EP 7 : ทวงสัญญา
“อยากให้ช่วยไหม”
“...”
“ว่าไง...อยากให้พี่ช่วยไหม”
“...”
“แยมโรล ตอบ”
“ช่วยคิดก่อนพูดหน่อย คนอย่างนาย...มีปัญญาช่วยฉันได้ด้วยเหรอ?” ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงดูถูก ตั้งใจดูถูกเลยล่ะ
“คนที่มีปัญญาช่วยได้มีแค่ไอ้เซตัสงั้นสิ?”
“อืม รวยขนาดนั้นต้องช่วยได้อยู่แล้ว หรือนายคิดว่าไม่จริง”
“ฮึ! โอเค” เขาแค่นเสียงออกมา มองฉันด้วยสายตาที่ฉันเกลียดแล้วปล่อยฉันทันที
“...” พอเขาปล่อยฉันเขาก็หันหลังกลับไปที่บาร์ ยกแก้วที่ยังมีเหล้าอยู่เต็มแก้วขึ้นมากระดกรวดเดียวหมดแก้วจากนั้นก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบในบ้านของตัวเองเหมือนไม่มีฉันยืนอยู่ในบ้านด้วยซ้ำ
-วันต่อมา-
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
...คุณพ่อ
“...”
ติ๊ด!
“ค่ะคุณพ่อ”
(นี่ลูกอยู่ไหน) ฉันไม่ได้กลับไปที่บ้านแต่คุณพ่อเพิ่งโทรหาฉันในวันที่สาม
“อยู่ที่นี่นั่นแหละ ผมไม่กวนคุณหรอก อยู่กับไอ้เต้าหู้ไป...มันคิดถึงแม่มัน”
“...”
“มันคงดีใจ ไม่มีใครไปให้มันอ้อนนานแล้ว”
“ไม่อยู่ อีกอย่างคุณพ่อฉันคงยอมให้ฉันมาอยู่บ้านลูกน้องของท่านทั้งที่บ้านฉันก็มีหรอกมั้ง ใช้สมองคิดบ้าง”
“พ่อคุณมีเวลาสนใจลูกสาวสุดที่รักด้วยเหรอ...ผมเพิ่งรู้นะครับคุณหนู”
มันก็จริงอย่างที่นายนั่นบอกทุกอย่างเลยเนอะ คุณพ่อไม่มีเวลาสนใจลูกสาวคนเดียวอย่างฉันหรอก
“หนูอยู่บ้านเพื่อนค่ะ พอดีมีโปรเจคสำ...”
(ปั้นชามันไปจากชีวิตเซตัสรึยัง)
“...” นี่ไม่คิดจะฟังก่อนเลยเหรอว่าทำไมลูกสาวถึงไม่อยู่บ้าน ฟังสักนิดสิคะคุณพ่อ ฟังหนูบ้างว่าตอนนี้หนูใช้ชีวิตยังไง...
(ว่าไงยัยแยมโรล ปั้นชาไปจากชีวิตเซตัสเรียบร้อยรึยัง)
“ยังเช้าอยู่เลยนะคะ ให้เวลาก่อนสิคะ”
(ให้เวลา? ให้เวลาบ้าบออะไรของแก! ฉันต้องการให้มันออกไปจากชีวิตเซตัสให้เร็วที่สุด! วันนี้ครบกำหนดที่มันตกลงแล้วจะเช้าแค่ไหนฉันก็ต้องได้คำตอบ!)
“คุณพ่อ~ อะไรทำให้คุณพ่อเป็นถึงขนาดนี้คะ” ฉันจะพูดยังไงดี ไม่อยากมีปากเสียงกับท่านเลยแต่นับวันคุณพ่อยิ่ง...เห็นแก่ตัว ฉันในฐานะคนเป็นลูกไม่ได้อยากเห็นท่านเป็นแบบนี้เลยนะ พอจะมีทางไหนที่ฉันจะดึงสติคุณพ่อกลับมาได้บ้างไหม ฉันรู้ว่าเรากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบากแต่เราต้องทำร้ายคนอื่นขนาดนี้เลยเหรอ
(จัดการให้เรียบร้อย โรงพยาบาลโทรมาบอกว่าแม่แกอาการไม่ดี ถ้าแกช้าระวังว่าทุกอย่างมันจะสายเกินไป!)
“คุณพ่อก็เอาคุณแม่มาขู่หนูตลอดนั่นล่ะค่ะ ทำไมคะ คุณแม่ไม่ใช่ภรรยาคุณพ่อ หนูไม่ใช่ลูกคุณพ่อรึไง”
(แกอย่ามาเถียงฉันแบบนี้นะแยมโรล อย่ามาปีกกล้าขาแข็งกับฉันไม่งั้นพรุ่งนี้ฉันจะให้หมอยุติการรักษาแม่แก ฉันแบกค่ารักษาแม่แกเดือนละเท่าไหร่แกรู้บ้างไหมฮะ!)
“คุณพ่อ~” น้ำตาฉันไหลพราก คุณแม่คือภรรยานะ คือคู่ชีวิตของท่านนะ ใช้คำว่าแบกได้ยังไงในเมื่อก่อนคุณแม่จะป่วยคุณแม่ก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขทำงานเคียงข้างคุณพ่อมาตลอด
(รีบจัดการซะ ถ้าพรุ่งนี้ทุกอย่างยังไม่เรียบร้อยฉันจะจัดการลดค่าใช้จ่ายของฉันเอง!)
ติ๊ด!
“คุณพ่อ~ ฮึก!”
-เวลาต่อมา-
ถึงจะรู้สึกแย่จากการรับสายของคุณพ่อเมื่อเช้าแค่ไหนฉันก็ต้องฝืนความรู้สึกมาเรียนให้ได้ต่อให้ในใจจะอยากขังตัวเองร้องไห้อยู่ในห้องของเต้าหู้แล้วกอดไอ้ลูกหมาของฉันทั้งวันก็ตาม
ตื๊ด ๆๆๆ
ฉันโทรหาปั้นชาไม่ติดเลย ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าปั้นชาคงตั้งใจบล็อกเบอร์ของฉัน ไม่เป็นไรค่ะฉันเข้าใจถ้าเพื่อนจะบล็อกแต่ฉันเองก็ต้องหาทางติดต่อปั้นชาให้ได้เหมือนกัน ถ้าเรียนเสร็จแล้วยังติดต่อไม่ได้ฉันคงต้องหาวิธีไปเจอเพื่อนต่อให้ในใจจะเต็มไปด้วยความละอายแค่ไหนก็ตาม
“...” เดี๋ยวนะ นั่น...ปั้นชานี่คะ
ฉันไม่คิดว่าจะเห็นปั้นชามาเรียนในวันนี้ พอได้เห็นใจฉันก็เต้นแรงทั้งเต้นแรงด้วยความรู้สึกกลัวความไม่แน่นอนในคำสัญญาทั้งละอายกับสิ่งที่ทำไปพร้อมกัน
ติ๊ง!
คุณพ่อ : พ่อต้องการคำตอบภายในหนึ่งชั่วโมง
“...” ไม่มีความใจดีจากคนบนฟ้าเผื่อแผ่มาถึงคนที่ชื่อแยมโรลบ้างเลยเหรอ ทำไมทุกอย่างถึงบีบบังคับในเวลาที่ประจวบเหมาะไปหมดแบบนี้นะ ฉันอุตส่าห์จะขอเวลาทำใจก่อนแล้วค่อยปั้นหน้าไปเล่นละครตบตาเพื่อนแต่แค่คิดจะหลบไปทำใจแค่สักพักข้อความจากคุณพ่อก็ส่งมาเพื่อบีบบังคับอย่างกับท่านรู้ว่าฉันเห็นปั้นชาแล้ว
“ชา” ฉันเดินเข้าไปทักปั้นชาด้วยความรู้สึกไม่พร้อมสัดนิดแต่ก็ต้องทำ
“อื้ม”
“นึกว่าวันนี้แกจะไม่มาเรียนอีก”
“มาสิ หยุดหลายวันแล้วจะไม่มาได้ไง”
“...อื้ม” ฉันพยักหน้ารับ แล้วปั้นชาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเลย
“วันนี้...วันสุดท้ายตามสัญญานะชา” เพราะเพื่อนไม่พูดอะไรฉันเลยต้องทวงสัญญาให้เร็วที่สุดเสร็จแล้วฉันจะได้ไปจากสถานการณ์ที่ทำให้ฉันเกลียดและขยะแขยงตัวเองสักที
“อื้ม” ปั้นชาพยักหน้ารับแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรเหมือนเดิม แค่พยักหน้าแล้วมองฉันเหมือนรอฟังว่าฉันมีอะไรจะพูดอีกรึเปล่า
“แก...จะหายไปใช่ไหม”
“กลัวฉันไม่หายเหรอ” คำถามของปั้นชาที่มาพร้อมน้ำเสียงที่ไม่เหมือนเดิมทำให้ฉันเครียดขึ้นมา ฉันรู้สึกเหมือนกำลังโดนเล่นเกมจิตวิทยาเอาคืนยังไงก็ไม่รู้
“แกรับปากแล้วชา” ฉันรู้ว่ามันผิดแต่ฉันต้องทำ คุณพ่อไม่ใช่คนเดิมแล้ว ถ้าทำตามที่ท่านต้องการไม่ได้คุณพ่อทำอย่างที่ขู่แน่ ฉัน...ปล่อยให้คุณแม่เป็นอะไรไปไม่ได้
“อาฮะ รู้” ปั้นชาพยักหน้ารับอีกครั้ง และครั้งนี้ก็มาพร้อมน้ำเสียงยียวนแบบที่ไม่เคยกับฉันทำให้ฉันยิ่งหวั่นใจ
“...ไม่ใช่ว่าแกจะไม่ทำตามที่รับปากนะชา”
“เหลืออีกตั้งครึ่งวันนะแยม...จะรีบไปไหน” ปั้นชายิ้มบาง ๆ ให้ฉันแต่ฉันยิ้มไม่ออก ฉันจะยิ้มในตอนที่เรื่องราวสารพัดบีบบังคับและกดดันฉันได้ยังไง
“อย่า... / ใจร้อนเกินไปมั้งแยม เห็นใจคนที่ต้องไปบ้างสิ” ฉันกำลังจะขอร้องให้ปั้นชาอย่าผิดสัญญาปั้นชาก็พูดแทรกขึ้น และแน่นอนว่าน้ำเสียงกับสีหน้าของเพื่อนทำให้ฉันกลัวมากขึ้น
“...” ถ้าปั้นชาเลือกที่จะไม่ไปจากชีวิตพี่เซตัสฉันจะมีปัญญาไปบังคับอะไรเพื่อนได้ สร้างเรื่องโกหกเอาพ่อแม่พี่เซตัสมาเป็นเครื่องมือต่อเหรอ? แล้วจะโกหกได้นานแค่ไหนกันล่ะในเมื่อฉันเป็นคนนอก ปั้นชาต่างหากที่เป็นคนในถ้าเมื่อไหร่ที่เพื่อนเอ่ยปากพูดเรื่องนี้กับพี่เซตัสก็เท่ากับฉันเกม
“มีอะไรอีกไหมถ้าไม่มีจะไปเรียน เรียนเสร็จจะรีบกลับไปเก็บของ”
“...ไม่มี” เรียนเสร็จจะรีบไปเก็บของ คำพูดประโยคนี้แปลว่าปั้นชาจะไปเก็บของออกจากบ้านพี่เซตัสใช่ไหมคะ ฉันตอบออกไปช้า ๆ พอได้คำตอบปั้นชาก็เดินผ่านหน้าฉันไปที่ห้องเรียนทันทีในขณะที่ฉัน...รีบปาดน้ำตาเพราะความเจ็บปวดให้เร็วที่สุด
ติ๊ด!
Jamroll : ปั้นชาจะเก็บของออกจากบ้านพี่ตัสหลังเรียนเสร็จค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยคุณพ่อสบายใจได้
คุณพ่อ : พ่อจะสบายใจก็ต่อเมื่อเพื่อนของลูกหายไปแล้วจริง ๆ เท่านั้น อย่าให้พลาด
คุณพ่อ : พรุ่งนี้ต้องไม่มีปั้นชาอยู่ในชีวิตของเซตัส ไม่งั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอย่ามาโทษพ่อ อย่าพลาดให้พ่อต้องตัดบางอย่างออกเพื่อต่อลมหายใจให้ครอบครัว
“...” แล้วฉันกับคุณแม่ยังเป็นครอบครัวของคุณพ่ออยู่รึเปล่า?
เอาเถอะ ทุกอย่างจะเรียบร้อย ปั้นชาบอกเองว่าเรียนเสร็จจะรีบไปเก็บของ เดี๋ยวทุกอย่างก็ผ่านไปนะแยมโรล มันอาจจะสารเลวหน่อยแต่เพื่อลมหายใจของคุณแม่ เข้าใจใช่ไหมแยมโรล...เพื่อลมหายใจของคุณแม่แกต้องอดทนนะ
-เวลาต่อมา-
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
...ไอ้หมาบ้า
“...”
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
ติ๊ง!
Akin : รับสาย
“...”
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
...ไอ้หมาบ้า
ติ๊ด!
“มีอะไร”
(อยู่ที่ไหนผมรอรับอยู่ เย็นแล้วทำไมยังไม่ลงมาเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า)
“ฉันถึงโรงพยาบาลแล้ว” ฉันตอบออกไป ใครจะรู้ว่าไปรอรับเหมือนปกติที่คุณพ่อสั่งให้คอยไปรับในเมื่อเมื่อเช้าเขาให้พี่เชนมาขับรถให้ฉันแถมเหตุการณ์เมื่อคืนก็ทำให้ฉันไม่อยากให้เขามารับด้วยพอเรียนเสร็จฉันเลยเดินปะปนมากับเพื่อนคนอื่นแล้วนั่งแท็กซี่จากหน้ามหาลัยมาหาคุณแม่เอง
(ทำไมไม่รอ)
“เรียนเสร็จเร็วเลยมาเลย โทษทีฉันลืมบอก”
(ถ้างั้นก็รออยู่ที่นั่นล่ะ เดี๋ยวผมไปรับเสร็จแล้วจะได้ไปรับไอ้เต้าหู้พร้อมกัน วันนี้มันไปอาบน้ำ)
“ไม่ต้องมารับหรอกฉันจะกลับบ้านฉันแล้ว เดี๋ยวกลับเอง”
(กลับไปทำไมเวลานี้ คุณก็รู้ว่า...)
“ฉันกับคุณพ่อไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เรื่องปั้นชาเรียบร้อยดี”
(หมายความว่ายังไง)
“ก็หมายความว่าปั้นชาทำตามที่ตกลงแล้วไง คุณพ่ออารมณ์ดีแล้ว”
(...)
“มีอะไรอีกไหม”
(ตกลงคุณจะแย่งผัวเพื่อนรักตามที่พ่อคุณสั่งจริง ๆ งั้นเหรอคุณหนู) เสียงเขาค่อนข้างเข้มทำให้ฉันแค่นยิ้มออกมา ถามทำไมในเมื่อตัวเขาเองก็รู้เห็นมาตลอด
“อืม”
(ทั้งที่มันเป็นผัวของเพื่อนสนิทก็จะเอาต่อเหรอ)
“ไม่ต้องมายุ่ง อย่าลืมว่านายเป็นแค่เด็กที่พ่อฉันชุบเลี้ยงมา...อย่ายุ่งเรื่องของเจ้านายให้มันมากดีกว่ามั้ง”
