เก็บแรงไว้ครางชื่อฉัน 2
หลายวันนับตั้งแต่วันที่วันสุขไม่สบาย เธอก็ยังไม่ได้เห็นหน้าของกวินอีกเลยจวบจนตอนนี้
“ไอ้บ้านั่นหายไปไหน?” เธอนอนบ่นพึมพำ
“ทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น...คิดถึงฉันอยู่หรือไง” เสียงที่คุ้นเคยทำให้วันสุขดีดตัวลุกนั่ง มองไปยังเจ้าของเสียงด้วยสีหน้านิ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี
“ฉันเกลียดขี้หน้านาย แล้วนี่เข้ามาทำไม?”
“ลืมหน้าที่ตัวเองแล้วหรือไง”
“ออกไปเลยนะ...ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย”
“ฉันมาทำหน้าที่สามี เธอจะไล่แบบนี้ได้ยังไง”
“ไอ้ลามก”
“วันนี้ฉันเหนื่อย อย่าเสียงดังนักเลย”
พูดจบเขาก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงข้างเธอ จนวันสุขดีดตัวออกห่างแทบไม่ทัน เหมือนทุกอย่างที่เป็นกวินในตอนนี้แตกต่างออกไปจากเริ่มแรกที่เธอเห็น เธอแทบไม่อยากจะเชื่อว่าคือคนเดียวกัน กับคนที่โหดร้ายเอาเธอเป็นเป้าแม่นปืน
“นายลุกออกไปเลยนะ!”
“ซื๊ด” วันสุขใช้เท้าถีบจนกวินตกเตียง จนเขาส่งเสียงครางต่ำเพราะเจ็บปวด
“สมน้ำหน้า” เธอเย้ยหยันและหัวเราะชอบใจ
กวินไม่ได้ตอบโต้อะไร เขาหยัดตัวลุกยืน มือกุมช่วงเอวแล้วเดินไปนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะกระจก น้ำสีแดงซึมทะลุเสื้อเชิ้ตสีขาว สีที่แตกต่างชัดเจนทำให้วันสุขตกใจ รีบลงจากเตียงแล้วเดินไปดูใกล้ ๆ
“นายเป็นอะไร ทำไมเลือดออกแบบนี้ล่ะ” เธอถามแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบ
กวินเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลอย่างทุลักทุเล เขาไม่ต่อว่าด่าทอคนที่ทำให้เขาเจ็บซ้ำ เพราะไม่มีแรงมากพอจะต่อกลอนกับหญิงสาว
“ฉันขอดูแผลหน่อย”
“ไม่ต้องยุ่งน่า” เขาปัดมือเธอออก
“นายอย่าดื้อได้ไหม...เลือดออกขนาดนี้ ฉันว่าให้คนพานายไปโรงพยาบาลเถอะ” วันสุขไม่รามือ เธอพยายามดูแผลของเขาจนได้
“ไม่ไป”
บาดแผลที่เห็น เลือดที่ไหลออกมา ทำให้วันสุขไม่สบายใจ เธอไม่อยากเห็นใครต้องมาตายต่อหน้า
“เลือดออกขนาดนี้โดนอะไรมากันแน่”
“โดนยิง”
คำตอบของเขาทำให้มือที่กำลังง่วนกับการทำแผลของวันสุขชะงัก เธอเงยมองหน้าเขาชั่วครู่ แล้วจัดการทำแผลของเขาต่อ เธอไม่สงสัยแม้แต่น้อยกับการที่เขาได้รับบาดเจ็บครั้งนี้ เพราะคนอย่างเขาน่าจะมีศัตรูรายล้อม หนึ่งในนั้นก่อนหน้าก็คงเป็นพ่อของเธอ ที่ถูกเขากำจัดไปแล้ว
ระหว่างที่วันสุขทำแผล เขามองเธออย่างจดจ้อง ความคิดหลากหลาย ความรู้สึกว้าวุ่นสับสนปนเปไปหมด ความในใจบางอย่างที่ยากจะเอ่ยปาก ลำดับไม่ถูกเลยว่าจะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ยังไง
“วันสุข” เขาเรียกชื่อเสียงอ่อน
“หื้ม?” เธอครางเสียงต่ำตอบโต้ โดยที่มือก็ยังสารวนจัดการบาดแผล
“ถ้าผมบอกว่า...” ความในใจที่อยากเอ่ย แต่พอมองหน้าเธอแล้วปากหนักขึ้นมาทันที เหมือนถูกปิดด้วยเทปกาวจนขยับปากพูดไม่ได้
“ว่าอะไร?”
“ผม...” เขาอ้ำอึ้ง
“ประสาทหรือไง เป็นอะไรของนาย บทจะพูดดีก็ดีใจหาย บทจะร้ายก็ร้ายจนฉันตั้งรับแทบไม่ไหว ไบโพล่ากินหัวนายหรือไง จะพูดอะไรก็พูดมา” ทีท่าของเขาทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด
“ถ้าบอกว่าผมไม่ใช่คนที่ฆ่าพ่อของคุณ คุณจะเชื่อไหม?”
“ไม่เชื่อ!”
“ผมดูเป็นคนโหดร้ายไม่น่าเชื่อขนาดนั้นเลยหรือไง”
“ก็ใช่น่ะสิ ไม่ใช่แค่โหดร้ายแต่นายมันโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์มนาเลยต่างหากล่ะ”
คำพูดของวันสุขมันจี้ใจจนเขาไม่กล้าถามความเห็นของเธอต่อ ในเมื่อเธอปักใจเชื่อแบบนั้น ยากแล้วที่จะเปลี่ยนความคิดของเธอที่มีต่อเขา ซึ่งเขาเข้าใจดีวันแรกที่พบหน้ากัน กวินก็ไม่ได้ทำดีกับเธอ นอกจากทำร้ายเธอทั้งร่างกายและจิตใจ ที่ทำแบบนั้นล้วนมีเหตุผลให้เขาต้องกระทำ
“เสร็จแล้ว ปวดแผลหรือเปล่า” วันสุขออกปากถาม ใจลึกเกลียดเขาจนแทบไม่อยากมองหน้า แต่ด้วยความจิตใจดีทำให้เธอต้องฝืนช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บ
“อืม ปวดนิดหน่อย”
“ที่นี่ไม่รู้มียาแก้ปวดหรือเปล่า นายออกไปหากินเองแล้วกัน”
“มันมีอยู่ในตู้ตรงนั้น” เขาชี้นิ้วบอกเธอ
“บอกไว้ก่อนนะ ฉันยังเกลียดนายเหมือนเดิม แต่ที่ฉันทำแผลให้ก็เพราะฉันไม่ได้เป็นคนใจร้ายแบบนาย” พูดกระแนะกระแหนแล้วเดินไปหยิบยา
“รู้”
“รีบกินแล้วก็รีบไปนอนซะ”
วันสุขยื่นยาแก้ปวด พร้อมแก้วน้ำเปล่า เขารับแล้วจัดการกินมันลงท้อง จากนั้นจึงเอนตัวนอนบนเตียง
“เดี๋ยว เดี๋ยว...ลุกขึ้นมาเลยนะ!” วันสุขดึงหมอนที่เขากำลังจะหนุนออกด้วยความเกรี้ยวกราด
“อะไรอีกล่ะ”
“กลับไปนอนห้องนายเส่”
“อย่ายุ่ง นอนไหนก็เรื่องของผม” พูดพร้อมกับแย่งหมอนคืน ทิ้งตัวลงนอนแล้วหลับตา
“แหวะ! ผม แสลงหูชะมัด” คำพูดโอนอ่อนทำให้วันสุขรู้สึกสะอิดสะเอียน
“พอพูดดีด้วยก็เรื่องเยอะ”
“ฉันไม่ชิน มันดูไม่ปกติ”
“หุบปากน่ารำคาญ วันนี้เหนื่อยจริง ๆ ไม่อยากทะเลาะด้วย” กวินรีบตัดบทพูดทั้งที่ยังนอนหลับตา วันนี้ของเขาไม่พร้อมที่จะปะทะหรือต่อฝีปากกับเธอ
วันสุขคว่ำปากใส่คนที่นอนหลับบนเตียง ในเมื่อไล่ยังไงเขาก็ไม่ไป เธอเลยต้องจำใจอยู่ห้องเดียวกัน เธอนั่งลงข้างเตียง มองคนที่นอนนิ่งอย่างพินิจ เขาในตอนนี้เหมือนคนทั่วไป ดูไม่มีพิษภัยอะไร แต่ทำไมถึงใจร้ายได้ขนาดนั้น
“ดูหล่อเหมือนกันนะ” เธอพูดตามสิ่งที่คิด “บ้าน่า มาชมคนที่ฆ่าพ่อตัวเองได้ยังไงยัยวันสุข” สลัดหัวตั้งสติ ต่อว่าตัวเองที่พลั้งเผลอลืมตัว
“ใคร ๆ ก็พูดแบบนั้น”
“!!”
เสียงคนนอนบนเตียงดังแทรก ทำให้วันสุขตกใจและรู้สึกเสียหน้า เธอคิดว่าเขาหลับสนิทไปแล้วเสียอีก รีบวิ่งเข้าห้องน้ำด้วยความเร็ว
“ไอ้บ้า! นึกว่าหลับแล้วซะอีก...หัดระวังปากบ้างนะยัยวันสุข” ยกมือเกาหัวจนฟูฟ่อง ชี้หน้าด่าตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ในห้องน้ำ
เธอจัดการทำธุระส่วนตัวจนแล้วเสร็จ ห้องสี่เหลี่ยมสุดแสนจะน่าเบื่อ วันสุขไม่รู้จะทำอะไรแก้เซ็ง หนังสือก็อ่านจนแทบหมดแล้ว กะจะออกไปเดินเล่นข้างนอก แต่ประตูที่ถูกทำขึ้นพิเศษเธอก็ไม่สามารถเปิดออกไปเองได้ จำต้องอยู่อย่างนั้นด้วยความเบื่อเซ็ง จนท้ายที่สุดเธอก็เผลอหลับบนเตียงเดียวกับเขา
การหลับใหลทำให้คนทั้งสองต่างนอนใกล้ชิดกันโดยไม่รู้ตัว วันสุขใช้แขนแกร่งของกวินหนุนแทนหมอน เธอนอนหลับสนิทภายใต้อ้อมแขนของเขา
กวินรู้สึกแขนชาและหนักอึ้งจนขยับไม่ได้ นั่นจึงทำให้เขารู้สึกตัวตื่นหลังจากที่หลับสนิทไปเกือบสามชั่วโมง ใบหน้าเนียนละเอียดชิดใกล้ ริมฝีปากกระจับได้รูปของเธอดูน่าหลงใหล ชวนให้เขาอดมองไม่ได้
“อื้อ” เสียงครวญดั่งรำคาญ เมื่อกวินปัดปอยผมที่ปิดหน้าของเธอออก พลิกตัวนอนหันหลังให้เขา
กวินค่อย ๆ ยกแขนอย่างเชื่องช้า เพราะกลัวว่าเธอจะรู้สึกตัวตื่น เหยียดแขนยืดเส้นยืดสายให้ผ่อนคลาย จากนั้นจึงนอนตะแคงมือค้ำหัวมองหญิงสาวที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องราว
“ต้องทำยังไงคุณถึงจะเลิกเกลียดผม” เขาถามถึงแม้ตอนนี้เธอคงจะไม่ได้ยิน
“ปล่อยฉันไปสิ” เสียงตอบรับทำให้กวินตกใจเล็กน้อย คิดว่าเธอหลับสนิทดี
“ไม่ได้!”
