บท
ตั้งค่า

Episode 26

“พลังของข้า....”

พลังของข้าไม่ใช่พลังเวทย์ที่เลิศเลออะไร สิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์นั้น ตัวข้าเองก็ไม่เคยใช่มันเลยแม้แต่น้อย ตลอดมามันเป็นเพียงแค่สิ่งที่เหล่าสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ ดลบันดาลให้มันเป็นจริง

ธรรมชาติ ผืนปฐพี ท้องฟ้า ท้องนภา สายน้ำ สายฝน หรือแม้กระทั่งเหล่าสิ่งมีชีวิตชั้นสูง ล้วนแล้วต้องการทำความปรารถนาของข้าให้เป็นจริงด้วยกันทั้งสิ้น อาจจะด้วยเหตุผลที่ดูเรียบง่ายที่อยากจะสรรเสริญข้า แต่ถึงกระนั้น ข้าก็ไม่เคยเรียกร้องถึงสิ่งเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย

แล้วพลังที่แท้จริงของข้านั้น... คือต้นกำเนิด และดับสูญทุกสรรพสิ่ง เป็นพลังที่เรียบง่ายและข้าไม่เคยใช้มันอีกเมื่อนานมาแล้ว เพราะไม่ว่าข้าจะปรารถนาถึงสิ่งใด ทุกสรรพสิ่งย่อมดลบันดาลให้เป็นจริงเสมอ เป็นดังวาจาสิทธิ์ที่ผู้คนต่างกล่าวขานกัน

“สาวน้อยผู้โชคร้าย ลูเซี่ยน ที่ตกอยู่ในชะตากรรมอันเป็นดังทะเลทุกข์ ถ้าเจ้าพร้อมที่จะปล่อยวางซึ่งทุกสิ่งจากโลกนี้ ข้าก็จะขอให้คำมั่นสัญญากับเจ้าว่า จะพาเจ้าออกมาจากชะตากรรมอันเป็นที่สุดของเจ้า

ลูเซี่ยนเอ๋ย.... ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้นจริง แล้วให้คำมั่นสัญญากับข้าว่า จะติดตามรับใช้ข้าไปจวบจนชั่วนิรันดรด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ที่ยึดมั่นของเจ้าแล้ว.... เจ้าจงตอบรับการเรียกของข้าซะ ลูเซี่ย.......”

เกิดแรงลมในห้องจนผิดปรกติ หลังจากที่ได้รับความทรงจำเพียงเล็กน้อยกลับคืนมา

วิญญาณของลูเซี่ยนที่ไม่แม้แต่จะคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็ถึงกับทรุดตัวลงไปต่อหน้าผู้ที่กำลังเรียกชื่อของตนอยู่ จนลูเซี่ยนที่ทรุดลงไปกับพื้นนั้น ก็ได้เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเด็กสาวตรงหน้าของตน ที่แม้แต่จะมองอีกสักกี่ครั้ง ก็ไม่อาจจะละสายตาไปจากดวงตาคู้นั้นได้

แล้วหลังจากนั้นเด็กสาวก็ได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยให้กับลูเซี่ยนด้วยดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประกายแสงสีทอง พร้อมๆ กับเส้นผมสีขาวดั่งหิมะที่พริ้วไสวไปตามแรงลมที่อยู่ภายในห้องนี้ ซึ่งมันทำให้ลูเซี่ยนที่มองเห็นภาพของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านั้น เกิดความตื้นตันใจจนมิอาจจะกลั้นน้ำตาที่มีให้กับเด็กสาวผู้นี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตนได้

และเด็กสาวก็ได้ยื่นมือเล็กๆ ของเธอมาให้กับกับลูเซี่ยน อย่างช้าๆ

“ข้า.... ข้า... อยากอยู่กับคุณหนู... ตลอดไปเจ้าค่ะ....”

“เจ้าสัญญาแล้วนะ ลูเซี่ยน จากนี้ต่อไป เจ้าจะมีนามว่า มิคาเอล และเป็นเผ่าทูตสวรรค์คอยติดตามข้าไปตราบชั่วนิรันดร........”

บัดนี้.... เจ้าเป็นอิสระจากโลกใบนี้แล้ว....

หลังจากสิ้นสุดทุกสิ่งอย่าง มือเล็กๆ ที่ยื่นไปให้ลูเซี่ยน ก็ได้ถูกดึงขึ้นมาอย่างช้าๆ ซึ่งสายตาที่มองรอบๆ ที่มองมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็เริ่มเบิกกว้างเพราะแสงสีทองที่ปรากฏออกมานั้นคือลูเซี่ยนไม่ผิดแน่

แต่ทว่า.....

“หัวหน้า.... “

“ทูตสวรรค์ คืออะไรกัน?”

“มันเป็นไปได้งั้นหรือ พระสันตะปาปา”

เกิดความสับสนขึ้นภายในห้องทรมานอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าหลังจากที่แสงสีทองนั้นได้จางหายไป

พรึ่บ!!!

ปีกทั้งหกแผ่สยายออกจนน่าตกใจ อย่างกับปีกทั้งหกที่แผ่สยายออกมานั้นเป็นดั่งภาพวาดที่วิจิตรบรรจง จนทุกๆ สายตาที่ประจักษ์ ไม่อาจละสายตาไปจากภาพที่อยู่ตรงหน้าได้

ลูเซี่ยนที่ที่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่ได้สิ้นลมจากโลกนี้ไปแล้ว ก็ค้อยๆ คุกเข่าลงอย่างช้าๆ พร้อมๆ กับใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยหยาดน้ำตา

แต่ถึงกระนั้น ลูเซี่ยนก็ยังไม่ยอมปล่อยมือของเด็กสาวด้วยมือที่สั่นเทาของตนเอง ซึ่งลูเซี่ยนที่บัดนี้ทั้งรักและเคารพเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า ก็ได้กุมมือนั้นเอาไวเหนือหัวของตนเองด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจจะบรรยายได้

“ข้ามิคาเอล ข้าขอให้คำสัตย์สาบานต่อท่านว่า ทั้งชีวิตนี้ข้าขอถวายให้แด่ท่าน ถ้าท่านต้องการสิ่งใด เพียงแค่ท่านเอ่ยมา ข้าพร้อมยินดีที่จะทำให้ทุกสิ่งอย่าง ถึงแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของข้าผู้นี้ก็ตาม”

“เรียกข้าว่าคุณหนูเหมือนเดิมก็ได้ มิคาเอล แล้วเก็บปีกของเจ้าเสียด้วย มันดูจะคับแคบเกินไป สำหรับห้องนี้”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ คุณหนู...”

หลังจากนั้น มิคาเอลที่อยากทำในสิ่งที่ตนเองต้องการเสร็จแล้ว ก็ลุกขึ้นและหลับตาลง พร้อมๆ กับปีกทั้งหกที่ค่อยๆ หายไป

แต่ลักษณะเด่นที่หัวของทูตสวรรค์ที่เป็นปีกเล็กๆ สีขาวบริสุทธิ์ที่อยู่บนศีรษะก็ยังปรากฏให้เห็นอยู่ ถึงแม้ปีกที่หลังทั้งหกของมิคาเอลจะหายไปแล้ว แต่ความตกตะลึงภายในห้อง ก็ใช่ว่าจะหายไปด้วยเช่นกัน

หลังจากนั้นที่ทุกคนที่เห็นผมเซไปเล็กน้อย ก็ได้สติกลับมา

“อ่า.... ดันฝืนตัวเองไปเสียหน่อย”

ผมดันฝืนดึงความทรงจำจากตัวของผมอีกครึ่งออกมา และตอนนี้มันส่งผลให้ผมใกล้จะหมดสติเต็มทน

ผมเซเล็กน้อย พร้อมๆ กับประกายสีทองในดวงตาที่จางหายไป จนผมที่เอามือจับหน้าฝากของตัวเองเล็กน้อย ก็ได้วูบลงไป ตาก่อนที่ผมจะล้มพับลงไปนั้น ก็สัมผัสได้ว่า มีบางอย่างมาช่วยรับผมเอาไว้

“คุณหนูค่ะ! คุณหนูค่ะ! ...”

“ยุยจัง! ยุยจัง! พวกเจ้ารีบไปจัดเตรียมห้อง พวกข้าจะพายุยจังไปเอง!! ”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!!! ”

“ส่วนเจ้ามิคาเอลสินะ ข้าคงจะฝากหน้าที่นี้กับเจ้าได้ได้ใช่ไหม?”

“เจ้าค่ะ โปรดไว้ใจข้า ข้าขอให้สัญญาว่าจะไม่ทำให้ความคาดหวังของพวกท่านหญิงต้องผิดหวังเจ้าค่ะ”

“งั้นฝากด้วย ดาร์กเนส ชาย ซอยล คาจิ เนโล ข้าคิดว่ามีอะไรผิดปรกติในตัวของยุยจังแน่ๆ”

“ข้าก็คิดเหมือนกัน”

“ข้าด้วย เหมือนกับว่า ทุกอย่างมันผิดไปจากเมื่อก่อน”

“เข้าใจแล้ว งั้นพวกเจ้าช่วยกันหาสาเหตุนะ”

หลังจากนั้น ก่อนที่ผมจะหมดสติไป ภายในห้องทรมานดูท่าจะวุ่นวายกันน่าดู

_หลังจากนั้น

ผมกึ่งหลับกึ่งตื่น เพราะยังรู้สึกง่วงนอนอยู่ หลังจากที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเวลาล่วงเลยมานานมากแค่ไหนแล้ว

“ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่สภาวะต่อต้านนะ เอลาสจัง”

“งั้นก็แปลว่าพลังของยุยจังยังตื่นขึ้นมาไม่เต็มที่หรือเนี่ย”

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือว่ายุยจังจะฝืนตัวเองระหว่างที่ให้กำเนิดมิคาเอลขึ้นมา”

“แต่ว่าระหว่างที่พลังของยุยอ่อนแอลงสมดุลของโลกก็อาจจะบิดเบี้ยวไปก็ได้นะ”

“เฮ้อ.... มิคาเอล เจ้าจะต้องเอาใจใส่คุณหนูของเจ้าให้มากๆ น่ะ เพราะว่ายุยจังในตอนนี้ เหมือนกับเด็กที่ยังไม่รู้ว่าควรจะเดินไปทางไหนดี เจ้าจะต้องคอยให้คำชี้แนะไม่มากก็น้อย และคอยดูแลอย่าให้ขาดตกบกพร่องล่ะ เข้าใจมั้ย?”

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ”

กระพริบๆ

ผมกระพริบตาเล็กน้อย ก้อนที่จะค่อยๆ ลืมตาขึ้น เพราะเสียงของพวกหม่าม้าที่คุยกัน มันเลยทำให้ผมอยากรู้ว่าคุยกันเริ่องอะไร เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาถึงแม้ว่าจะยังง่วงนอนอยู่ก็ตาม

เหล่าหม่าม้าและเหล่าคุณเมดที่เคยดูแลผม รวมทั้งมิคาเอลที่ผมสังเกตเห็นได้ เมื่อเห็นผมลืมตาตื่นขึ้นมา ก็กรูกันเข้ามาถามไถ่อาการ

เออ.... เล่นเข้ามารุมแบบนี้ ผมรู้สึกอึดอัดนะ

“ยุยจังอาการเป็นยังไงบ้าง”

“ยังรู้สึกมึนๆ อยู่ค่ะ”

“คุณหนูยังลุกไหวไหมค่ะ”

ผมส่ายหน้า แล้วก็เป็นอยู่อย่างนี้สักพัก ก่อนที่ผลสรุปจะออกมาว่า ให้ผมนอนพักผ่อนต่ออีกสักพัก ซึ่งผมเองก็รู้ตัวดีว่ายังรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ผมก็เลยเห็นด้วย และหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าที่ลากผมลงสู่ห่วงนิทราอีกครั้ง

_ห้องโถงใจกลางวังหลวง

“พระสันตะปาปา ท่านคิดว่าเช่นไร ทั้งๆ ที่ข้าคิดว่าเด็กผู้หญิงผู้นั้นไม่มีอะไร เว้นแต่เป็นเพียงแค่บุตรบุญธรรมของเหล่าเจ้าหญิงภูติเพียงเท่านั้น แต่นี่กลับสามารถเรียกกลับคืนฟื้นคนตายได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีเรื่องเช่นนี่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยแท้ๆ”

องค์สันตะปาปายกมือขึ้น เพื่อให้องค์ราชาสงบลงเล็กน้อย

“ข้าเองก็เข้าใจความรู้สึกของท่าน องค์ราชา ข้าเองก็คิดเช่นนั้น และคิดว่าถ้าเราสามารถควบคุมเธอได้ก็คงจะโน้มน้าวเหล่าเจ้าหญิงภูติให้อยู่ฝ่ายเราได้ แต่ว่านี่มันเกินกว่าที่ข้าคาดไปมากนัก”

องค์ราชาดูร้อนรน

“แล้วจะให้ข้าทำเช่นไร แม้กระทั่งสายลับของราชอาณาจักรอื่นก็กลายไปเป็นผู้ติดตามของเด็กคนนั้นไปเสียแล้ว ตลอดมาข้าคิดว่า ภูติพยายามปกป้องเด็กมนุษย์ไปเพื่ออะไร แต่ที่ไหนได้ กลับกลายเป็นเด็กคนนั้นที่อาจจะค่อยเป็นผู้ปกป้องเหล่าเจ้าหญิงภูติก็ได้”

“ใจเย็นๆ องค์ราชา แค่เด็กคนนั้นอยู่ในราชอาณาจักรของเราก็ดีแล้ว เราจะได้มีหลักประกันถึงความปลอดภัย แล้วพวกเหล่าทวยเทพเอง เดี๋ยวนี้ก็มีแต่ความคิดที่จะบิดเบี้ยวมากขึ้นทุกวัน จนน่าเห็นใจเหล่าราชอาณาจักรที่อยู่ภายใต้การปกครองของเหล่าทวยเทพพวกนั้น”

องค์ราชาถอนหายใจเล็กน้อย

“ข้าเองก็ไม่ได้คิดร้ายอะไรกับเหล่าเจ้าหญิงภูตหรอกนะ แต่เพียงแค่ข้าอย่างจะปกป้องประชาชนของข้าให้ปลอดภัย ถึงแม้จะด้วยวิธีใดก็ตาม”

“ฮะๆๆๆ ท่านเล่นพูดขึ้นมาเช่นนี้ ก็ทำให้ข้าเกิดรู้สึกผิดขึ้นมาเลยทีเดียว ที่คิดจะใช้เด็กคนนั้นรั้งให้เหล่าเจ้าหญิงภูติอยู่ที่ราชอาณาจักรของพวกเราต่อไป ทั้งๆ ที่รู้ทั้งรู้ว่าถ้าถลำลึกมากเกินไปอาจจะกลายไปเป็นดาบสองคมที่หันกลับเข้ามาเล่นงานพวกเราเองก็ได้....”

และห้องโถงกลางก็เต็มไปด้วยเสียหัวเราะของชายแก่ทั้งสอง ที่มีให้กับความคิดอันโง่เขลาของตัวเอง

_หลังจากนั้น

ทุกคนแสดงสีหน้าดีใจออกมาด้วยความภาคภูมิใจ บางคนก็ถึงกับร้องให้ออกมาด้วยความปลื้มปิติ

“เป็นเช่นไรบ้างคะคุณหนู”

“อ-อ่า.... สมแล้วที่เป็นผู้ติดตามของข้า สวยมากเลย...”

เลเวลมิคาเอลจะสูงไปไหนเนี่ย!!! สงสัยสูงตามเจ้านาย ฮึ่ม! ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel