เก็บแรงไว้ครางชื่อฉัน
เสียงปืนยังคงก้องในหูหลอกหลอนเธอ ภาพเหตุการณ์โหดร้ายสร้างความหวาดกลัวจนวันสุขเก็บไปฝัน เม็ดเหงื่อท่วมใบหน้า เธอส่ายหัวไปมา จนคนที่นอนข้าง ๆ รู้สึกตัวตื่นกลางดึก
“ไม่นะ ไม่” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยทั้งที่ไม่ได้ลืมตา
กวินเอื้อมมือเปิดสวิตช์ไฟดวงเล็กบนหัวเตียง เขาใช้หลังมือสัมผัสลงหน้าผากของวันสุข เธอตัวร้อนอย่างกับไฟ ทำให้เขาตกใจ รีบเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้เธอ ทุกขั้นตอนเขาดูแลวันสุขด้วยตัวเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร
“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็หาย”
ภายนอกดูโหดเหี้ยมและใจร้าย แต่ลึกภายใต้จิตสำนึกกลับแอบซ่อนความอ่อนโยนและอบอุ่นเอาไว้ พิษไข้ของวันสุขทำให้กวินยังคงคอยเช็ดตัวให้เธอจนความร้อนเริ่มลดลง เขาพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จัดการสวมเสื้อผ้าให้เธอ แล้วทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ หญิงสาวจนถึงเช้า
การสัมผัสของใครบางคนทำให้วันสุขรู้สึกได้ เธอค่อย ๆ ปรือตาอย่างเชื่องช้า มองเห็นใบหน้าคมสันของกวินที่นั่งอยู่ข้างเตียง เธอเห็นเขารีบดึงมือกลับ แล้วลุกพรวดจากเก้าอี้
“ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่ได้” เธอถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
เขาไม่ได้ให้คำตอบในสิ่งที่เธอถาม แต่กลับยื่นแก้วน้ำไปตรงหน้าเธอแทน วันสุขงุนงงกับการกระทำของเขาในตอนนี้ เธอจ้องมองแก้วน้ำนั้นอย่างไม่วางใจ กลัวว่าจะมีอะไรที่ทำให้เธอเกิดอันตราย
“ไม่ตายหรอก...ดื่มซะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง
“ใครจะไปเชื่อ”
วันสุขเบือนหน้าหนี คำพูดของเธอทำให้กวินต้องแสดงความชัดเจน เขาดื่มน้ำในแก้วนั้นเพื่อแสดงให้เธอเห็น
“พอใจยัง?”
นั่นจึงทำให้วันสุขยอมรับแก้วน้ำจากเขา แล้วจัดการดื่มมันลงท้องจนหมด เขารับแก้วเปล่าแล้ววางไว้บนโต๊ะโดยที่เธอไม่ได้ไหว้วาน ทำให้เธอตะลึงชั่วขณะ ไม่คิดว่าคนร้ายกาจอย่างเขาที่เธอแทบไม่เห็นความดี จะปฏิบัติแบบนี้
“คนที่มือเปื้อนเลือด ต่อให้ทำดีแค่ไหนฉันก็ไม่ยกย่องหรอก” เธอพูดแขวะแล้วเบือนหน้าหนี
“หุบปากแล้วพักผ่อนซะ และอย่าคิดหนี ต่อให้เธอรู้จักที่นี่ดีก็หนีไม่พ้นหรอก”
“อย่ามาสั่งฉัน” เธอต่อต้าน
“เก็บแรงไว้ครางบนเตียงคืนนี้เถอะ”
“ไอ้คนลามก!”
”อ้อ เมื่อคืนเธอไข้ขึ้นฉันเลยเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้” เขาพูดทิ้งท้ายหวังกลั่นแกล้งก่อนจะเดินออกมาจากห้อง
“อะ ไอ้ชั่ว กรี๊ด” วันสุขเกรี้ยวกราด โยนหมอนใส่กวินแต่เขาดันหลบได้ทัน ท่าทางหัวเสียของเธอทำให้เขาอยากจะหัวเราะออกมา ทว่าต้องเก็บกลั้นเอาไว้
“ฉันชั่วจริง ๆ นั่นและ แต่ทุกอย่างก็มีเหตุผลที่ทำลงไป”
“จะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ สุดท้ายนายมันก็เป็นคนเลวระยำ ฆ่าคนแก่บริสุทธิ์”
“คนแก่บริสุทธิ์อย่างนั้นเหรอ...หึ”
“ไอ้ชั่ว ไอ้ฆาตกร”
“คำก็ฆาตกรสองคำก็ฆาตกร...ไม่มีคำจะด่าแล้วหรือไง”
“คำนี้มันเหมาะสมกับนายที่สุดแล้ว”
“ด่ากราดขนาดนี้ แสดงว่าหายไข้แล้ว...คืนนี้ก็เสียงแจ๋วให้ได้แบบนี้แล้วกัน”
“ไอ้คนเลว! ไอ้แบคทีเรียไม่มีสมอง!...สักวันฉันต้องหนีไปจากแกให้ได้”
“ต่อให้เธอหนีฉันไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว ฉันก็ตามหาเธอพบอยู่ดี ฉะนั้นอย่าคิดหนี อยู่เป็นภรรยาของฉันดี ๆ ซะเถอะ”
“ฉันไม่เป็น”
“สถานะนี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่าเธอ...ตอนนี้เธอเกลียดฉัน แต่เชื่อเถอะว่าสักวันเธอจะรักฉันเอง”
“ฉันไม่มีวันรักคนอย่างนาย คนที่ฆ่าพ่อของฉัน”
“ความรักจะเอาชนะความเกลียดชัง สักวันเธอจะรักฉันโดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้ อย่าเพิ่งมั่นใจนักเลย” พูดจบก็เดินออกไปทันที
เธอไม่รู้จะสรรหาคำด่าไหนได้ทัน อัดอั้นจนต้องปล่อยเสียงร้องแสนแสบแก้วหูออกมา กวินที่เดินออกไปก่อนหน้าได้ยินเสียงของเธอดังตามหลัง ทำให้เขายกยิ้มพอใจ ที่ปั่นให้เธอหัวร้อนได้ ท่าทีของวันสุขยามโมโหมันตลกขบขันสำหรับเขา
“มาทำเป็นพูดดี...ไอ้ประสาท”
วันสุขได้แต่กัดฟันอย่างอดทน เธอจะกล้ำกลืนอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหน คนอย่างเธอชอบอิสระ การถูกขังเหมือนสัตว์เลี้ยงมีหรือที่เธอจะยอมได้นาน และการที่เธอต้องหายใจอยู่ในบ้านหลังเดียวกับคนที่เธอตราหน้าเป็นฆาตกรฆ่าพ่อ ทำให้เธอรู้สึกสะอิดสะเอียน เขาเหมือนเชื้อโรคที่เธอไม่อยากเข้าใกล้
หลายวันมานี้วันสุขอยู่แต่ห้องสีเหลี่ยมเดิม ๆ บรรยากาศอุดอู้ทำให้เธอเบื่อหน่าย อยากออกไปสูดอากาศข้างนอก แต่ก็ไม่สามารถไปได้ ตอนนี้เธอเหมือนกับสัตว์เลี้ยงที่ถูกขังในกรงเพื่อรอฟังคำสั่ง เธอกิน นั่ง นอน วนเวียนอยู่แบบนั้นจนตะวันตกดินวันแล้ววันเล่า เคยอ้อนวอนป้านางให้ปล่อยเธอออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
“น่าเบื่อชะมัด...มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวฉันกันแน่” วันสุขนอนมองเพดาน เธอพร่ำถามตัวเอง สภาพการณ์ที่ย่ำแย่แบบนี้ บางความรู้สึกวันสุขก็แทบไม่อยากจะเทียบว่าเป็นนกน้อยในกรงทอง มันเหมือนกับทาสหรือนางบำเรอเสียมากกว่า
