Episode 05
ผมแทบหงายหลัง เพราะเกิดอาการวิงเวียนศีรษะคลับคล้ายคลับคลาจะเป็นลม
จบสิ้นแล้ว เราจะสาวหนอนไม่ได้อีกต่อไป......
“ยุยจัง!!! เป็นอะไรไป ไม่สบายตัวหรอ?”
“มะ ไม่เป็นอะไรครับ ผมแค่รู้สึกว่ามีบางอย่างมันไม่ใช่......”
“ยุยจัง.....”
หม่าม้าเนโลกับหม่าม้าเอลาส จ้องผมด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจอะไรสักอย่าง
ผมผิดอะไรหรือครับ หม่าม้าทั้งสอง
“ค่ะ! ”
“ค่ะ! ”
เอ๋..... มันมีอะไรหรอ? กับคำว่า ค่ะ มันแปลกๆ นะ น้อยชายผมจากไปแล้วหม่าม้ายังจะเอาอะไรจากผมอีก เดี๋ยว? ดุ้นไม่มี พูดลงท้ายด้วยครับ มันแปลกๆ นะว่ามะ
ผมปาดเหงื่อเล็กน้อย ก่อนที่จะทำหน้าปั้นยาก เมื่อหม่าม้าทั้งสองเห็นแบบนั้น หม่าหม้าเอลาสก็ถามผมอีกครั้ง
“เป็นอะไรหรือเปล่าจ้ะ ไม่สบายตัวตรงไหนหรือป่าว.....”
“หม่ะ.... ไม่..... เป็นไร ครั-ค่ะ หม่า.... ม้า.......”
“ฟุฟุ เด็กดีๆ งั้นมาล้างเนื้อล้างตัวกันเถอะ”
หม่าม้าทั้งสองลูบหัวผมเบาๆ ก่อนที่จะจบผมแก้ผ้า ซึ่งจะขัดขืนก็ไม่สามารถทำได้ เพราะผมสามารถรับรู้ได้ถึงแรงกดดันเมื่อผมทำท่าจะขัดขืน จนกระทั้งผมโดนลวนลามจนหนำใจแล้ว หม่าม้าเอลาสกับหม่าม้าเนโล จึงได้จับผมแต่งตัว แถม น่ารักมากเสียด้วย
แล้วแถม ตอนที่ผมจะพูดลงท้ายว่าครับ ก็ถูกจ้องซะน่ากลัวเลย ซึ่งหลังจากนี้ ผมก็เชื่อว่า จะใช้แทนตัวว่าผมไม่ได้ด้วยเช่นกัน
หมดสิ้นแล้วทุกอย่าง ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวเดียวที่จะดึงข้าฝั่งนั้นกลับมาได้ ลาก่อน ตัวข้าในอดีต กระซิกๆ
ผมที่ยืนไว้อาลัยให้กับตัวของผมเมื่ออดีตเป็นเวลาสิบวินาที ก็เงยหน้าขึ้นพร้อมๆ กับต้องจำยอมรับในตัวตนใหม่ที่ไม่อาจจะสามารถหลีกเลี่ยงได้
“นี่ซอยลและดาร์กเนส ตั้งใจช่วยกันเตรียมชุดสวยๆ ให้กับยุยจังเลยน้า....”
“ข-ขอบคุณ ค-ค่ะ”
ไม่ต้องการเลยสักนิด
หลังจากที่ผมล้างเนื้อล้างตัวเสร็จ ก็ได้รู้ว่า หม่าม้าเนโลเป็นเจ้าหญิงภูติน้ำ กับหม่าม้าเอลาสที่เป็นเจ้าหญิงภูติลม เพราะเท่าที่หม่าม้าทั้งสองเล่าให้ฟัง พวกหม่าม้าล้วนแล้วเป็นผู้มีสิทธิ์สิบทอดตำแหน่งของราชินีแห่งภูติด้วยกันทั้งสิ้น
และตำแหน่งราชินีภูติเป็นตัวตนภูติระดับสูงสุดของแต่ละธาตุทั้งหมดของบนโลกใบนี้ด้วย ซึ่งพวกหม่าม้าได้มารวมตัวกันที่ป่าแห่งนี้อย่างไม่คาดคิด ก่อนที่จะมาเจอกับผมเข้า แล้วยังมีภูติแห่งสรรพสิ่งอีกด้วย ที่อยู่ในป่าแห่งนี้
ซึ่งเท่าที่ผมรู้คือ ภูติแบ่งออกเป็นสองประเภท ภูติแห้งสรรพสิ่งและภูติแห่งธาตุ ภูติทั้งสองประเภทนี้แตกต่างกันตรงที่ ภูติแห่งธาตุ ก็อย่างที่หม่าม้าเอลาสเป็นอยู่ จะเป็นภูติที่สามารถที่จะควบคุมธาตุของตัวเองได้
ส่วนภูติแห่งสรรพสิ่ง จะสามารถควบคุม สิ่งที่ไม่เที่ยงตรง เช่น ความเป็นความตาย แล้วก็ยังมีแม้แต่กระทั้งภูติที่ทำให้เกิดชีวิตก็ยังมี ภูติแห่งกาลเวลาก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
แต่จะไม่ถึงขั้นที่จะสามารถทำลายกฎเกณฑ์ของโชคชะตาโลกนี้ได้ ถ้ายกตัวอย่างภูติทั้งสองประเภทอย่างที่ผมเข้าใจคือ จะสามารถควบคุมสิ่งที่มองเห็นกับสิ่งที่มองไม่เห็นได้ แถมท้ายจากหม่าม้าเอลาสที่บอกกับผมมา _ยกเว้นยุยจัง? _
อีกไม่นานก็คงจะได้เจอกัน เห็นพวกหม่าม้าว่า
“หม่าม้าเอลาส แล้วที่นี่มันคือป่าอะไรอย่างนั้นนหรือคะ?”
“ที่นี่งั้นหรือจ้ะ มันคือป่าแห่งความตายจ๊ะเห็นพวกมนุษย์เรียกป่าแห่งนี้ว่าแบบนั้น เพราะที่นี่นั้น พวกมนุษย์ส่วนมากที่เข้ามา มักจะไม่มีชีวิตรอดกลับไปจ๊ะ”
“งั้นหรอ ค่ะ”
แล้วตรูรอดมาได้ยังไงฟ่ะเนี่ย
“หม่าม้าเอลาส? ... งั้นเหรอ.... เอลาสนี่มันหมายความว่ายังไง ตอบพวกเรามาเดี๋ยวนี้นะ! ”
พี่สาวดาร์กเนสกับซอยล ดูท่าทางจะตกใจกับคำเรียกที่ผมใช้เรียกหม่าม้าเอลาสน่าดู แถมยังไปซักไซ้เอาความจากหม่าม้าเอลาสจนได้ความอีกด้วย
“งะ งั้น เรียก หม่าม้าดาร์กเนส กับหม้าม้าซอยลด้วยสิยุยจัง”
“ใช่ๆ เรียกหม่าม้าซอยลสิจ้ะ เด็กดี... เด็กดี....”
พี่สาวดาร์กเนสและซอยลเมื่อได้ความแล้ว ก็เข้ามาเซ้าซี้ผม ให้ผมเรียกหม่าม้าเสียให้ได้
โอ่ยยยยย น่ารำคาญโว่ยยยย
ผมเลยทำได้ปั้นยิ้มและหัวเราะแฮะๆ ออกไป
“หมะ หม่าม้าดาร์กเนส หม่าม้าซอยล”
“วัวตายความล้มได้ด้วยรอยยิ้มของยุยจังได้เลยนะคะเนี่ย”
“ต๊าย!!!! น่ารักจุงเบิยยยยย”
“จะ จะตายแหลวววว”
ทั้งสองที่ได้ยินผมพูดไปแบบนั้นก็ทำท่าทางดีใจกันยกใหญ่ พร้อมๆ กับเข้ามากอดผมจนผมเกือบจะได้ไปอีกโลกหนึ่งแล้ว
“ไม่ทราบว่ามันจะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ..... คุณซอยลคุณดาร์กเนส.....”
“อะจ๊าก...ๆๆ เค้าผิดไปแล้ว!!!! ”
“ฮะ หัว หัวข้า!!!! ”
GoodJob หม่าม้าเอลาส นึกว่าจะได้ไปอีกโลกหนึ่งเสียแล้ว
หม่าม้าดาร์กเนสกับหม่าม้าซอยล์ที่เข้ามากอดรัดผมจนแทบจะได้ไปโลกหน้าแล้วนั้น ก็โดนหม่าม้าเอลาสจิกหัวไปเป็นที่เรียบร้อย แต่เท่าที่เห็นหม่าม้าเอลาสน่ากลัวมาก เวลาตอนโมโห
เพราะสังเกตได้จากสองหม่าม้าที่โดนหม่าม้าเอลาสจิกหัวและโดนเหวี่ยงออกไปอย่างน่าเวทนา
“อ๊ะ! ยุยจัง คงจะหิวแล้วสินะ คาจิกับชายกลับมาพอดีเลย...”
ผมที่กำลังยืนมองหม่าม้าทั้งสองที่กำลังนอนกุมหัวอย่างน่าสงสารอยู่นั้น ก็หันไปตามเสียงที่หม่าม้าเอลาสหันไปมองอยู่ทันที
_ราชอาณาจักรโฮลไลท์_
บุ่ง!!!!
เสียงเปิดประตูท้องประโรงอย่างแรง
“ฝ่าบาท! ข่าวด่วนพะยะค่ะ เราได้รับแจ้งจากองค์สันตะปาปาว่าสัมผัสความผันผวนของเวทมนตร์ได้จากทางป่าแห่งความตาย และองค์สันตะปาปาได้ร้องขอให้ฝ่าบาทได้โปรดส่งกองกำลังไปตรวจสอบที่ป่าแห่งนั้นด้วยขอรับฝ่าบาท”
ทหารนายหนึ่งได้เดินเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าองค์ราชาและได้รายงานข่าวที่ได้รับสั่งมาอย่างรีบเร่ง
“อืม...... ท่าท่านองค์สันตะปาปาว่ามาเช่นนั้น ข้าเองก็คงจะนิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ไม่ได้ด้วยเช่นกัน”
“แล้วยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่องค์สันตะปาปาฝากมาถึงฝ่าบาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ ว่าได้โปรดส่งผู้กล้าเข้าร่วมในการสำรวจป่าในครั้งนี้ด้วยเถอะขอรับฝ่าบาท ไม่แน่นี่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนถึงการเกิดขึ้นของจอมมารตนใหม่ก็อาจจะเป็นไปได้
เพื่อเป็นการตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม องค์สันตะปาปาเลยคิดที่จะให้ท่านผู้กล้ากำจัดมันเสียตั้งแต่ตอนนี้ และทางศาสนจักรจะขอส่งหน่วยอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ห้ากองร้อยเข้าร่วมในการสำรวจครั้งนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ! ”
“ดี!!! เราเองก็ได้อัญเชิญผู้กล้ามาก็เพื่อโอกาสนี้ด้วยเช่นกัน พวกเจ้าเหล่าแม่ทัพ จงจัดตั้งทีมสำรวจหนึ่งกองพันเข้าสำรวจป่าแห่งความตายให้เร็วที่สุดซะ และเชิญท่านผู้กล้าให้เข้าร่วมในการสำรวจป่าแห่งความตายในครั้งนี้ด้วย แล้วเจ้าจงไปรายงานองค์สันตะปาปาด้วยว่า กองทหารของข้าจะปักหลักรออยู่ที่หน้าทางเข้าของป่าแห่งความตาย”
“ตามพระประสงค์ฝ่าบาท”
“งั้นข้าขอตัวลากลับไปรายงานต่อองค์สันตะปาปาก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ฝ่าบาท...”
หลังจากที่คนส่งข่าวได้รายงานสิ่งต่างๆ ที่ได้รับสั่งมา ก็ขอตัวลาจากองค์ราชา เพื่อที่จะกลับไปรายงานในสิ่งที่ตัวเองได้รับสั่งอีกครั้ง ส่วนแม่ทัพต่างๆ ที่รับสั่งจากองค์ราชาต่างก็ขอตัวไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาอย่างเร่งรีบ
“ท่านองครักษ์ ท่านคิดว่าข้าคิดมากเกินไปหรือไม่”
องค์ราชาที่ดูจะเหนื่อยล้าหลังจากออกคำสั่งเหล่าแม่ทัพ ก็ได้เอามือจับหน้าผากตัวเองที่คิ้วกำลังขมวดเข้าด้วยกัน ด้วยความกลัว
เหตุการณ์เมื่อนานมาแล้ว จอมมารได้เข่นฆ่าประสบนิกรของพระองค์ไปมากมาย จนเป็นฝันร้ายจวบจนถึงทุกวันนี้
“ฝ่าบาท อย่าได้ทรงคิดมากไปเลยพะยะค่ะ ยังไม่ได้รับการยืนยันเสียหน่อยฝ่าบาท ว่าสิ่งนั้นมันเป็นจอมมารจริงหรือไม่ พระองค์ โปรดวางพระทัย”
“แต่ข้าก็นิ่งนอนใจกับมันไม่ได้ด้วยเช่นกัน เพราะข้าไม่อยากให้เหล่าประสบนิกรของข้าต้องมาพบกับความเสียง เพราะฉะนั้นเจ้าจงไปสั่งแม้ทัพหลวง ว่าให้เตรียมพร้อมทำศึก ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนข้าก็จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นมาอีกเด็ดขาด....”
“ตามพระประสงค์ฝ่าบาท ข้าจะรีบนำรับสั่งนี้ไปรายงานต่อแม่ทัพหลวง ไม่ให้ขาดตกบกพร่องอย่างแน่นอน เพื่อที่จะตอบสนองต่อความเมตรตาที่พระองค์ มีต่อประสบนิกรของพระองค์อย่างล้นเหลือ ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย........”
