่หรอก เพราะปีศาจนั้นมีพลังมากใช่ไหมหล่ะ เท่าที่ได้ยินมา แล้วก็เป็นที่หวาดกลัวของพวกมนุษย์ด้วย ยกเว้นพวกผู้กล้า ที่กำลังตื่นเต้นกันใหญ่
“งั้นพวกข้าขอตัวดีกว่า เพราะยังไงเควสที่จะให้ทำมันก็ไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่นา”
“ต้องขออภัยเจ้าค่ะ เพราะว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่ว่าคุณหนู.... จะไปที่นั่นสินะเจ้าคะ”
“คงงั้นละนะ เพราะข้าเองก็ตั้งใจที่จะได้เห็นปีศาจสักครั้งหนึ่งอยู่เหมือนกัน”
ถึงหลังจากนั้นคุณพนักงานจะบอกว่าให้หนีไปก็ได้ แต่ผมก็ไม่ได้ทำตาม เพราะผมไม่ได้ตั้งใจที่จะหนีอยู่แล้ว
ที่ผมพูดอย่างนี้ก็เพราะว่าผมลองถามพวกหม่าม้าดูแล้วว่า พวกมันน่ากลัวไหม พวกหม่าม้าก็ตอบกลับมาว่า ไม่น่ากลัวเลย ยิ่งพวกหม่าม้าที่เป็นภูติต้นกำเนิดแล้วด้วยนั้น ระดับจอมมารก็ไม่ใช่ปัญหา
งั้นเหรอ.....
แล้วมันก็เป็นความต้องการของมิคาเอลที่อยากจะกำจัดพวกเหล่าปีศาจที่มารุกรานประเทศรอบข้างนี้อีกด้วย โดยคำนึกถึงความปลอดภัยของผม
หลังจากนั้นผมก็เดินออกมาด้านหน้ากิลล์นักผจญภัย และมองไปรอบๆ
ไม่แปลกเลยแฮะ ว่าทำไมคนถึงได้ดูแปลกใจกัน เพราะคำสั่งแปลกๆ ที่ได้รับนั่นมันไม่ใช่เรื่องปรกติเลย ที่จะให้เหล่านักผจญภัยไปรวมตัวกันที่หน้าประตูเมือง
“คุณหนูค่ะ ถ้าคุณหนูไม่อยากจะไปก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ให้ดิฉันไปเพียงผู้เดียวเถอะเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่ได้บอกสักหน่อยนี่ว่าไม่ต้องการที่จะไป เพราะงั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย แล้วอย่าพึ่งด่วนสรุปกันไปเอง ไม่แน่เราอาจจะเจอปีศาจเป็นกองทัพก็อาจจะเป็นไปได้”
ดุเหมือนว่ามอิคาเอลจะคิดว่าเป็นเพราะตัวของมิคาเอลเอง เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้ มิคาเอลก็เลยรู้สึกเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่ผมที่ไม่ได้คิดแบบนั้น ก็ได้แสดงเจตนาของตัวเองให้กับมิคาเอลให้เห็นอีกครั้งว่า ที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ เพราะเป็นความต้องการของตัวเอง
“แต่ว่าข้าไม่มั่นใจ เพราะฉะนั้น.....”
หลังจากที่มิคาเอลกลายไปเป็นเผ่าทูต ผมก็สัมผัสได้ว่าเธออยู่ในระดับที่สูงมาก แต่มากแค่ไหนนั้นผมไม่อาจรู้ได้ เพราะขนาดเจ้าตัวยังไม่มั่นใจตัวเองเลยว่า พลังของตนนั้นมีมากแค่ไหน
เอาเถอะ เพราะมิคาเอลเป็นทูตตนแรก ผมเลยกำหนดให้เธอเป็นทูตที่มีพลังที่แข็งแกร่งที่สุดตามชื่อของเธอที่ผมตั้งให้
“เจ้าอย่าได้วิตกกังวลไปเลย พวกหม่าม้าจะคอยปกป้องข้าเอง เพราะงั้น... เจ้าอย่าได้เป็นห่วงเรื่องนั้นไปเลย”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะคุณหนู ถ้าเช่นนั้นข้าจะพาคุณหนูไปยังหน้าประตูเมืองเองนะเจ้าค่ะ”
“อืม... นั่นสินะ ไปกันเถอะ”
รู้สึกเหมือนจะหลวมตัวตอบโดยไม่ได้ถามไถ่ว่าจะไปกันด้วยวิธีไหน แต่ก็ไม่ทันแล้ว....
พรึบ!!!!!!
เอ๋.... อยู่ดีๆ มิคาเอลก็เอาปีกออกมา ปีกทั้งสองข้างของมิคาเอลกว่างราวๆ สามเมตรได้เลย จนผมต้องเผลอหลุดร้องออกมาหลังจากที่มิคาเอลอุ้มผมขึ้นมาด้วยท่าเจ้าหญิง
“จับแน่นๆ นะเจ้าค่ะคุณหนู....”
มิคาเอลเอาจริงหรือเนี่ย นี่มันกลางเมืองเลยนะ เดี๋ยวก็โดนเข้าใจว่าเป็นปีศาจหรอก จริงสิแทนที่จะเป็นห่วงเรื่องนั้น มาเป็นห่วงเรื่องผู้คนที่อยู่หน้าตึกกิลล์นักผจญภัยที่กำลังแตกตื่นก่อนดีกว่า
ฟรุบ!!! ฟรุบ!!! ฟรุบ!!! ฟรุบ!!! ฟรุบ!!! ฟรุบ!!!
มิคาเอลไม่ได้สนใจและบินขึ้นไปอย่างไม่คิดที่จะลังเลเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ตาม ผมอายสุดๆ ไปเลยล่ะ เพราะผมไม่คิดว่ามิคาเอลจะกล้าอุ้มท่าเจ้าหญิงขึ้นไปบนฟ้าแบบนี้
น่าอายจัง......
ปีกสีขาวโบกสะบัดอย่างช้าๆ ก่อนที่จะหายลับไปยังขอบฟ้าไปทางหน้าประตูเมือง
_ด้านหน้ากิลล์
กิลล์มาสเตอร์และพนักงานบางส่วนที่ยืนอยู่ที่หน้ากิลล์ ด้วยเหตุผลบางประการ
“นั่น!!! นั่น!!! กิลล์มาสเตอร์ค่ะ พวกเธอเป็นตัวอะไรกันแน่คะ! ”
“ไม่รู้สิ รู้แค่ว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อประเทศของเรามากแน่ๆ และมันเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากด้วย ที่มีเผ่าพันธุ์แบบนั้นอยู่ด้วย แถมยังเป็นเพียงแค่ผู้ติดตามของคุณหนูท่านนั้น แปลว่าคุณหนูท่านนั้นจะต้องมีความพิเศษอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่ ไม่งั้นองค์ราชาคงจะไม่ส่งคุณหนูท่านนั้นมาในช่วงเวลาแบบนี้หรอก”
