Episode 14
“เรียบร้อยเจ้าค่ะ เจ้าหญิงภูติ”
เหล่าคุณเมดที่ถอยห่างออกไป เอลาสก็เข้ามาเช็คดูรอบๆ ตัวของยุยนิดหน่อย ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจกับการจัดการเสื้อผ้าของเหล่าคุณเมด
หลังจากที่ผมโดนคุณเมดจับอาบน้ำ ทั้งๆ ที่เรื่องแบบนี้จะต้องเป็นพวกหม่าม้าที่จะทำแบบนี้นั้น นั่นก็เพราะว่า หลังจากที่ผมเข้าโรงเรียนไปแล้ว พวกหม่าม้าจะไม่สามารถกลับสู่ร่างเดินได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
เพราะถ้าเกิดมีใครเห็นพวกหม่าม้าในร่างเจ้าหญิงภูติเข้า อาจจะมีปัญหาเอาได้
อนึ่ง ในโรงเรียนนี้ มีคนที่มีถูติติดตามอยู่มากมาย ซึ่งถ้าตัวตนระดับเจ้าหญิงภูติกลับสู่ร่างเดิม พวกเหล่าภูติก็จะสามารถรับรู้ได้ถึงตัวตนของพวกหม่าม้าได้โดยทันที ซึ่งอาจจะนำพาเรื่องวุ่นวายมาให้กับผมได้
พวกหม่าม้าก็เลยให้ผมทำตัวให้ชินกับพวกเมดเข้าไว้ เพราะเมดพวกนี้จะคอยดูแลหลังจากที่ผมเข้าโรงเรียนไปแล้วจวบจนจบการศึกษา
แล้วตอนนี้เอง พวกหม่าม้ากำลังสอนคุณเมดที่จะติดตามผม ให้ใส่เสื้อผ้าที่พวกหม่าม้าหามาให้อยู่ ซึ่งคุณเมดเองก็กำลังเรียนรู้เรื่องพวกนี้จากพวกหม่าม้าอย่างเอาจริงเอาจัง
“ทำได้ดีมาก เห็นว่าที่โรงเรียนของเจ้าพวกมนุษย์มีการประลองจบการศึกษากันด้วยนี่นะ ช่วยพายุยจังไปที่นั่นหน่อยจะได้หรือไม่”
“ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ เจ้าหญิง”
ปุ่ง! ปุ่ง! ปุ่ง! ๆ
หลังจากนั้น พวกหม่าม้าเอลาสก็กลับสู่ร่างหม่าม้าตัวน้อยเหมือนอย่างที่เคย ก่อนที่จะบินลงมาเกาะตามตัวผมอย่างเคย ซึ่งพวกหม่าม้าที่บินมาเกาะตามตัวของผม ก็ดูเหมือนกับดอกเห็ดยังไงก็ไม่รู้
“จ-เจ้าหญิงภูติ ทำไมท่านอยู่ในร่างนั้นเจ้าคะ?”
คุณเมดดูเหมือนจะไม่เข้าใจ เลยตกใจเล็กน้อย หม่าม้าเอลาสเองที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ไม่ต้องใส่ใจ ข้าเพียงแค่ไม่ต้องการให้ใครรับรู้ถึงตัวตนของพวกข้าก็เท่านั้นเอง”
“ข-เข้าใจแล้วเจ้าคะ เจ้าหญิง”
คุณเมดเองเมื่อเห็นแบบนั้นก็โค้งให้เล็กน้อยก่อนที่จะผายมือไปที่ประตู เพื่อที่จะเป็นการบอกกับผมเป็นนัยๆ ว่า เชิญทางนี้ค่ะ
ซึ่งหลังจากนั้น ผมก็ได้เดินออกมาจากประตูห้องที่ผมได้พักอยู่ จนคุณเมดที่เห็นก็รีบตามออกมาแล้วเดินนำทางผมไปยังที่โรงเรียนที่มีงานประคองจบการศึกษาจัดขึ้น
ดูเหมือนว่าคุณเมดจะยังสงสัยอยู่ว่าผมนั้นคือใคร เลยทำตัวไม่ค่อยถูกในหลายๆ ครั้งหลายๆ คราว เพราะฉะนั้นถ้าไม่ได้หม่าม้าเอลาสช่วย คุณเมดก็คงจะยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ทำไมถึงต้องมาปรนนิบัติให้กับเด็กที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้าอย่างผมด้วย ซึ่งผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าผมเองนั้นคือใครในในสายตาของทุกคน
คุณเมดเดินพาผมไปทางหลังพระราชวัง ซึ่งผมที่สงสัยก็ถามออกไปว่า โรงเรียนมาทางนี้อย่างนั้นหรือ ซึ่งคุณเมดเองก็ตอบผมกลับมาว่า โรงเรียนอยู่ติดกับวังหลวงเจ้าค่ะ เพียงแค่ข้ามไปทางประตูหลังของวังหลวง ก็สามารถที่จะทะรุออกไปถึงโรงเรียนของวังหลวงได้
ผมที่เดินตามคุณเมดไปก็มาหยุดอยู่ตรงที่หน้าประตูรั้วเหล็กขนาดใหญ่ และมีทหารยามสองคน ยืนขวางทางพวกผมเอาไว้อยู่
“หยุด พวกเจ้าจะไปไหน หลังประตูนี้ไปไม่ใช่ที่ที่จะให้สาวใช้อย่างพวกเจ้าพาใครเดินเข้าไปก็ได้”
“เจ้าจงหลีกทางไป ข้าได้รับอนุญาตจากองค์ราชาโดยตรงแล้วว่า ให้ทำตามประสงค์ของท่านผู้นี้ได้ตราบเท่าที่เห็นสมควร”
“เจ้าอย่าพูดพล่อยๆ พระราชโองการใช่จะมาใช่เพื่อส่วนบุคคลไม่ องค์ราชาทรงไม่มีทางมีราชโองการออมาแบบนั้นเป็นแน่”
ดูเหมือนจะมีปัญหาอีกแล้วสิ ก็เข้าใจอยู่หรอกว่าเป็นโรงเรียนของพวกขุนนาง แล้วทำไมคนแปลกหน้าจะเข้าไปไม่ได้หรือยังไง แล้วนี่ยังมากล่าวหาว่าคุณเมดที่คอยดูแลผมมาตลอด พาคนที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเดินไปทั่วเสียอีก
แน่นอนว่านี่มันเขตในวังหลวง แล้วยังจะข้ามไปเขตโรงเรียนของวังหลวงอีก ถ้าทหารยามไม่พูดออกมาแบบนั้นสิแปลก เพราะเท่าที่ผมรู้แม้แต่ขุนนางระดับบาลอน การที่จะมาเดินในวังหลวงได้นั้น ก็เป็นเรื่องยากแล้ว ทหารยามทุกคนเลยอาจจะจำหน้าขุนนางทุกคน ที่เข้าออกพระราชวังได้
เพราะระดับเค้าเดส ดยุค การมีอยู่ของตระกูลพวกนี้แทบนับนิ้วได้เลย
ก็จริงละนะ ที่ไม่ควรมาเดินเล่นในวังหลวงแบบนี้ แต่พวกหม่าม้าอยากจะให้ผมทำความคุ้นเคยเข้าไว้ เลยขอให้คุณเมดนำทางมาให้แท้ๆ แต่กลับต้องมาทำให้คุณเมดต้องมาลำบากใจกับไอสถานะการณ์แบบนี้อีก แล้วถ้า....
ผมที่คิดอะไรออก ก็พูดออกมาเบาๆ
“หลีกทางให้หน่อยนะ....”
ซึ่งคุณเมด ที่กำลังพยายามเต็มที่เพื่อหาวิธีที่จะไกล่เกลี่ยกับทหารยามอยู่ อนึ่ง เพราะคุณเมดไม่ต้องการให้คนที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ต้องมีความผิด
คุณเมดเลยคิดหนักหลังจากที่กำลังจะล้วงอะไรออกมาจากกระเป๋า แต่ทว่าหลังจากนั้น อยู่ดีๆ ทหารสองคนนั้นก็กลับไปยืนประจำที่
“เชิญครับ...”
“เอ๋...”
หลังจากที่ผมพูดออกไปแบบนั้น ก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ซึ่งคุณเมดเองก็งงไปพักใหญ่ๆ
มันได้ผล คราวหน้าคงจะต้องระวังการใช้วาจาสิทธิ์ให้มากๆ เสียแล้ว เพราะมันอาจจะก่อปัญหาให้ใครก็ได้
คุณเมดเองก็ทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่โค้งตัวให้กับทหารยามแล้วเดินนำผมผ่านไปอย่างรวดเร็วนั้น ก็ยังแสดงสีหน้าสงสัยกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่
“ไม่ทราบว่าท่านยุยต้องการเข้าพบองค์ราชาหรือไม่เจ้าคะ”
คุณเมดหันมาถามผมระหว่างเดินไปที่ที่เป็นลานกว้าง ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่
จะบอกว่ายังไงดีละ เอาเป็นว่า แค่อยากอยู่อย่างสงบเพียงเท่านั้น
“ไม่เป็นไร เราแค่ต้องการที่จะมาเดินชมโรงเรียนแห่งนี้เพียงเท่านั้นเอง”
ผมเองก็เริ่มพอจะเริ่มพูดแบบพวกชนชั้นสูงพอได้แล้วนะ ถึงจะจำมาก็เถอะ เพราะได้ความรู้มาจากอนิเมบ้าง หรือได้ฟังจากที่พวกหม่าม้าพูดกันบ้าง
“ข-เข้าใจแล้วเจ้าคะ ถ้าเป็นเช่นนั้นดิฉันจะขอนำทางท่านไปที่สนามประลองเลยก็แล้วกันนะเจ้าค่ะ เพราะงานประลองจบการศึกษานั้น ถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ สำหรับโรงเรียนแห่งนี้เลยก็ว่าได้เจ้าคะ”
ก็เข้าใจอยู่ ว่าในยุดที่ไม่ค่อยจะมีอะไร หรือยังไม่เจริญ การต่อสู้ก็ถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นสิ่งบันเทิงอารมณ์ได้เป็นอย่างดี แน่นอนถ้าคิดตามจุดประสงค์แล้ว คงจะใช้งานเทศกาลของโรงเรียนเป็นวันนัดหมายหรือนัดเจอกันของพวกชนชั้นสูงได้ หรือใช้เพื่อที่จะวัดระดับความสามารถของผู้สืบทอดตระกูลคนต่อไปก็ได้ แล้วบราๆ อีกมากมาย
ก็นะ เห็นได้ตามนิยายทั่วไปที่พวกเหล่าคุณชายผู้สืบทอดตระกูลในรั้วโรงเรียนทั้งหลายแหล่ จะต้องแบกรับชื่อของตระกูลไม่ให้ด่างพร้อยด้วยการ ห้ามแพ้ให้กับชนชั้นที่ต่ำต่อยกว่า
แล้วคงจะแบบเมื่อจบจากการศึกษานี้ไป ก็คงจะมีเรื่องทำนองแบบว่า หาคู้ครอง หรือช่วงดูตัวก็อยู่ในอีเว้นพวกนี้ด้วยเช่นกัน แต่ช่างมันเถอะ ขี้เกียจคิดให้มันหนักหัวสมอง
“ถ้าเจ้าพูดถึงขนาดนั้น ข้าคงต้องขอรบกวนเจ้าแล้วละ”
“เจ้าค่ะ”
คุณเมดอยู่ดีๆ ก็ทำตัวกับผมไม่ถูกอีกซะงั้น เพราะคุณเมดทำตัวเงอะๆ งะๆ ก่อนที่จะโค้งตัวเล็กน้อยและตอบรับคำไหว้วานของผม
สงสัยคุณเมดยังสับสนเรื่องการวางตัวและการตอบสนองความต้องการของผมอยู่ คุณเมดเลยปรับตัวไม่ค่อยถูก
ผมเดินตามคุณเมดผ่านตึกสูง ผ่านสวนผ่านลานกว่าง แล้วก็มาที่โคลอสเซี่ยม? มันกว้าง และมันสูงจนเรียกได้ว่า ระดับผู้ชมสูงกว่ายี่ยิบเมตร และมันใหญ่มาก ถ้าจะให้เทียบก็ภูเขาสองลูกเรียงต่อกัน
มีคนมากมายอยู่เต็มไปหมด เหมือนกับว่างานประลองจะยังไม่เริ่มแฮะ
“ระวังด้วยนะเจ้าค่ะ เพราะที่นี่นั้นเปิดให้คนทั่วไปสามารถที่จะเข้ามาชมได้ เลยมีคนมากมายอย่างที่เห็นเจ้าคะ”
“เข้าใจแล้ว”
ก็ว่า นักเรียนพวกชนชั้นสูงอย่างเดียวนั้นไม่น่าจะมีคนเยอะมากขนาดนี้ แล้วทำไมทหารยามถึงขวางเราละ? หรือว่าเพราะเป็นเขตพระราชวัง
คุณเมดเดินมาอยู่ด้านหลังของผม ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่เล่นทำผมตื่นตูมไม่ใช่น้อย
“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ถ้าทำแบบนี้ทุกคนจะหลีกทางให้เพราะดูเหมือนชั้นสูง แล้วการเดินนำหน้าของผู้เป็นเจ้านายในที่นี้ที่มีชนชั้นสูงอยู่มากมายเช่นนี้นั้น มันก็ดูไม่งามด้วยนะเจ้าคะ”
“เข้าใจแล้ว แล้วต้องเดินไปที่ไหนต่อกันละ”
“เชิญทางด้านโน่นเลยเจ้าค่ะ”
ผมที่พอจะเข้าใจกับการกระทำของคุณเมดแล้ว คุณเมดก็ผายมือไปที่ประตูทางเข้าที่มีคนเข้าน้อยกว่าประตูแถวนี้ ซึ่งผมที่เห็นแบบนั้น ก็เหมือนจะคิดอะไรออก
“อย่าบอกนะว่า นั่นคือประตูทางเข้าของนักเรียน?”
“เจ้าค่ะ องค์ราชาได้เดินเรื่องเอาไว้ให้ท่านเรียบร้อยแล้ว ท่านสามารถไปนั่งในสถานที่ของเหล่าคุณชายแล้วก็คุณหนูหรือมุมของนักเรียนชนชั้นสูงได้เจ้าคะ”
“ต-แต่ว่าข้า....”
คุณเมดที่เห็นผมหนักใจไม่น้อย ก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าตรงผ้ากันเปื้อนของเธอ
“นี่คือตราสัจกร เพราะฉะนั้น ถึงท่านจะยังไม่ได้ถูกบรรจุอย่างเป็นทางการ ท่านก็สามารถเข้าไปได้เจ้าคะ ด้วยตรานี้”
แย่แล้ว!!! นี่มันไม่ใช่ของที่สมควรจะเอามาไว้กับคุณเมดที่คอยติดตามผมอยู่หรอกน่ะ!! ตรานี่เหมือนกับในหนังหรือเปล่า ที่แบบว่าชูออกมา ก็เท่ากับอยู่ต่อหน้าองค์ราชา ถ้าใครไม่เชื่อฟังก็เท่ากับต้องโทษประหาร
หรือว่าเรื่องทหารยามตอนนั้น ที่คุณเมดทำท่าพยายามจะล้วงอะไรออกมาจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อนนั้น คือเจ้าสิ่งนี่
