Episode 04
ซ่า........
เสียงสายฝนกลางป่าที่ดูเหมือนจะเงียบสงบ แต่กลับไม่ใช่เช่นนั้น
อึก..ฮึก... อยู่ดีๆ ก็มาโผล่ที่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังมาเจอกับเรื่องร้ายๆ แบบนี้อีก ทั้งๆ ที่ ทั้งๆ ที่.... จะได้เจอกับเวทมนตร์ อย่างที่ผมเคยฝันเอาไว้แล้วแท้ๆ อ๊ากกก!
“ผมขอ.....”
คลืนนนน!!!! เปรี่ยง!!! ตุ่ม!! ๆ คลืน! ....
ถึงแม้ว่าตอนนี้ท้องฟ้าจะก่อตัว เป็นเมฆคล้ำดำครึ้ม ฟ้าผ่า จนดังสนั่น ผมก็ไม่สนอะไรอีกแล้ว เพราะความตายที่สัมผัสได้นั้น มันยิ่งกว่าความกลัวที่จะมาถึงเสียอีก
“สาปแช่ง.... ฮึก... โลกใบ.....”
บรึ่ม!!!!!
เกิดฟ้าผ่าขนาดใหญ่จนเรียกได้ว่าพื้นที่บริเวณนี้จนราบเป็นหน้ากลอง
“ได้โปรดอย่า พูดเช่นนั้นออกมาเลย......”
“ท่านไม่สงสารโลกใบนี้บ้างเลยหรือ......”
“ทั้งๆ ที่ท่านมีพลังมากพอ ที่จะกำจัดสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเพียงแค่ลมหายใจของท่าน ก็ทำได้แล้วแท้ๆ แต่ทำไมท่านถึงไม่ทำกันละ......”
“พวกข้าไม่เข้าใจ......”
เสียงเล็กๆ ก้องกังวานอยู่ในหัวของผม เป็นเสียงที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ก็แฝงไปด้วยความวิตกกังวล
เสียงอะไรกันนะ เหมือนกับว่ากำลังจะคุยกับเรา แต่ร่างกายเรา ขยับไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าผมจะสัมผัสได้ว่าสิ่งที่ยึดตรึงแขนและขาของผมเอาไว้นั้นจะได้รับการปลดปล่อยแล้วก็ตาม
ไม่มีแรงเลย.........
กริ่ง...................
“เชิญท่านพักผ่อนให้สบายเถิด........... พวกข้าจะคอยดูแลท่านระหว่างที่ท่านกำลังพักผ่อนเอง.........”
......................
_???
กุกกักๆ
“นี่ๆ เอลาสจัง คิดว่าชุดนี้เป็นยังไงบ้าง”
“ก็ใช้ได้นะ ข้าคิดว่ามันน่าจะพอดีเลยละ”
“ชายกับคาจิช่วยไปหาผลไม้ทีนะ แล้วดาร์กเนสกับซอยลช่วยจัดการเรื่องเสื้อผ้าให้ที”
“เข้าใจแล้ว”
“ดี... งั้นเนโลกับข้าจะช่วยกันจัดการเรื่องการอาบน้ำให้เอง”
เสียง? นี่เราอยู่ที่ไหนกัน แล้วเสียงพวกนี้มันหมายความว่ายังไง?
ผมที่ได้ยินเสียงเหมือนคนคุยอะไรกันสักอย่าง ก็พอจะจับใจความได้ว่า กำลังแบ่งหน้าที่การจัดการงานกันอยู่ ซึ้งมันก็น่าจะเกี่ยวกับผมด้วย เพราะผมเชื่อว่าสิ่งต่างๆ ที่กำลังสนทนากันอยู่นั้น มันจะต้องเกี่ยวกับผมอย่างแน่นอน
ปริบๆ
ทั้งสามกำลังมองตากัน
ที่นอนนุ่มๆ กับพี่สาวสุดสวยทั้งสองที่กำลังจ้องหน้าผมอยู่
นี่คือสิ่งที่ผมคิดหลังจากที่ผมลืมตาตื่นขึ้นมา ถึงจะยังไม่อยากตื่นขึ้นมาก็เถอะ แต่ด้วยความระแวงที่มันฝังลงไปในจิตใจของผมตั้งแต่มาอยู่ที่ป่าแห่งนี้ มันก็ทำให้ผมลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วและมองซ้ายมองขวาด้วยความระแวง
พี่สาวทั้งสองมองผมด้วยความสงสัย แล้วคุยกันอย่างหน้าตาเฉย
“นี่เนโล เจ้าคิดเหมือนกับข้าไหม ที่จะมีสาวน้อยที่ไหนก็ไม่รู้โผล่ออกมา แล้วไม่รู้แม้กระทั้งตัวตนของตัวเอง ว่าตัวเองนั้น เป็นตัวตนที่แม้แต่พวกเราเองก็ไม่อาจจะบอกได้ว่า คืออะไร..”
“ข้าก็ไม่รู้หรอกนะเอลาส แต่เท่าที่ข้าเห็น เห็นเพียงแค่เด็กสาวผู้ไร้เดียงสา”
แล้วพี่สาวทั้งสองก็จ้องมองมาที่ผมอีกครั้ง
“นี่... ข้าขอเสียมารยาทท่านหน่อยจะได้ไหม?”
“เอ๋... ผมงั้นเหรอ”
“อาหระๆ ......”
พี่สาวที่ถูกเรียกด้วยชื่อว่าเอลาสเข้ามาถามผม ถึงผมจะตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยังตั้งสติตอบคำถามของพี่สาวกลับไปได้ แล้วพอพี่สาวได้ยินผมตอบกลับไปแบบนั้น ก็ทำสีหน้าเหมือนกับไม่อยากจะเชื่อกับคำตอบที่พี่สาวได้ยิน
“ท่านรู้บ้างไหม ว่าท่านเป็นใคร แล้วท่านมาทำอะไรในป่าแห่งนี้”
“ไม่รู้....”
ผมที่ไม่รู้อะไรแล้ว ก็เลยรวบคำตอบว่าไม่รู้จะดีที่สุด แถมที่นี่มันที่ไหนก็ไม่รู้ แถมภาษาที่พี่สาวใช้พูดยังฟังดูแปลกๆ อีก ผมเลยคิดว่ามันน่าจะไม่ใช่ที่ที่ผมรู้จักอีกต่อไป ตัวตนของผมก็เลยกลายไปเป็นว่า ไม่แน่ชัดไปโดยปริยาย
“แล้ว รู้ไหม ว่าที่เจอไปเมื่อกลางวันนั้นมันคือตัวอะไร?”
ผมส่ายหน้า เพราะผมเองก็ไม่กล้าตอบด้วยเช่นกันว่ามันคือก๊อบลิน เพราะตัวมันมีแค่ในเกมส์ที่ถูกจินตนาการขึ้นมาโดยใครบางคนเพียงเท่านั้น ผมเลยตอบได้อย่างเดียวว่า ไม่รู้
ถึงจะรู้ก็ใช่ว่าจะสิ่งที่เรารู้จักเป็นอย่างดี ถ้ามันมีอยู่จริง เพราะฉะนั้น ตอบไปว่าไม่รู้จะเป็นการดีที่สุด
เพราะถ้ามันเป็นก๊อบลินจริง ก็แปลว่าที่นี้นั้นไม่ใช่โลกที่เรารู้จักเลยแม้แต่น้อย แถมถ้าเราบอกว่ารู้ก็อาจจะพลาดข้อมูลอะไรที่มันสำคัญไปก็อาจจะเป็นไปได้
สู้ให้พี่สาวที่อยู่ตรงหน้าช่วยอธิบายให้ผมฟังซะจะดีกว่า แล้วก็ค่อยๆ เรียนรู้เกี่ยวกับโลกนี้เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
“ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเราถึงมารวมตัวกันที่ป่าแห่งนี้ พวกเราจะคอยช่วยดูแลท่านเอง เพื่อให้ท่านไม่ต้องเดินไปในทางที่ผิด”
“จ-จะดีหรอ รบกวนพี่สาวแย่เลย”
“เอลาสจ๊ะ พี่สาวชื่อว่าเอลาส หรือเรียกว่าหม่าม้าก็ได้ ส่วนนี่เนโล แล้วสาวน้อยชื่ออะไรหรอจ๊ะ พอจะจำได้ไหม?”
“ขี้โกงนี่ เอลาสจัง ร-เรียกข้าว่า หม่าม๊าเนโลก็ได้นะจ้ะ พวกเราจะช่วยเลี้ยงดูหนูเองนะ”
“อะ เอ๋..... ย-ยุย”
ทำไมมันกลายไปเป็นแบบนี้ได้กันนะ เราดูเป็นเด็กขนาดนั้นเลยหรอ? แล้วมันจะเร็วเกินไปแล้ว!!!!!
กำแบๆ แล้วผมก็มองไปที่เท้าที่เปลือยเปล่า
เล็ก? ผมตัวเล็กลง หรือว่าตอนนี้ผมกลายไปเป็นเด็ก!!! ?? ผมพึ่งจะมาสังเกตตัวเองหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น
ว่าแล้วทำไมผมถึงแรงไม่เยอะสู้เจ้าก๊อบลินไม่ได้ เพราะเรากลายไปเป็นเด็กนี่เองเลยแรงน้อยแบบนี้
เพราะผมเองก็คิดว่ามันแปลกๆ อยู่เหมือนกันว่าทำไมผมถึงเหนื่อยง่าย ทั้งๆ ที่ปรกติเดินแค่นี้มันไม่น่าจะเหนื่อยเลย เพราะตอนไปงานขายหนังสือโดจินผมยังเดินวนรอบงานได้ตั้งสองสามรอบโดยไม่เหนื่อย
ผมจะบอกว่าผมตั้งแต่เด็กนั้น พ่อแม่ผมได้จากไปด้วยอุบัติเหตุ เพราะฉะนั้นผมเลยไม่ค่อยรู้หรอกว่าครอบครัวนั้นมันเป็นยังไง เลยคิดหนักอยู่พอสมควรกับการที่พวกพี่สาวที่อยู่ๆ จะมารับผมไปเป็นลูก ทั้งๆ พึ่งจะคุยกันได้ไม่ถึงสามประโยค
พี่สาวทั่งสองมองผมด้วยสายตาอ่อนโยน
ครอบครัว.... แม่..... มันเป็นยังไงกันนะ....
“ยุยจังงั้นหรอ ฟุฟุ ยุยจังมาหาหม่าม้าสิจ้ะ”
“ใช่ๆ มาล้างเนื้อล้างตัว หม่าม้าเนโลจะช่วยเอง”
“หม่าม้า..........”
“เรียกด้วย!!! ”
เอ็ะ! ? แค่หลุดปากไปเอง...
พี่สาวทั้งสอง เอามือปิดปากด้วยความตกใจ ก่อนที่จะเข้ามาใกล้ แล้วพาผมลงจากต้นเห็ดยักษ์ที่ใช้เป็นที่นอนให้กับผม
เอ.... จำได้ว่าในป่าแบบนี้ ไม่มีห้องน้ำนี่นา จะอาบน้ำกันได้ยังไง
เพราะพื้นที่รอบๆ เป็นป่า ที่นอนของผมก็เป็นต้นเห็ดยักษ์ที่เกิดขึ้นมาโดยธรรมชาติอยู่ที่โคนต้นไม้ เลยไม่เห็นห้องน้ำเลยแม้แต่น้อย
“เดี๋ยวหม่าม้าจะถอดชุดออกให้นะยุยจัง...”
หม้บ! ผมลืมไปว่าผมเป็นผู้ชายนี่นา จะให้มาเห็นน้องชายของผมไม่ได้เด็ดขาด เพราะอย่างน้อยๆ ผมก็รู้ตัวเองดีว่า ผมไม่อาจจะทำให้จิตใจของตนเองขาวบริสุทธิ์ได้ เมื่อรู้ว่าจะมีพี่สาวแสนสวยถึงสองคนมาเห็นตรงส่วนนั้นเข้า
ใช่แล้ว... ถึงตัวจะเป็นเด็ก แต่หัวสมองเต็มไปด้วยความคิดของผู้ใหญ่ ถ้ามันผงาดขึ้นมาละก็!!!!!!!
ผมเลยรีบคว้าชายชุดสีขาวที่เปราะเปื้อนดินโคลนจนดูไม่ได้เอาไว้ก่อนที่พี่สาวทั้งสองจะถกมันขึ้นมา
เกือบไปแล้ว....
แต่ว่าพี่สาวทั้งสองกับมองการกระทำของผมเป็นเหมือนกับเด้กๆ ทั่วไป ที่กำลังเขินอายเพียงเท่านั้น
“เอ๋... จะเขินทำไมจ้ะยุยจัง ก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันนี่นา....”
? ..... ผู้หญิง ผมยาว จริงสิ เราใส่ชุดเดรสน่ารักๆ ยาวสีขาวอยู่ด้วยนี่นา แล้ว.....
ผมถกชายกระโปรงขึ้น แล้วก้มลงไปมอง อย่างไม่คิดที่จะปิดบังอะไรอีกต่อไป
“หายไปแล้ว...........”
ผมได้แต่พูดออกมาเบาๆ กับหว่างขาที่โล่งโจ้ง......
