Masochism.4 ขย้ำ1์NC+
“ตฤณ ทำไมไม่กลับมานอนบ้านล่ะลูก” ผมโยนก้นบุหรี่ในมือทิ้งแล้วพ่นควันล็อตสุดท้ายออกจากปาก
“อยู่คอนโดสบายใจกว่า วันจันทร์เจอกันที่บริษัทนะครับ”
“ตฤณ เดี๋ยวสิ” ผมกดวางแล้วโยนโทรศัพท์ไว้ข้างตัว พอเครื่องลงขึ้นรถเสร็จผมก็สั่งให้คนขับแวะส่งคอนโด แม้จะรู้ว่าที่บ้านเตรียมการต้อนรับไว้ก็ตาม
ผมทั้งเบื่อแล้วก็เซ็งกับเรื่องคลุมถุงชนที่ยังไม่หมดไปจากโลก ผมโตแล้วไม่ใช่เด็กเรื่องแต่งงานคู่ชีวิตถ้าอยากมีเดี๋ยวผมมีเอง ผมเพิ่งเรียนจบแล้วเริ่มทำงาน ยังใช้ชีวิตไม่สุดเลยด้วยซ้ำ ไม่เข้าใจความคิดแม่เลยจริงๆ
การไม่กลับบ้านคือสิ่งที่ผมต้องการสื่อว่าไม่พอใจ
‘ศึกษาดูใจกันก่อนก็ได้ลูก งานที่บริษัทก็มีให้ทำ ไม่เห็นต้องบินไปไกลถึงเมืองนอกเลย’
นั่นคือประโยคที่แม่พูดหลังจากที่ผมบินมาถึงแล้วไม่ยอมกลับบ้าน
คืนแรกที่มาถึง ผมก็นัดเพื่อนมานั่งดื่ม แต่วันนี้ไม่มีใครว่างสักคนก็เลยต้องออกมาคนเดียว ร้านเดิมเมื่อวานแต่วันนี้คนเยอะเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเงินเดือนออกหรือว่าถูกหวยกัน ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาพอมองออก เมื่อก่อนหลังสอบเสร็จผมกับเพื่อนก็นัดกันมาฉลองแบบนี้
“Blue Margarita 1 ค่ะ” ผมเดินขึ้นมาโซนด้านบนก็พลันได้ยินเสียงเล็กๆ ที่แสนคุ้นหูดังมาทางเคาน์เตอร์ ผมหยุดแล้วพยายามหรี่ตามองร่างเล็กที่นั่งลอยหน้าอยู่ตรงนั้น
“เด็กแสบนี่เอง”
ผมกระตุกยิ้มแล้วเลี่ยงหลบไปหามุมสงบนั่ง ไม่นึกเลยว่าจะได้เจอเธออีกครั้ง
เหตุการณ์วันนั้นหวนกลับเข้ามาในหัวของผมอีกรอบ
“ไม่มีการผูกมัด ห้ามติดต่อ ห้ามให้ทุกคนรู้ว่าเราแอบกินกัน โดยเฉพาะไอ้ไผ่”
ผักบุ้งคือน้องสาวของเพื่อนสนิทผม สิ่งที่เธอต้องการคืออยากให้ผมสนใจและเรียกชื่อเธอเท่านั้น
เราสองคนมีเซ็กส์กัน เป็นเซ็กส์ที่ยินยอมพร้อมใจไม่ใช่การบังคับ
“อีกแก้วค่ะ” ผมนั่งดื่มตรงมุมที่เธอมองไม่เห็น หึ อยู่แค่ปีหนึ่งหัดดื่มหนักตั้งแต่เมื่อไหร่ ถ้าเป็นน้องสาวผมคงโดนลากกลับบ้านไปแล้ว
ผมนั่งมองเธอห่างๆ อยู่พักใหญ่ ดื่มหนักก็ต้องมีจุดจบแต่ยังไม่หยุดแค่นั้น เธอลุกเดินแล้วไปหามุมสงบนั่งคนเดียว สักพักก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาใครบางคน
ทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาผม
“ตฤณคะ ลงไปสนุกข้างล่างกันไหม” ผมต้องละสายตาแล้วหันกลับมาตอบคำถามด้วยการส่ายหน้า
“ทำไมล่ะคะ บนนี้ไม่เห็นมีอะไรดีเลย เงียบก็เงียบ” นั่นแหละของชอบ ผมเบื่อผู้คนและพื้นที่แออัดเป็นบ้า
“นั่นแหละของดี” พอได้ยินคำตอบแองจี้ก็ทำหน้าเซ็งแล้วทิ้งตัวนั่งข้างๆ ผมทันที
“แองจี้นึกว่าตฤณอยากสนุกด้วยกันซะอีก มีปัญหาทีไรนึกถึงแองจี้ตลอดเลยนะคะ” เธอตัดพ้อแล้วยกแก้วเหล้าในมือกระดกรวดเดียวจนหมด
“จะบ่นทำไม”
“เคยมองแองจี้เป็นมากกว่าอย่างอื่นนอกจากที่ปรึกษาบ้างรึเปล่า”
“หึ ถ้าไม่พอใจก็กลับไป หยุดประชดสักที” ผมส่ายหน้าแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ พยายามห่างแต่ก็ต้องกลับมาพึ่งมันอีกครั้ง
“ขอบ้างสิ” เธอยื่นมือมาขอบุหรี่ที่มือผมหน้าตาเฉย
“ของฉัน อยากสูบก็จุดใหม่” ระหว่างทะเลาะกับแองจี้สายตาผมก็ไม่คลาดไปจากสาวน้อยขี้เมาที่กำลังกดโทรศัพท์โทรหาใครบางคนอีกครั้ง
“งกไปได้” แองจี้บ่นอุบ ผมไม่ได้ใส่ใจ สิ่งเดียวที่ผมให้ความสนใจในคืนนี้คือผักบุ้ง เมาจนผมกลัวว่าเธอจะพลัดตกตึก น่าตีฉิบหาย! ต้องทำอะไรสักอย่างปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่
“แองจี้”
“อะไรอีกล่ะ” พอแองจี้หันมาผมก็พยักหน้าไปทางแม่สาวขี้เมาที่กำลังพยายามเดินให้ตรงไปทางห้องน้ำ
“ชอบแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จืดชืดชะมัด” หึ ใครบอกว่าผักบุ้งจืดชืด รสชาติความหอมหวานและเซ็กส์วันนั้นยังติดตราตรึงใจผมไม่หาย
“เร็ว”
LIINE!
PAI: มึงได้ไปร้านเดิมรึเปล่า?
ไอ้ไผ่ทักมาแบบนี้จะตามมาหรือไง? ก็ดีจะได้มาเห็นสภาพน้องตัวเองว่าเละแค่ไหน
ME:อือ
PAI:ดูผักบุ้งให้กูหน่อย มึงจำน้องกูได้ใช่ไหม?
หึ ฝากฝังน้องสาวนี่เอง
ME:อือ
PAI:อือของมึงคือฝากได้ใช่ไหม
ME:อือ อยู่ตรงไหน เมา?
PAI:อาการหนัก
ดื่มหนักขนาดนั้นไม่เมาได้ยังไง ไอ้ไผ่คงติดงานจริงๆ น้องสาวเมาขนาดนี้ยังปลีกตัวออกมาไม่ได้ มึงฝากถูกคนแล้วแหละ กูจะดูแลผักบุ้งอย่างดีและทำหน้าที่ไปส่งเธอให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัย
ME:อือ
PAI:นอกจากอือมึงพิมพ์อย่างอื่นเป็นมั้ย? โทรศัพท์ยี่ห้ออะไรวะ ไม่มีตัวช่วยสะกดรึไง!!
เกลียดการพิมพ์ยาวแล้วก็ขี้เกียจอ่าน
ME:เรื่องของกู
PAI:ดูแลน้องกูด้วย คิดซะว่าเป็นคำขอร้อง
ME:อือ
PAI:ollo
เสียเวลาฉิบหาย! ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋าแล้วรีบเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อรอใครบางคน
โซนด้านบนเป็นโซนเปิดใหม่แขกบางคนยังไม่รู้ ทำให้เหมาะแก่การเล่นสนุก
เสียงเพลงเบาๆ เข้ากับบรรยากาศเคล้ากลิ่นแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปทำให้เลือดในกายสูบฉีดจนต้องหาบางอย่างเข้ามาดับความร้อนรุ่ม สำหรับผมต้องเป็นเธอเท่านั้น
“ร้ายไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“หึ “แองจี้เดินสวนออกไป ส่วนผมก็รีบดันประตูห้องว่างเข้าไปรอใครบางคนในนั้น
“เข้าได้ทั้งสองฝั่งเลยค่ะ”
“อ๊ะ” ผมฉุดน้องสาวเพื่อนเข้ามาแล้วรีบปิดประตูดันร่างของเธอติดผนังแล้วจู่โจมด้วยจูบที่แสนเร่าร้อนแฝงไปด้วยความต้องการให้เธอทันที กลีบปากนุ่มปลุกอารมณ์ให้ผมดีเป็นบ้า
อาการเมาส่งผลให้ประสาทสัมผัสการรับรู้ตอบสนองช้า ผักบุ้งตอบรับรสจูบจนผมอยากอัดความเป็นชายที่ขยายอยู่ใต้ร่มผ้าสั่งสอนเธอ
“ปล่อยนะ! “คนเมาใช้แรงทั้งหมดที่ยังเหลือผลักผมออก ผมกระตุกยิ้มแล้วมองหน้าเธออย่างนึกเสียดาย แล้วยกปลายนิ้วขึ้นมาปาดรอยลิปที่ริมฝีปากออกมามอง
“ทำเป็นไม่เคยไปได้”
“พี่ตฤณ”
“ไม่เจอกันนาน สวยขึ้นเยอะ” สายตาที่มองมาผมไม่อาจคาดเดาได้ รู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ผมอยากได้เธอ อยากได้ยินเสียง อยากเข้าไปข้างใน อยากรู้ว่าเธอยังเป็นของผมคนเดียวอยู่หรือเปล่า
“ถอยค่ะ”
“ไหว?”
“เฮียกำลังมา” เธอตอบห้วนๆ จนผมส่ายหน้าแล้วขยับเข้าไปใกล้วางมือเอาไว้ที่ผนังแล้วจ้องตาเธอ
“ไม่มีใครมาทั้งนั้น”
“หมายความว่าไงคะ” ผมล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาแล้วเปิดข้อความบางส่วนให้เธอดู
“ถ้าอย่างนั้น บุ้งจะกลับเอง”
“อ๊ะๆ อย่าดื้อสิ ไอ้ไผ่อุตส่าห์ฝากให้พี่เป็นคนดูแล อยู่เฉยๆ ดีกว่า” ผมพูดพลางหย่อนโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงอย่างใจเย็น
“พี่ตฤณ ถอยค่ะ บุ้งปวดหัวอยากนอน”
“ให้พี่ช่วยสิ คิดถึงพี่บ้างหรือเปล่า” ผมเบียดกายเข้าไปใกล้มากกว่าเดิม มืออีกข้างวางลงบนสะโพกมนกลมกลึงลูบไล้อย่างโหยหาและต้องการ
“มะ ไม่ค่ะ”
“ปากแข็งจัง”
“อย่าทำแบบนี้ค่ะ”
แก๊ก!
“แย่จัง โดนขังอยู่ด้วยกันเหรอเนี่ย”
“เรื่องของเรามันจบไปแล้ว” เด็กน้อยในวันนั้นหายไปไหนเนี่ย โตแล้วสวยแต่นิสัยไม่น่ารักเอาซะเลย
“จบยังไง? หนีพี่ออกมาแบบนั้นไม่บอกไม่กล่าวสักคำ ใจร้ายมากเลยรู้ไหม” ปลายจมูกของผมก้มซุกไซร้ซอกคอหอมแล้วส่งปลายลิ้นเย้าหยอกใบหูเล็กน่ารักเบาๆ
“บุ้งไม่ต้องการ อ๊ะ” ปฏิเสธผมไม่ได้หรอก ผู้หญิงเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เมื่อมีแอลกอฮอล์อยู่ไหลเวียนในร่างกายโหยหาเซ็กส์และจุดติดง่ายทั้งนั้น
“อย่าปิดกั้นสิ ห้องน้ำนี้เป็นของเรา”
“ยะ อย่า” สองมือเล็กกำเสื้อผมแน่น เมื่อผมเริ่มจูบอีกครั้ง
“เป็นของพี่ เรียกชื่อพี่”
“อ๊ะ พี่ตฤณ” แพนตี้ตัวจิ๋วหลุดลงไปกองอยู่ด้านล่าง เสียงเรียกของเธอแม่งโคตรได้ใจผม ผมจับขาเรียวแยกออกแล้วยกขึ้น รอยแยกที่สมบูรณ์อมชมพูนั่นทำให้ผมใจสั่นไปหมด
---------------
