Episode 03
“แฮกๆ ... แฮกๆ ... แฮกๆ ...”
ผมที่วิ่งหนีเจ้ากวางยักษ์จนสุดแรงเกิด ก็ต้องมาหอบแฮกๆ ห้อยต่องแต่งๆ เหมือนถูกแขวนอยู่ยังไงยังงั้น
จะวิ่งก็วิ่งหนีไม่ได้ แถมทำไมถึงมาห้อยต่องแต่งๆ อยู่แบบนี้กันเนี่ย?
ผมมองไปที่พื้น ถึงจะวิ่งเท่าไหร่ก็วิ่งไม่ไป เพราะถูกอะไรบางอย่างเกี่ยวเสื้อของผมห้อยต่องแต่งอยู่แบบนี้ เพราะฉะนั้นวิ่งไปก็เหนื่อยเปล่า ผมเลยหยุดวิ่งและคอตก
นี่ผมจะไม่รอดแล้วจริงๆ หรือเนี่ย.... เอ้า! เจ้ากวาง จะทำอะไรก็เชิญเลย.... ผมเตรียมใจเสร็จแล้ว....
ตึก...ตึก..ตึก...ตึก..
เสียงเท้าของเจ้ากวางมันเดินและใช้เขาของมันหิ้วผมเดินไปไหนก็ไม่รู้ แต่พอรู้ตัวอีกที
เอ๋.... ต้นไม้นุ่มนิ่มๆ นี่นา มันพาเราไปหาต้นไม่นั่นงั้นหรอ? เอ๋!!!! แปลว่าที่มันทำท่าทางแปลกๆ มาตลอด ก็เพราะมันกำลังจะบอกให้เราเข้าไปงั้นสิ
เมื่อมาถึง เจ้ากวางก็ค่อยๆ วางผมลงอย่างช้าๆ แล้วมันก็ทำถ้าเดินวนผมเล็กน้อยก่อนที่จะนอนลง
เอ๋.... นอนมันอย่างงี้เลยเหรอ ช่วยไม่ได้ ก็นอนมันอย่างนี้แหละ เพราะยังไงก็ไม่มีทางเลือกอยู่แล้วนี่นา
เมื่อผมนั่งลงมันก็ทำเสียงฟึดฟัดๆ เหมือนไม่พอใจ ก่อนที่จะงับชายคอเสื้อของผมดึงคอให้ผมลงไปนอนบนตัวของมัน
เอ้า? ใครจะไปรู้กันละเนี่ย ว่าให้นอนได้
เพราะงั้นผมที่ชะงักอยู่ก็เอนไปนอนทับพุงนุ่มๆ ของมัน อย่างสบายใจเฉิบ ซึ่งหลังจากนั้นขนนุ่มๆ ของมันก็ดึงให้ผมเข้าสู่ห่วงนิทราไปได้อย่างง่ายดาย บวกกับต้นไม้อุ่นๆ นี้แล้วด้วย เฮ้อออ โงหัวไม่ขึ้น….
ผมที่เข้าสู่ห่วงนิทรา อย่างกับฝันไปเลยแฮะ ป่าที่ดูแปลกๆ สัตว์ที่เป็นมิตรกับคน ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลย แล้ว........
แล้วคืนนี้ก็ผ่านพ้นไปได้อย่างรวดเร็วๆ
_เช้าวันรุ่งขึ้น
สายลมยามเช้าที่ค่อยพัดผ่าน จนทำให้บุคคลที่กำลังนอนคุดอยู่นั้น ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
“อือ.... “
ผมที่ยังนอนคุดอยู่นั้น ก็ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศยามเช้า ก่อนที่จะค่อยๆ กระพริบตาเบาๆ เพราะแสงที่แยงตาในยามเช้า มันค่อนข้างที่จะแยงตาของผมมากอยู่พอสมควร
“ตื่นแล้วๆ หาที่ซ่อนเร็ว.....”
..........????? ..........
ง่วงนอนจัง ถึงอยากจะนอนต่อก็เถอะ
ผมค่อยๆ ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วสังเกตเห็นว่าเจ้ากวางนั้นมันหายไปแล้ว ซึ่งผมที่ลุกขึ้นมาและเห็นว่าเจ้ากวางนั้นได้หายไป ก็หาวขึ้นมาอีกครั้งพร้อมๆ บิดขี้เกียจ ก่อนที่จะหันไปมองต้นไม้ใหญ่ที่ผมได้ใช้มันเป็นที่พักพิงเมื่อคืนนี้
อืม เมื่อคืนนี้ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ได้ต้นไม้ต้นนี้ช่วยเอาไว้ คงได้หนาวตายแน่ๆ
หลังจากนั้นผมหันเดินไปต่อแล้วคิดไปว่า จะไปทางไหนดีนะ ซึ่งผมเองก็ลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะเดินไปในทางขึ้นเขาเพื่อไปอยู่ในพื้นที่ที่สูงที่สุด เพื่อจะได้ดูลาดเลาว่าที่นี้นั้น ทางออกมันอยู่ที่ไหน เพราะจะได้ออกไปเสียที แถมในนี้มันน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูกเสียด้วย
จนผมที่กลัวที่จะเจออะไรแปลกๆ หรือ กลัวความมืด กลัวว่าจะหิวตาย กลัวต่างๆ นาๆ รู้สึกเป็นกังวลมาก ที่ได้มาอยู่ภายในป่าแบบนี้ อนึ่ง เพราะผมไม่มีความรู้ที่จะเอาตัวรอดภายในป่าแบบนี้เลย
ผมเดินขึ้นเขาไปอยู่สักพักใหญ่ๆ ก่อนที่จะต้องมานั่งพักใต้ต้นไม้ใหญ่ด้วยอาการเหนื่อยหอบ แล้วก็หิวน้ำด้วย
อู่วววว จะรอดไหมเนี่ย แค่นี้ก็แย่แล้ว รองเท้าก็ไม่มี เดินจนเจ็บเท้าไปหมดแล้วด้วย อยากกลับบ้าน.....
แล้วผมก็นั่งหงอยไปสักพักใหญ่ๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินต่อด้วยความหิวน้ำและหมดหวัง
“หิวหนามมม”
เฮ้ออออ ถึงจะพูดออกไปแบบนั้น ก็ใช่ว่าจะหาแหล่งน้ำเจอเสียหน่อย
จริงสิ ถ้าติดป่าควรจะทำยังไงดีละ หาน้ำก่อนหรอ? แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้วละ เพราะขึ้นที่สูงมาแล้ว จะไปหาที่ไหนได้อีกละ
เปาะแปะๆ เปะแปะๆ
ผมที่กำลังบ่นกับตัวเองภายในใจก็ต้องแหงนมองท้องฟ้าด้วยความสิ้นหวังกับตัวเอง
“เอ๋.... ทำไมมันซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้เนี่ย ถ้าขืนตากฝนอาจจะไม่สบายได้อีก แล้วยิ่งถ้าเป็นไข้ขึ้นมานี่ยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ ถึงจะหมดห่วงเรื่องน้ำก็เถอะ.....”
หาต้นไม้หลบก่อนดีกว่า
ผมเดินไปเห็นใบไม้ใบใหญ่ๆ ผมก็เด็ดติดมือมาด้วย เพราะคิดว่ามันคงจะช่วยผมได้ไม่มากก็น้อย แล้วพอเจอใบใหญ่ๆ หน่อยก็ใช้รองน้ำกิน พอเดินไปก็เจอใบใหญ่ที่ใหญ่พอที่จะใช้ทำเป็นร่มได้ด้วย เลยสามารถที่จะเดินขึ้นเขาต่อไปได้โดยไม่ต้องหาที่หลบฝน แต่มันก็ค่อนข้างที่จะอันตราย เพราะพื้นนั้นแฉะและเละไปหมดแล้ว
เลยต้องค่อยๆ เดินถึงแม้จะเจ็บเท้าก็เถอะ
ท่องไว้ๆ ขาลงเราก็จะสบายแล้ว อดทนไว้.....
“กี้ๆ กี้ๆ”
เอ๋? เสียงอะไรกันน่ะ
“กี้ๆ กี้กี้ กี้ กี้ๆๆ”
ผมเข้าไปหลบที่พุ่มต้นไม้แถวๆ นั้น ก่อนที่จะมองไปด้านหน้าที่เห็นตัวอะไรแปลกๆ ที่ผมคิดว่ามันไม่เหมือนทั้งคน แล้วก็สัตว์ป่า
มนุษย์ต่างดาวเหรอ? ไม่ใช่สิ มันเหมือนมากเลย เราก็เป็นคนหนึ่งนะที่เล่นเกมส์อ่านนิยาย จนถึงขนาดว่า พอรู้เรื่องพวกนี้แบบคร่าวๆ แต่ก็ไม่เจาะลึกถึงขนดนั้น พวกมันคล้ายกับก๊อบลินมาก
ผมที่เข้ามาหลบอยู่ในนี้นั้นก็เปียกไปด้วยน้ำที่ค้างพุ่มไม้นี้อยู่ ถึงจะมีใบไม้ที่นำเอามาเป็นร่มกันฝนแล้วก็เถอะ ก็ไม่อาจที่จะกั้นได้หมด เพราะหลบอยู่ในพุ่มไม้เวลาฝมตกลงมา มันก็จะไปโดนใบเล็กใบน้อย จนมันกระเด็นมาโดนตัวผมเหมือนเดิม เลยต้องทนเปียกอย่างช่วยไม่ได้
ผมมองก๊อบลินเป็นฝูงที่กำลังดมฟุดฟิดๆ เหมือนกับว่ากำลังได้กลินอะไรอยู่นั้น
หรือว่ามันกำลังจะหาเราอยู่ เพราะฝนตกกลิ่นของเราก็เลยหายไป อย่างนี้ก็ถือว่าโชคดีที่ฝนตกลงมางั้นสินะ จะทำยังไงดีละ ถ้าถอยหลังกลับไปก็พอได้อยู่ แต่เราอยู่ที่ต่ำ อาจจะหนีไม่พ้น เพราะอยู่ข้างบนย่อมได้เปรียบกว่าในด้านการมองเห็นอยู่แล้ว
ผมลังเลอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจหนี เพราะถ้าอยู่อย่างนี้ต่อไป คงถูกเจอตัวแน่ ส่วนพวกมันก็เหมือนกับกำลังคุยกัน กี้ๆ อะไรก็ไม่รู้
ผมค่อยๆ ถอยอย่างช้าๆ ช้าๆ ....
“กี้!!!!!!! ”
“ไม่มีทะ.....อัค!!! ”
ผมที่หันกลับไปหลังจากที่ได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง ก็ถูกจับลำคอผลักติดต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ พุ่มไม้ของผมอย่างง่ายดาย
ทำไมแรงมันเยอะจัง สามารถดันผมให้กระเด็นติดต้นไม้ได้เลย
ผมพยายามดิ้นสู้แรงเจ้าก๊อบลินที่มันลอบเข้ามาด้านหลังของผม จนหลุดออกมาได้ด้วยการถีบไปที่ลำตัวของมัน ซึ่งหลังจากนั้น ผมก็พยายามตะกุยพื้นเพื่อให้ตัวเองยืนขึ้นมาให้เร็วที่สุด
เจอก๊อบลินอยู่ตรงหน้าสองตัว ผมก็วิ่งผ่านมันไปอย่างไม่คิดชีวิต
“ชั้นไม่ยอมมาตายในที่แบบนี้หรอกนะ.........!!!!! .....อุค!!!! ”
ตัวสุดท้ายที่ผมวิ่งชนมันไปเพื่อให้มันหลีกทาง ถึงมันจะล้มลง แต่มือของมันดันมาคว้าขาของผมเอาไว้ได้ แล้วบวกกับที่มันเป็นช่วงขาลงเขา ผมเลยเสียหลักอย่างง่ายดาย และล้มลงตัวกระแทกพื้นดินที่กำลังเปียกชุ่มอย่างจัง ยิ่งเป็นช่วงลงเขากับวิ่งลงมาแล้วด้วยนั้น แรงกระแทกที่เกิดก็เลยรุนแรงมากกว่าปรกติหลายเท่าตัว
“อึคคค! ”
ผมที่ทั้งจุกทั้งเจ็บได้แต่นอนกอดร่างตัวเอง อย่างทรมาน
อา..... ตายแน่ อย่างงี้.... แม้แต่จะขยับตัวก็ยังทำไม่ได้เลย นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย ทำไมมันถึงมาเกิดกับผมได้กันนะ......
“กี้ๆ!!! ”
พวกก๊อบลินที่วิ่งตามมาก็เข้ามากระโดดค่อมหลังของผมเอาไว้ พวกมันจับแขนขาที่ไร้เรี่ยวแรงของผมล็อกจนไม่สามารถขยับหรือดิ้นไปไหนได้ จนทำให้ผมจมลงไปสู่ห้วงภวังค์สิ้นหวังแห่งความสิ้นหวัง อย่างไม่อาจปฏิเสธได้
“ฮึก........ ฮึค........”
