Episode 09
“เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไง มนุษย์”
“ข้าต้องขออภัยเหล่าเจ้าหญิงภูติ ข้าใช้ยูนิคไอเทมในการลบล้างตัวตนของพวกข้า เพื่อที่จะหวังเข้ามาเจรจาด้วย ที่ทำให้พวกท่านเข้าใจผิด ข้าต้องขออภัย”
หม่าม้าเอลาสยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าไม่เป็นไรและเดินออกไปรับหน้าแทน ซึ่งเหล่าภูติที่น่าจะเป็นพรรคพวกของหม่าม้าเอลาสก็บินลงมาทักทายเหล่าหม่าม้าเล็กน้อย ก่อนที่จะหันความสนใจไปหาชายแก่กับหม่าม้าเอลาสที่เดินออกไป
“เจ้าต้องการอะไร ที่นี่ไม่มีอะไรทั้งนั้น พวกเจ้าจงกลับไปซะ”
“ขอให้ท่านใจเย็นลงก่อน ข้าต้องขออภัยที่ข้าด่วนสรุปเกินไป จนทำให้เกิดเรื่องในครั้งนี้ขึ้น ที่ข้ามาในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะหยุดยั้งเรื่องทั้งหมดที่ข้าเป็นคนได้เริ่มขึ้น”
ผมที่ยืนฟังอยู่ก็ทำหน้าเสียเล็กน้อย เพราะเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะชายแก่คนนี้เป็นต้นเหตุ แต่ว่า.....
“งั้นก็คงจะจบธุระของพวกเจ้าแล้วสินะ ถ้าเช่นนั้นก็เชิญพวกเจ้ากลับไปได้แล้ว...”
“เฮ้อ... อย่างน้อยก็ขอให้ข้าแนะนำตัวก่อนจะได้ไหมขอรับเจ้าหญิง ข้าสมเด็จพระสันตะปาปาราห์คัส และข้ามาที่นี้ด้วยเหตุผลอีกบางประการ”
ด้วยเหตุผลอีกอย่าง....
ทุกคนต่างหรี่ตามององค์สันตะปาปาว่าต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่
“ข้าสัมผัสได้ถึงบางอย่างแบบเดียวกันที่ข้าสัมผัสได้ตอนแรก จากท่านผู้นั้น และข้าคิดว่าอาจจะเป็นเทพธิดาองค์ใหม่ลงมาจุติก็ก็เป็นได้”
องค์สันตะปาปาผายมือมาทางผม
“เจ้าอย่าเหมารวมยุยจังไปกับพวกสวะนั่น ยุยจังไม่ใช่เทพธิดาหรือว่าเจ้าพวกเทพโสโครกพวกนั้น ที่นับวันก็มีแต่กิเลศครอบงำ พวกเจ้าเองก็เป็นสาวกของพวกมันมิใช่หรือ อย่าได้เอาเหล่าทวยเทพของพวกเจ้ามาเทียบเคียงกับยุยจังของพวกข้าเป็นอันขาด”
ดูถ้าหม่าม้าเอลาสจะเริ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว
เห็นว่าเทพกับภูติ ไม่ค่อยจะถูกกันสินะ ส่วนที่ว่าทำไมราชินีภูติถึงยอมร่วมมือกันกับเหล่าทวยเทพ เพื่อมอบพรให้กับเหล่าผู้กล้า นั่นก็เพราะว่าเหล่าภูติต้องการที่จะกำจัดจอมมารด้วยเช่นกัน
“ที่จริงข้ามาที่นี่ก็คิดเช่นเดียวกับท่าน เพราะพลังที่ข้าสัมผัสได้นั้น ข้าเองก็ไม่อาจชี้ชัดได้ว่าท่านผู้นั้นคือใคร แต่เท่าที่ข้าสังเกตท่านผู้นั้นจะต้องไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอย่างแน่นอน ข้าเลยคิดว่า อยากจะมาเชิญท่านผู้นั้นไปที่ประเทศของพวกเรา ถ้าพวกท่านไม่รังเกียจ”
“งั้นเหรอ.... มันก็เป็นข้อเสนอที่ไม่เลว งั้นพวกข้าขอคิดดูก่อน”
หม่าม้าเดินกลับมาหาทุกคนที่กำลังยืนรออยู่
คุยนานจัง แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปกันเลยสินะ
หม่าม้าเอลาสย่อตัวลง เพื่อที่จะคุยกับผมได้ถนัด
“ยุยจัง ยุยจังอยากจะไปอยู่ที่เมืองมนุษย์ไหม?”
ผมกะพริบตากับคำถามของหม่าม้าเอลาส เพราะไม่คิดว่าพวกหม่าม้าจะอยากไป
“แล้วพวกหม่าม้าละคะ”
“พวกหม่าม้าไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพราะหม่าม้าก็ว่าดีเหมือนกัน เพราะจะได้ให้ยุยจังเข้าโรงเรียนของพวกมนุษย์ด้วย ได้ยินว่าเป็นสถานที่ๆ เอาไว้เพิ่มพูนความรู้ ซึ่งหม่าม้าคิดว่า ยุยจังยังขาดสิ่งนี้อยู่มาก รวมทั้งสามัญสำนึกของยุยจังเองก็ยังต้องการประสบการณ์อีกเยอะอยู่เหมือนกัน แล้วยุยจังละจ้ะ อยากไปไหม?”
ก็เข้าใจอยู่หรอก กับไอคนที่ไม่มีความรู้เรื่องอะไรในโลกนี้เลย ก็จำเป็นที่จะต้องหาความรู้ใส่ตัวเองให้มากๆ แต่ว่า…
ผมคิ้วชนกันเล็กน้อย เพราะผมจำได้ว่า พอ ม.ปลายก็ไม่เคยไปโรงเรียนอีกเลย นีทอย่างผมเลยหนักใจเป็นที่สุด
แต่นี่มันต่างโลกนะเฟ่ย!!! มันก็น่าไปกว่าไอโรงเรียนที่มันโคตรจะน่าเบื่อแบบนั้นอยู่แล้ว
“ถ้าหม่าม้าว่าดี หนูก็จะไปค่ะ”
“ไม่ต้องกลัว เพราะพวกหม่าม้าจะคอยปกป้องยุยจังเองนะ”
หม่าม้าลูบหัวของผมสองสามทีก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปหาองค์สันตะปาปาที่ยืนรออยู่
“ตกลง แต่ตัวตนของยุยจะยังไม่ถูกเปิดเผยจนกว่าจะเรียนจบ เพราะข้าคิดว่ายุยจังยังอ่อนประสบการณ์เกินไป”
“ข้าเข้าใจแล้ว แต่ขอให้ตัวตนของท่านผู้นั้นรู้กันเป็นวงในจะได้หรือไม่ เพราะถ้าทำเช่นนั้น อะไรๆ หลายๆ อย่างมันจะราบลื่นมากยิ่งขึ้น”
“ก็ได้ แต่ต้องวงในจริงๆ นะ เพราะถ้าไม่งั้น พวกข้าไม่เอาเจ้าไว้แน่”
องค์สันตะปาปาโค้งตัวให้กับเอลาสเล็กน้อย
ตัวตนของเจ้าหญิงภูติ สูงเทียบเท่ากับเทพที่พวกองค์สันตะปาปานับถือด้วยหรือเนี่ย?
“จริงสิ ข้าได้ยินว่า มีเทพอยู่ที่ประเทศของพวกเจ้าด้วยสินะ ประเทศโฮลไลท์น่ะ”
“เป็นอย่างที่ท่านทราบ แต่ท่านเป็นเทพที่โอบอ้อมอารีมาก ได้โปรดวางใจ”
“ขอให้เป็นเช่นนั้นเถอะ ไมงั้นข้าได้ทำลายประเทศของพวกเจ้าทิ้งแน่”
องค์สันตะปาปา โค้งตัวอีกครั้งและขอตัวไปจัดเตรียมรถม้า แต่หม่าม้าเอลาสบอกไม่ต้อง แค่ที่สำหรับยุยจังที่เดียวก็พอ ซึ่งทำให้องค์สันตะปาปาแปลกใจมากกับคำพูดเหล่านี้ของหม่าม้าเอลาส แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
“ยุยจัง พวกหม่าม้าต้องการที่จะปกป้องยุยจังจริงๆ นะ เพราะยุยจังมีความสำคัญมาก และยุยจังเป็นเด็กที่ใสซื้อเลยยิ่งน่าเป็นห่วงเข้าไปใหญ่”
งั้นเหรอ......
แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเข้าใจว่าพวกหม่าม้าเอลาสคงจะเป็นห่วง
“ถ้าเกิดว่า ยุยไปอยู่กับคนไม่ดีอาจจะทำให้ทุกอย่างต้องดับสูญ เพราะฉะนั้นหม่าม้าทุกคน และเหล่าภูติสรรพสิ่งจะคอยชี้นำทางที่ถูกต้องให้กับยุยจังเองนะ”
เมื่อหม่าม้าพูดจบ ก็จับเอามือข้างขวาของผมขึ้นมาจูบเบาๆ และนั่งยองลงไปเหมือนกับอัศวินหญิงผู้งดงาม
“ข้าเอลาส เจ้าหญิงภูติแห่งสายลม ขอยอมรับท่านเป็นเจ้านายของข้า แล้วท่านล่ะ...”
เอ๋!!!!! หม่าม้าทำอาหลายยย คราบบบบ
แต่แววตาที่หม่าม้ามองมาที่ผมกลับทำให้อาการตกใจของผมหยุดชะงักไปโดยทันที
อู้วววว หม่าม้าหมวดจริงจัง
ผมที่กำลังจะชักมือกลับยังต้องหยุด ถ้าทำอย่างนั้น หม่าม้าเอลาสคงจะต้องเสียใจมากแน่ๆ
“ข้า... ยุย... ขอรับเอลาส เจ้าหญิงภูติแห่งสายลม เป็นภูติรับใช้ของข้า.....”
พูดแบบนี้... ถูกไหมนะ? ...
ก็กังวลเกี่ยวกับคำพูดอยู่อะน้า.... อุตสาห์คัดสรรคำพูดและใส่จิตวิญญาณของจูนิเบียวลงไปเลยน้า.....
“ยุยจัง....”
หลังจากนั้น หม่าม้าเอลาส ก็ใช้มือของตนเองเปิดหน้าผากของตัวเองให้กับผม ซึ่งมันทำให้ผม งงมากๆ แต่หม่าม้าเอลาสบอกว่า ก็เหมือนกับที่หม่าม้าทำไปยังไงละจ้ะ ซึ้งมันก็ทำให้ผมรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ก่อนที่ผมจะค่อยๆ ประทับริมฝีปากลงไปเบาๆ บนที่หน้าฝากของหม่าม้าเอลาส
ที่แท้ ก็ให้ทำแบบนี้นี่เอง แล้วยัง... ต่อหน้าทุกคนด้วย.......
“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน”
เอลาสที่ลุกขึ้นมาด้วยความสับสน ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็มองซ้ายมองขวาสำรวจตัวเอง จนเอลาสสังเกตได้ว่า มีแสงแห่งภูติที่กำลังเอ่อล้นออกมาจากตัวเธอ อย่างเห็นได้ชัด
“พลังแบบนี้มัน... หรือว่า......”
“ภูติยุคแรกเริ่มภูติแห่งสายลม ภูติแห่งท้องนภา.....”
“แล้วนั่นก็มงกุฎภูติแห่งท้องนภาไม่ผิดแน่!!!! ”
“ไม่จริงหน่า... เอลาสนี่เจ้า......”
ผมยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่ที่รู้ๆ คือ หม่าม้าเอลาสดูสวยขึ้น แค่นั้นแหละ
มันแปลกหรอ ก็เหมือนกับในเกมส์ไง พอได้ทำพันธสัญญากันแล้ว มันก็จะมีออฟชั้นเสริมเข้ามา อะไรแบบนี้?
พวกหม่าม้าที่ดูแตกตื่น กับเหล่าภูติแห่งสรรพสิ่ง ตอนนี้กำลังหันมารุมล้อมผม ด้วยความรู้สึกอันแรงกล้าว่าอยากจะได้บ้าง เหมือนกับหม่าม้าเอลาสที่ได้ทำสัญญาภูติกับผม
“ยุยจัง.....”
พวกหม่าม้าและพวกภูติแห่งสรรพสิ่งมองผมเหมือนกับว่าอยากจะบอกอะไรสักอย่าง
“มาทำพันธสัญญากันเถอะ ยุยจัง....”
เออ... ต้องทำแบบเดียวกับหม่าม้าเอลาสกับทุกคนเลยหรอ?
_ช่วงเวลาที่ได้ล่วงเลยไป
เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก องค์สันตะปาปา ก็กลับมาหาพวกผมอีกครั้ง เพื่อที่จะนำทางพวกผมไปยังรถม้าที่ได้ตระเตรียมเอาไว้ให้
หม่าม้าเอลาสและทุกคน กลับมาอยู่ในสภาพเดิน ด้วยการผนึกพลังของตัวเอง หลังจากที่ทำพันธะสัญญากับผมไปเสร็จแล้ว เพราะทุกคนบอกว่า มันจะดูเด่นเกินไป แค่เป็นเจ้าหญิงภูติมันก็เด่นมากเกินพอแล้ว
_รถม้า
ผมกับพวกหม่าม้าแล้วเหล่าภูติสรรพสิ่ง เมื่อเดินมาถึงรถม้า ที่ยังมีเหล่าทหารอยู่คอยอารักขา
ปุ่ง! ปุ่ง! ปุ่ง! ปุ่ง! ๆ ปุ่ง! ปุ่ง!
ทุกคนกลายไปเป็นภูติตัวน้อย จากที่องค์สันตะปาปาคิดว่า จะไปกันยังไง ก็ถึงกับทำหน้าเหวอ
เหล่าหม่าม้าตัวน้อย กับเหล่าถูติแห่งสรรพสิ่งตัวน้อย ถ้าทำแบบนี้ก็ไม่เด่นแล้วสินะ เพราะตัวเล็กแบบนี้จะสังเกตยากมากว่า ว่าเป็นเจ้าหญิงภูติหรือไม่ แล้วทุกคนก็ดูเหมือนว่าจะปิดกั้นพลังของตัวเองเอาไว้ด้วย เลยไม่ต้องกังวลเลยว่า ใครจะมองออก
พวกหม่าม้าได้อธิบายให้กับผมฟังระหว่างที่ผมกำลังนั่งรถม้าไปที่เมืองหลวงของประเทศโฮลไลท์ ว่าภูติระดับยิ่งสูงยิ่งเหมือนมนุษย์ แล้วการแปลงร่างของภูติตั้งแต่ภูติระดับกลางลงไปนั้น ไม่สามารถทำได้
เพราะฉะนั้น ตั้งแต่ภูติระดับกลางขึ้นมา ก็จะพบเห็นได้ยากมากด้วยเช่นกัน ก็เลยไม่แปลกที่พวกมนุษย์ จะไม่เคยเห็นภูติตั้งแต่ระดับกลางขึ้นมาบ่อยนัก
ซึ่งการแปลงร่างตัวเล็กแบบนี้ถึงพวกหม่าม้าจะเหมือนมนุษย์มากแค่ไหน พวกมนุษย์ก็คิดได้เพียงอย่างเดียวว่า พวกหม่าม้าจะต้องเป็นแค่ภูติระดับล่างๆ อย่างแน่นอน
