Episode 06
“คาจิ ชาย เป็นยังไงบ้าง ได้ผลไม้มาเยอะหรือเปล่า?”
“ได้มาเยอะเลยล่ะ ดูสิๆ”
“ชายเองก็ได้มาเยอะเหมือนกันนะเอลาส”
หม่าม้าเอลาสทักทั้งสองคนที่เดินออกมาจากชายพุ่มไม้ แล้วเมื่อทั้งสองคนทักทายหม่าม้าเอลาสกลับมา ก็นำผลไม้มาวางบนที่ๆ ผมพึ่งนอนไปเมื่อสักครู่นี้ เพราะว่าไม่มีที่ไหนจะเหมาะไปมากกว่านี้อีกแล้ว
หลังจากที่ทั้งสองนำผลไม้ไปวางไว้บนต้นเห็ดยักษ์ที่ผมใช้นอนไปเมื่อก่อนหน้านี้ ก็มองมาที่ผม เหมือนกับว่าไม่รู้จะเริ่มบทสนทนากับผมยังไงดี
เหมือนกับว่าจะกลัวผมแฮะ
“คาจิ ชาย นี่ยุยจังนะ”
“อ-เอ๋.... ดีจ๊ะ ยุยจัง ข้าชายยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“ช้าชื่อคาจิ ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันจ๊ะ ยุยจัง”
“อ-อา... ค่ะ พี่สาวชาย พี่สาวคาจิ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
ผมคงจะต้องขอขอบคุณหม่าม้าเอลาสด้วยที่ทำให้บรรยากาศที่มันดูยุ่งยากนี้หายไป
ทำซะเป็นพิธีเลย เราเองก็เลยทำตัวไม่ถูก เพราะตอนนี้ถ้าขืนทำอะไรแปลกๆ ออกไปละก็ มีหวังคงจะน่าอายมากแน่ๆ
“ยุยจัง รอสักครู่นะจ้ะ เดี๋ยวหม่าม้าจะเอาโต๊ะมาตั้งให้นะ”
“เอ๋?”
ซึ่งก็ไม่พ้นประเด็นเดิม ที่หม่าม้าเอลาสที่หันมาพูดกับผมแบบนั้น เรียกแทนตัวเองว่าหม่าม้า จนทั้งพี่สาวชายและพี่สาวคาจิ หันไปจับจ้องหม่าม้าเอลาสด้วยความสับสน
“ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะหม่าม้าเอลาส”
เมื่อผมตอบกลับไปแบบนั้น ก็เหมือนกับว่าหม่าม้าเอลาสจะร่ายเวทย์อะไรสักอย่าง แล้วหม่าม้าดาร์กเนสกับหม่าม้าเนโล ก็เดินมาหยิบผลไม้ที่หามาได้ไปวางไว้ที่โต๊ะกลมตัวใหญ่ ที่หม่าม้าเอลาสจัดเตรียมเอาไว้ให้อยู่ใต้ต้นไม้ ที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องอ่อนๆ ลงมา
“ยุยจัง มานี่เร็วมานั่งข้างหม่าม้าเนโลดีกว่า...”
“นี่ๆ มานั่งข้างหม้าม้าดาร์กเนสด้วย....”
“เอ๋! ”
แล้วทั้งสอง คาจิกับชาย ที่ยังยืนสับสนอยู่นั้น ก็ร้องเอ๋ออกมา ก่อนที่จะหันไปมองหม่าม้าดาร์กเนสกับหม้าเนโลต่อ
“มานี่ๆ เดี๋ยวหม่าม้าซอยลจะจูงมือไปเองน้า....”
“เอ๋!!!!! ”
พอทั้งสองหันมามองหม่าม้าซอยลก็ร้องซะเสียงดัง ซึ่งทุกคนที่ตกใจกับเสียงร้องของทั้งสองที่กำลังยืนสับสนอยู่นั้น ก็หันไปมองต้นเสียงด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรไปหรือชาย คาจิ?”
“หม่าม้านี่ หมายความว่ายังไงกันเอลาส!!! ”
“นั่นสิ ชายพูดถูก มันหมายความว่ายังไงกัน!!!! ”
ทั้งสองวิ่งไปถามหม่าม้าเอลาส ถ้าตามสัญชาตญาณของผม หม่าม้าเอลาสคือเป็นคนที่คุยกันรู้เรื่องมากที่สุด ทั้งสองก็คงจะคิดเหมือนๆ กัน
สงสัย เราคงจะได้หม่าม้าเพิ่มอีกเป็นแน่
เมื่อผมพูดยังไม่ทันขาดคำ หม่าม้าเอลาสที่อธิบายให้ทั้งสองฟัง
“เพราะอย่างนี้ไง เราเลยรับยุยจังมาเป็นลูกบุญธรรมยังไงล่ะ”
แล้วพอคาจิกับชาย ได้ยินแบบนั้นจากเอลาส ก็ทำสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ออกมา จนยุยที่เห็นก็ทนไม่ได้ เพราะเรื่องทั้งหมดมันก็เกินขึ้นมาเพราะยุยเป็นตัวการณ์เหมือนกัน
แถมทั้งสองคนจะต้องเรียกได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณสำหรับยุยเองอีกด้วย เพราะฉะนั้นยุยที่กำลังถูกซอยลจูงมือไปยังโต๊ะที่เอลาสนำเอาออกมาให้นั้น ก็เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าของทั้งสอง ที่กำลังทำสีหน้าเหมือนกับอยากจะร้องไห้
หม่าม้าซอยลที่ดูเหมือนว่าจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ก็ปล่อยมือผมและถอยออกไปอย่างช้าๆ
ผมชูมือออกไปข้างหน้าทั้งสองข้าง
เฮ้อ.... เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะงั้นยอมให้สักหน่อยก็แล้วกัน ถึงมันจะเป็นเรื่องน่าอายมากๆ ก็ตาม
“หม่าม้าชาย หม่าม้าคาจิค่ะ หนูหิวแล้วค่ะ ช่วยพาหนูไปที่โต๊ะหน่อยจะได้ไหมคะ?”
ขอบอกว่าครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น!!!
“หม่าม้า.... หูไม่ฝาดใช้มั้ย....”
“หม่าม้าหล่ะ คาจิจัง!!! ไม่ใช่หูฝาดด้วย!!! ”
ทั้งสองคนดูเหมือนจะดีใจเอามากๆ ผมเลยไม่กล้าขัดใจมากสักเท่าไหร่ เพราะหลังจากนั้น ผมโดนลูบหัวบ้างล่ะ แล้วโอ๋ๆ เด็กดีๆ บ้างล่ะ ทานเยอะๆ นะ บ้างล่ะ
บอกแล้วนะ ว่าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ครั้งต่อๆ ไปจะไม่มีทางที่มันจะเกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด หนูบอกแล้วนะ ฮึ่ม!!!
_นอกป่าแห่งความตาย
“ทีมสำรวจพร้อมแล้ว กองอัศวินศักดิ์สิทธิ์เองก็มาถึงแล้วด้วยเช่นกันครับท่านแม่ทัพ”
“ข้าได้ยินว่าท่านผู้กล้าก็มาถึงแล้วด้วยเช่นกันใช่ไหม?”
“ครับท่านแม่ทัพ”
“ดี!! ให้ทหารพักให้เต็มที่ แล้วอีกหนึ่งชั่วยามเราจะเริ่มทำการสำรวจป่าแห่งความตายนี้กัน เจ้าไปกระจายคำสั่งของข้าได้แล้ว”
“ครับ!!! ”
นอกป่าแห่งความตายได้มีกองทหารทั้งหมดหนึ่งพันนาย กับกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์อีกห้าร้อยนาย รวมแล้วพันห้าร้อยนาย ที่จะทำการสำรวจป่าแห่งความตายนี้อีกหนึ่งชั่วยาม
_โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์โฮลไลท์
“องค์สันตะปาปา ท่านจะไปไหนหรือขอรับ”
“ข่านิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ไม่ได้หรอกนะ หลังจากที่ข้าสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์อันมหาศาลได้จากที่แห่งนั่น พลังเวทย์ด้านลบภายในป่าแห่งความตายก็ค่อยๆ สะหลายหายไปอย่างรวดเร็ว”
“นี่ท่านจะบอกข้าว่า ในป่าแห่งนั้น! ?”
องค์สันตะปาปาไม่รอช้า แล้วรีบเร่งออกเดินทางไปยังป่าแห่งความตายโดยทันที
