Episode 23
วั้นนี้ผมได้ออกมาเดินเที่ยวนอกเมืองหลวง เพราะพวกหม่าม้าเสนอมาแบบนั้น เพราะกว่าโรงเรียนจะเปิดก็อีกประมาณสองเดือนกว่าๆ พวกหม่าม้าเลยถือโอกาสนี้พาผมออกมาเดินเล่นข้างนอก เพราะกลัวว่าผมจะเบื่อเสียก่อน
“นี่ไงกิลล์ที่เจ้าพวกมนุษย์ชอบมารับคำร้องขอแล้วไปกำจัดพวกมอนสเตอร์น่ะ”
หม่าม้าชี้ไปที่ตึกหนึ่ง เห็นว่าจะพามาเดินเล่นก็เถอะแต่ว่าพวกหม่าม้าเองก็ถือโอกาสนี้พาผมมาฝึกควบคุมพลังเวทย์ด้วยเช่นกัน
โดยปรกติมันต้องฝักใช้ไม่ใช่หรอ แล้วทำไมถึงต้องมาฝึกควบคุมแทนละ แล้วตอนนี้ผมยังใช่เวทมนตร์ไม่เป็นเลยนะ แล้วจะให้ฝึกควบคุมมันได้ยังไงกัน แปลกจังพวกหม่าม้าเนี่ย
“หม่าม้าทำไมถึงฝึกควบคุมล่ะ ไม่ใช่ฝึกใช้อย่างนั้นหรือคะหม่าม้าเอลาส”
ด้วยความสงสัยผมเลยถามออกไป จนหม่าม้ารู้สึกลังเลเล็กน้อยที่จะตอบคำถามของผมกลับมา
“อ-เอ๋........ ก-ก็เพราะว่ายุยจังใช้เวทมนตร์เป็นแล้วยังไงละจ๊ะ”
“เวทย์รักษานั่นนะหรอหม่าม้า?”
“ช-ใช่แล้ว เวทย์นั่นล่ะ ใช่เลย.... เพราะงั้นยุยจังถึงต้องฝึกควบคุมพลังเวทมนตร์ได้แล้วยังไงล่ะ เพราะฉะนั้นหม่าม้าเลยพามาที่เหมาะๆ ที่จะใช้ฝึกควบคุมใช้มันให้ดีขึ้นยังไงละจ๊ะ ถึงจะต้องฝึกด้วยวิธีอื่นก็ตาม”
โดยการพามาที่กิลล์นักผจญภัยใช่ไหม?
ผมจ้องมองไปที่ตึกสูงด้านหน้าที่หม่าม้าเอลาสบอกว่าเป็นกิลล์นักผจญภัย ก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านใน
เมื่อผมเข้ามาด้านในแล้วนั้น ก็มองซ้ายมองขวาแล้วคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี แต่ผมที่ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่ตรงประตูทางเข้ากิลล์ ก็ต้องตกใจที่เจอกับปาร์ตี้ของไอเจ้าชินคิที่กำลังยืนคุยอยู่กับพนักงานที่เค้าเตอร์อยู่โดยบังเอิญ
อะ... มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน หรือว่าเหล่าพวกนักเรียนตอนช่วงปิดเทอมจะมาฝึกฝนฝีมือด้วยการมาเป็นนักผจญภัยกัน
มันก็น่าจะเป็นไปได้นะ เพราะจากที่ผมสังเกตโดยรอบ ทุกคนที่อยู่ในที่นี้นั้น ส่วนมากจะเหมือนกับเด็กนักเรียนซะส่วนใหญ่ โดยสังเกตได้จากที่มีลูกคุณหนูทั้งหลายมาอยู่ในกิลล์นักผจญภัยกันมากขนาดนี้
เพราะฉะนั้นหลังจากที่ผมเห็นปาร์ตี้ของไอเจ้านั่นก็ทำการเดินหลบหายเข้าไปในฝูงชนซะจะดีกว่า
“ด-เดี๋ยวสิ ทำไมถึงหนีกันไปหมดเลย.....”
ผมที่กะจะเดินหนีเข้าไปในฝูงชนนั้นก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือว่าตั้งแต่ที่ผมเดินเข้ามานั้นผมไม่ได้ทันสังเกตเห็นความผิดปรกติตรงส่วนนี้กันแน่
อ๊าร์!!! ขืนยังเป็นอยู่แบบนี้จะหลบเจ้าพวกนั่นพ้นได้ยังไงกันเนี่ย!!!!
ทุกคนต่างหลีกทางให้กับผมจนน่ากลัวเลย เหมือนกับว่าไม่กล้าเข้ามาใกล้ผมยังงั้นแหละ ผมก็แต่งตัวปรกตินะ พอผมคิดมาได้ถึงตรงนี้ ก็ต้องกลืนคำว่าปรกติของผมนั้นลงคอไป
เออ... ชุดของพวกหม่าม้า ถึงจะปรกติสำหรับผม แต่ก็ไม่ปรกติสำหรับคนอื่นสินะ แล้วยิ่ง....
ผมมองไปที่กระจกบานใหญ่ และกลืนน้ำลายเบาๆ
ออกจะน่ารักขนาดนี้ ใครมั่งจะไม่คิดว่าผมจะเป็นลูกของขุนนางระดับสูงได้กันล่ะ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเจ้าหญิงจากราชอาณาจักรไหนสักราชอาณาจักรหนึ่ง เป็นอย่างน้อย
ผมเดินไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และแกล้งทำเป็นเหมือนคนมาสมัครใหม่ ซึ่งผมเองก็มาสมัคใหม่จริงๆ นั่นแหละ แล้วก็พยายามหลบหน้าให้มิดชิดเข้าไว้ด้วย
“คุณหนูค่ะ... ไม่ทราบว่าต้องการให้ดิฉันช่วยเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
“ป-เปล่าหรอก ข้าแค่อยากจะมาสมัคเป็นนักผจญภัยเพียงเท่านั้นเอง เจ้าช่วยจัดการให้ข้าหน่อยจะได้ไหม?”
“ค-ค่ะ รับทราบเจ้าค่ะ จะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเลยเจ้าค่ะ”
พนักงานหลังจากที่ผมขอร้องหรือทำตัวเนียนๆ ไปกับการที่จะมาสมัคเป็นนักผจญภัยอยู่นั้น เจ้าชินคิก็มองมาทางนี้ด้วยความสงสัย แต่ว่าผมก็พยายามหันหน้าหนีมัน เพราะไม่อยากจะเข้าไปยุ่งด้วย
สงสัยคงจะลังเลว่าใช้ผมหรือป่าวด้วย เพราะชุดที่ผมใส่กับทรงผมที่คุณเมดทำให้นั้น มันไม่เหมือนเดิม ซึ่งหลังจากนั้น คุณพนักงานก็วิ่งกลับมาพร้อมๆ กับเองสารสองสามใบ
ไปเร็วมาเร็วจัง แต่ว่าไอเจ้าชินคินั่นจะมองมาทางนี้อีกนานไหม
“เชิญกรอกเอกสารได้เลยเจ้าค่ะ คุณหนู...”
ผมหยิบเอกสารมาไว้ตรงหน้าและรับปากกาอย่างดีมาหนึ่งเล่ม?
กระดาษก็เป็นแบบอย่างดี ซึ่งมันดูแปลกๆ หรือเปล่านะ คงไม่ใช่ของแพงที่ไม่ได้หยิบเอามาใช้กันบ่อยๆ หรอกใช่ไหม?
โชคดีแฮะ ที่ภาษาพวกนี้ไม่ใช่ภาษาที่เราไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผม
ผมกรอกเอกสารไปอย่างสบายอารมณ์ แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ผมก็ส่งเอกสารกลับคืนไปให้กับพนักงานของทางกิลล์นักผจญภัย
“หืม.....”
คุณพนักงานทำเสียงแบบนี้ แล้วจ้องไปที่เอกสารด้วยแววตาที่กำลังสงสัยกับข้อมูลภายในเอกสารอย่างเห็นได้ชัด
อ-อะไร ที่ผมกรอกลงไปนั่นเป็นความจริงทั้งหมดเลยนะ
“อายุ 24 ปี สินะคะ แล้วปีนี้คุณหนูจะเริ่มเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนของวังหลวงแล้วด้วย...”
“ก็ใช่อยู่หรอก แล้วมันทำไมอย่างนั้นหรือ...”
ผมยิ้มแหย่ๆ ออกไป เพราะสัมผัสได้ถึงเรื่องแย่ๆ ที่กำลังจะคืบคลานเข้ามา
ทำไมต้องทำน้ำเสียงเหมือนกำลังจะจับผิดผมอย่างนั้นกันล่ะ แล้วสายตาที่มองไปที่เอกสารแต่ละใบนั้น มันช่างดูไร้ความน่าเชื่อถือยังไงก็ไม่รู้ ที่ผมกรอกลงไปมันคือความจริงนะ อย่ามองมันด้วยสายตาแบบนั้นเลย...
“นี่ๆ เธอช่วย... ซุบซิบๆ”
คุณพนักงานเรียกพนักงานอีกคนแล้วซุบซิบอะไรกันก็ไม่รู้จนพนักงานอีกคน พยักหน้าตอบรับ ก่อนที่จะเดินหายไปหลังเค้าเตอร์
“งั้นเรามาต่อกันนะเจ้าคะคุณหนู... เอกสารถูกต้องเจ้าค่ะ เพราะฉะนั้น ช่วยรออยู่ตรงนี้สักครู่นะเจ้าค่ะ”
“อ-อา... ช่วยได้มากเลย....”
ก็บอกแล้วผมเขียนความจริงไปทั้งหมด เพราะงั้นมันจะไปมีปัญหาได้ยังไงกัน ฮื่มๆ
ผมพยักหน้าให้กับตัวเองด้วยความพึงพอใจ
_เหล่าพวกหม่าม้าของยุยจัง
“เฮ้อ.... ทำไมยุยจังเราถึงได้ซื่อบื้อได้ถึงขนาดนี้กันนะ....”
“เอลาสจัง ถึงมันจะจริง แต่ยุยจังก็ยังเป็นเด็กอยู่นะ เพราะงั้นมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ยุยจังจะดูโง่ได้ถึงขนาดนี้”
“สงสัยคงต้องปล่อยให้ได้รับประสบการณ์กับบ้างสินะ ถึงจะโต เฮ้อ....”
_ยุย
ผมยืนรออยู่สักพัก พนักงานคนเดิมก็เดินกลับมาที่เค้าเตอร์ แล้วเข้ามาหาผม
“คุณหนูมีนามว่ายุยสินะเจ้าคะ”
“ถูกต้องแล้ว ชื่อของข้ามันทำไมอย่างนั้นหรือ?”
“เปล่าเจ้าค่ะ ดิฉันต้องขออภัย เพราะที่ดิฉันต้องถามนั้นเพราะว่าต้องการที่จะยืนยันจากเจ้าตัวน่ะเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นดิฉันขอตัวอีกรอบนะเจ้าคะ”
งั้นเหรอ ฟังดูยุ่งยากจังนะ สงสัยชื่อคงจะแปลกเกินไปสำหรับโลกนี้ เลยต้องการที่จะยืนยันว่าใช่ชื่อนี้จริงๆ หรือเปล่าแน่ๆ เลย
หลังจากที่พนักงานได้รับคำยืนยันจากผมไปแล้วนั้น ก็ได้ทำการขอตัวอีกครั้ง แล้วคราวนี้ก็ได้วิ่งออกไปที่หน้ากิลล์นักผจญภัยแทน
อะไร? ทำไมต้องรีบร้อนถึงขนาดนั้นด้วย
“เชิญค่ะ”
เอ๊ะ!!! ทำไมคุณพนักงานถึงไปพาทหารของวังหลวงมาละ แล้วทหารของวังหลวงมาที่นี่ทำไม หรือว่า!!!!!!
อ่า... เมื่อผมนึกขึ้นมาได้ มันก็สายเกินไปเสียแล้ว
“ท่านยุย ได้โปรดกลับไปที่วังหลวงกับพวกข้าด้วยเถิดขอรับ”
ทหารทั้งกองเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าของผม และขอร้องให้ผมกลับไป
อายโว่ยยยยย
ที่ทหารพูดออกมาแบบนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดแต่อย่างใด เพราะถ้าจะให้พูดก็คือ การที่ผมออกมาด้านนอกนั้นโดยที่ไม่ได้บอกได้กล่าวให้ใครรู้เลยสักนิด ก็เหมือนกับหนีออกมานั่นเอง ก็หม่าม้าเอลาสบอกว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะเดี๋ยวหม่าม้าจัดการเอง
สรุปที่ทหารออกมาตามแบบนี้บวกกับทำหน้าเคร่งเครียดถึงขนาดนี้ แปลว่าหม่าม้าเอลาสไม่ได้จัดการอะไรไว้เลยสักกะอย่างเดียวสินะ
จัดการนี่คงหมายถึง การแอบพาผมออกมาข้างนอกนี่แหงมๆ
สงสัยในวังหลวงคงจะวุ่นวายกันน่าดู
“ม-ไม่....”
“อึก! ”
ผมแค่ลองดูว่าจะมีปฏิกิริยายังไงถ้าผมตอบปฏิเสธ ซึ่งผลปรากฏออกมาว่า เลวร้ายมาก
เพราะทหารทั้งหมดดูถ้าจะลำบากใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ผมได้ลองตอบปฏิเสธไป จนบรรยากาศในตึกกิลลล์นักผจญภัยนั้นเต็มไปด้วยความตึกเครียด
กลายเป็นเด็กหนีออกจากบ้านไปซะได้ เฮ้อ... ผมพลาดเอง
“เข้าใจแล้ว กลับก็ได้ ไปได้แล้ว...”
“ขอรับ กระหม่อมซาบซึ้งในน้ำพระทัยที่ท่านยุยทรงเข้าใจ”
ผมไม่ใช่เชื้อพระวงศ์สักหน่อย ที่จะมาพูดแบบนี้
ทหารทุกคนลุกขึ้นและตั้งแถวหลีกทางให้ผมเดินออกไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ที่หน้ากิลล์นักผจญภัย อย่างเป็นระเบียบ
น่าอายยังไงก็ไม่รู้ แต่ได้นั่งรถม้าเป็นครั้งแรก จะต้องเป็นประสบการณ์ที่ดีสำหรับผมอย่างแน่นอน ฮรี่ๆ
