บท
ตั้งค่า

Episode 18

“ข้าได้ยินว่ามีผู้กล้าลงสานมประลองในรอบสุดท้ายด้วยนี่นา”

“อ่า...ใช่เลย ข้าก็ได้ยินแบบนั้น”

“เห็นว่าผู้กล้าจากราชอาณาจักรอื่นก็ลงสนามประลองรอบสุดท้ายเหมือนกันด้วย”

“ก็คงจะหาเรื่องวัดกำลังรบของแต่ละอาณาจักรกันนั่นแหละ รอบสุดท้ายเลยมีแต่พวกผู้กล้ายังไงล่ะ”

ผมนั่งฟังพวกเด็กนักเรียนชั้นต้นปี 1 คุยกันอยู่ห่างๆ เพราะว่าผมกำลังนั่งรอการแข่งการประลองรอบอื่นๆ ให้จบลงไปอยู่ เพื่อที่จะรอลงแข่งรอบสุดท้ายที่เป็นการประลองข่ามชั้นปี

ปาร์ตี้ผมมีทั้งหมดห้าคน หนึ่งในนั้นมีผู้กล้าอยู่ด้วย ผู้กล้าในโลกนี้นั้นค้อนข้างที่จะอ่อนแอ ยกเว้นผู้กล้าที่ผมเคยเห็นในป่าแห่งความตาย ที่น่าจะเป็นผู้กล้าชั้นแนวหน้า ซึ่งนั่นก็แปลว่า

ผู้กล้าในโลกนี้นั้น ไม่ได้เก่งกาจอะไรไปกว่าคนปรกติมากนัก ถ้ายังไม่ผ่านเงื่อนไขอะไรสักอย่าง เช่นได้รับการยอมรับจากเทพหรือได้รับพรจากภูติอะไรทำนองนี้ แต่คนพวกนี้จะมีอะไรที่พิเศษอยู่ นั่นก็คือ หนึ่ง ถูกอัญเชิญมา สอง มีพลังเวทย์ที่สูง และ สาม สามารถใช้อาวุธในตำนานได้

ผมเลยไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมทุกๆ ประเทศถึงได้มีผู้กล้าอยู่สองถึงสามคน เพราะผู้กล้านั้นเมื่อถูกอัญเชิญมา ก็ไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาทั่วๆ ไป ที่แม้แต่จะจับดาบยังจับไม่เป็น ถ้ายังไม่ได้รับการขัดเกลาเสียก่อน

เลยสรุปได้คร่าวๆ ว่า ผู้กล่าที่ถูกอัญเชิญมานั้น ถูกอัญเชิญมาเพื่อรักษาสมดุลโลกไม่ใช่มาเพื่อปราบจอมมาร เพราะการมีอยู่ของเทพนั้นเรียกได้ว่า แทบจะนับได้ แต่ต่างกับเผ่าปีศาจ ที่มีให้เกลื่อนกราดเต็มไปหมด

เหล่าทวยเทพก็เลยคิดค้นวิธีนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะรักษาสมดุลทั้งเผ่าตัวเองและเผ่าพันธุ์อื่นๆ แต่สิ่งที่เรียกว่าจอมมารนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย

แล้วที่ว่าทำไมโรงเรียนนี้ถึงได้มีผู้กล้าของประเทศอื่นๆ อยู่ด้วยนั้น นั่นก็คงจะต้องบอกว่าโรงเรียนนี้ได้ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพราะว่าประเทศนี้ปลอดภัย ด้วยอะไรสักอย่างที่ประเทศนี้ได้เก็บเป็นความลับ ที่เกิดเป็นบาเรียครอบคลุมทั่วทั้งประเทศป้องกันจากเหล่าปีศาจเอาไว้

แต่ก็ไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะต้านทานการโจมตีของพวกปีศาจอย่างรุนแรงได้

ราชอาณาจักรอื่นๆ เลยให้การสนับสนุนก่อตั้งโรงเรียนนี้ขึ้นมา เพราะว่าต้องการให้เหล่าผู้กล้าของตนเองนั้น เติมโตขึ้นมาในสถานที่ที่ปลอดภัย ไม่เสียงอันตรายจนเกินความจำเป็น และในแต่ละราชอาณาจักรการที่จะอัญเชิญผู้กล้าในแต่ละครั้งนั้น จะต้องใช้เวลานับสิบถึงสิบห้าปีถึงจะอัญเชิญได้สักสองถึงสามคน

ผมมองไปที่สนามประรอง และถอนหายใจออกมา

แทนที่จะได้นั่งรับชมการตะรุมบอลอย่างสบายใจ ไยต้องมานั่งกอดอกแล้วถอนหายใจเช่นนี้ เฮ้อ....

ปาร์ตี้ของผมมีผู้หญิงสองคนรวมผมด้วยเป็นสาม และรวมผู้ชายอีกสอง รวมเป็นห้าคนหนึ่งปาร์ตี้พอดี ซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้สนใจอะไรเลย ทำได้แต่นั่งฟังการแนะนำตัวผ่านๆ ไปของปาร์ตี้ของผมที่เข้ามาแนะนำตัว

เพราะคนกำลังเซ็งเลยไม่อยากจะสุงสิงด้วย

“หม่าม้าใจร้าย....”

ผมบ่นออกมาเบาๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้ เพราะหม่าม้าคงจะเป็นห่วงเลยห้ามผมเอาไว้ เพราะฉะนั้นผมเลยมานั่งเงียบคิดอะไรไปเพลินๆ แล้วนั่งฟังคนอื่นคุยกันไปพลางๆ ยังดีเสียกว่า

“ทำตัวน่ารังเกียจจังนะ ดิฉันเป็นถึงบุตรีท่านดยุคเชียวนะ ยังกล้าเสียมารยาทกับดิฉันอีก”

“ช่วยเงียบหน่อยจะได้ไหม คนลงแข่งยิ่งไม่มีอยู่ เจ้าจะไปพูดถากถางเลดี้ผู้นั้นทำไม”

“ก็นังผู้หญิงคนนั้นมันกล้าเมินทั้งท่านผู้กล้าทั้งท่านหญิงเลยนะเจ้าคะ ถึงมารยาทจะทรามมากแค่ไหน ก็ให้มันมีขอบเขตกันบ้างสิท่านเอิร์ล”

“หืม... ผู้หญิงคนนั้น ค้อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว”

หึ พูดอะไรกัน ได้ยินนะ ยังไงผมก็ไม่ได้คิดที่จะญาติดีด้วยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจะพูดอะไรผมก็ไม่สนใจหรอก

“ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนชั้นปรายปีสามห้องสองด้วยค้า!!!! ปาร์ตี้ดาบสีเงินเป็นผู้คว้าชัยชนะในรอบนี้ไปได้อย่างงดงาม ไร้ที่ติจริงๆค่ะ ช่างเป็นการประสานงานที่สมบูรณ์แบบอะไรเช่นนี้ จนดิฉันที่เป็นถึงสภานักเรียน ยังต้องกล่าวคำชมออกมาไม่หยุดปากเลยนะคะ”

โอ๊ะ จบแล้ว นั่งรอจนเวลาผ่านไปราวๆ สองชั่วโมงได้แล้วมั้ง กว่าจะแข่งแต่ละรอบจบก็ใช่เวลาประมาณยี่สิบนาที ซึ่งใช้เวลาถือว่านานอยู่พอสมควรเลย

ผมเองเมื่อคิดว่าได้เวลาแล้ว ก็ลุกขึ้น รอดูว่าจะต้องทำยังไงต่อไป

“คุณหนูเจ้าคะ เชิญไปทางประตูทางออกได้เลยค่ะ แค่เดินเข้าสนามแล้วรอสัญญาณเริ่มเจ้าคะ”

“ขอบใจนะ”

“ค่ะ ขอให้โชคดีนะเจ้าคะ”

คุณเมดเข้ามาอธิบายให้ฟัง ซึ่งผมเองก็เข้าใจได้ในทันทีว่าต้องทำยังไงต่อไป ผมเลยเดินแยกออกมาจากคุณเมด เดินเข้าไปหาปาร์ตี้ของผมและหวังว่าจะเข้ากลุ่มปาร์ตี้นี้ได้ด้วยดีนะ มั้ง?

“ฮึ อย่าหลงตัวเองให้มันมากนักนะ! ”

“ใช่ๆ อย่าหลงตัวเองให้มันมากนักนะ”

ผมที่เดินเข้ามาผู้หญิงในปาร์ตี้สองคนที่เห็นผมก็เริ่มเปิดฉากสาดเสียเทเสียใส่ผมโดยทันที

“นี่ยุยจัง ขอหม่าม้าเป่าสองคนนี้ให้ปลิวไปเลยได้ไหม?”

“หยุดเลยนะคะ”

“น่าเสียดายจัง...”

หม่าม้าดูเหมือนว่าจะอยากเป่าคนเล็กน้อย แต่ผมก็ห้ามเอาไว้

ผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าของผม เมื่อสังเกตเห็นหม่าม้าตัวน้อย ก็ดูถ้าจะตกใจเล็กน้อย

“ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงอย่างเธอจะมีภูติกับเขาด้วย ถ้าเทียบกับภูติระดับกลางของดิฉันแล้ว ภูติพรรณนั้นมันก็เป็นได้แค่ของประดับเท่านั้นแหละคะ”

“ท่านหญิงค่ะ แค่ภูติก็บ่งบอกได้แล้วคะว่าใครเหนือกว่า ท่านอาจารย์ช่างไปหาผู้หญิงชั้นต่ำแบบนี้มาจากที่ไหนกันค่ะเนี่ย”

“สงสัยจะเป็นแถวสลัมแน่ๆ เลย โฮะๆๆๆ”

แหม ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงจะวิ่งหนีกับแรงกดดันพวกนี้ของพวกบุตรีของพวกขุนนางไปแล้ว เพราะมีพวกหม่าม้าอยู่เลยรู้สึกปลอดภัย ผมเลยไม่รู้สึกถึงแรงกดดันพวกนี้เลยแม้แต่น้อย

การที่มีคนที่คอยให้พึ่งพาได้อยู่ใกล้ๆ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง เลยไม่แปลกที่นีทอย่างผมที่อยู่แต่ในห้องมาตลอด จะไม่มีความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับคนอื่น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เพราะตั้งแต่ที่ผมมายังที่โลกนี้

ผมเริ่มจะเข้าใจได้แล้วว่า คนทั่วไปนั้นหาความมั่นใจในตัวเองมาจากไหน ถึงแม้ว่าผมยังจะยังกล้าๆ กลัวๆ อยู่ แต่ผมเองก็คิดว่าผมเปลี่ยนไปแล้วนะ ถึงจะไม่มาก ผมก็ยังภูมิใจกับตัวเอง ที่ยังมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางด้านที่ดีขึ้น

ละ แล้วจะตอบกลับไปยังไงดีละ กับคนแบบนี้ถ้าไม่แสดงออกไปให้เห็นชัดๆ เลยว่าเราไม่ใช่คนที่จะมาข่มเหงกันได้ง่ายๆ ก็จะไม่ยอมเลิกราแต่โดยดี

ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าคุณเธอเป็นถึงบุตรีดยุคที่จะทำอะไรก็ได้โดยไม่มีความผิด และมีพลังอำนาจทางสงัคมมหาศาล ซึ่งดูได้จากที่เธอพูดว่าเธอมีภูติระดับกลาง เจ้าตัวเลยถูกตามใจมากจนเสียคนแน่ๆ เพราะฐานะของเธอนั้นเรียกได้ว่า เป็นเครื่องมือที่สำคัญต่อประเทศนี้เป็นอย่างมาก

“แล้วชุดพวกนี้มันอะไรกัน ช่างไร้รสนิยมเสียจริง”

“เฮ้อ... พวกเธอ หยุดว่าร้ายคนอื่นกันได้หรือยัง ผมเห็นพวกเธอเอาแต่พูดทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำอะไรให้พวกเธอเลยนะ แล้วชุดนั่นก็สวยดีนี่ พวกเธอใช้อะไรมองกันแน่ ถึงได้บอกว่ามันไร้รสนิชม นั่นคงจะเป็นชุดยูกะตะสินะ?”

“เอ๋... ชุดนั่นท่านผู้กล้าบอกว่าสวย?”

โห.... ผมเองก็คิดว่าถ้าสองคนนี้ยังไม่คิดที่จะหยุด ผมคงจะต้องปล่อยให้พวกหม่าม้าทำตามใจชอบ

ตอนแรกกะว่าจะไม่ห้ามพวกหม่าม้าแล้วด้วย แต่ช่างเถอะ เมื่อผมเห็นว่ามันไม่จำเป็นที่จะต้องไปจัดการอะไรให้มันยุ่งยากอีกแล้ว ผมก็เลยขอตัวเดินเข้าสนามประลองเลยดีกว่า แต่ก่อนที่จะเดินผ่านเจ้าพวกนี้ไปนั้น

_มุมมองของผู้กล้า

ผมกำลังมองมือตัวเองที่โดนเผา

“เธอเป็นใครกัน...”

ถึงจะใช้ตรวจสอบหรือประเมิน ก็ไม่อาจจะสามารถส่องเธอได้ว่าเธอแข็งแกร่งมากแค่ไหน ซึ่งความสามารถพวกนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นพวกปีศาจที่เก่งมากมายกว่าผมสักกี่เท่าก็ตาม ก็สามารถที่จะใช้ความสามารถพวกนี้ส่องดูความแข็งแกร่งของพวกมันได้ แต่ว่านี่กลับใช่ไม่ได้ มันหมายความว่ายังไงกัน

ผมพยายามใช้เวทย์ทำลายบาเรียป้องกันตัวเธอออกไปซะ แต่ก็ไร้ผล เพราะดูเหมือนว่าก่อนที่ผมจะทำแบบนั้น มีบางสิ่งบางอย่างคอยคุ้มกันตัวของเธออยู่ ผมเลยโดนสวนกลับมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แต่โชคยังดี ที่โดนแค่มือ

สงสัยเป็นแค่การเตือนละมั้ง ไม่งั้นคงไม่จบแค่ที่มือแน่

“โรส ช่วยรักษาแผลให้ชั้นที”

“ได้สิ ฮิล เอ๋... ท่านผู้กล้า มือท่านไปโดนอะไรมา ตอนแรกท่านยังดีๆ อยู่เลยนี่นา แล้วบาดแผลพวกนี้มันแฝงคำสาปที่ทำให้เวทย์รักษาไร้ผลอีกด้วย ท่านไปโดนอะไรมากันแน่”

เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจจริงๆ ด้วย แล้วชุดพวกนั้นอีก เธอไปเอามาจากไหนกัน หรือว่าเธอจะมาจากโลกเดียวกับผม

หึ ไว้ว่างๆ จะเล่นด้วยก็แล้วกัน แม่สาวน้อยผู้ไร้เดียงสา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel