EP 6 : มีปัญญาด้วยเหรอ
-สองวันต่อมา-
“ฮ้าว~” ฉันเดินออกจากห้องนอนในสภาพง่วง ๆ งง ๆ อยากนอนต่อแต่หิวน้ำ ลืมหยิบน้ำขึ้นไปเลยต้องฝืนลงมาตอนตีหนึ่งเพราะถ้าไม่ได้ดื่มน้ำฉันคงหลับต่อไม่ได้แน่ คอแห้งสุด ๆ ไปเลย
เอ๊ะ! ทำไมประตูบานนั้นเปิด? น้าปานลืมปิดประตูเหรอ
“แค่ก ๆๆ” ฉันจะเดินมาปิดประตูแต่กลิ่นที่ไม่ชอบก็โชยเข้าจมูกทันทีเลยทำให้สำลัก
“...ลงมาทำไม” เขาหันมามองหน้าฉัน โยนบุหรี่ลงพื้นใช้เท้าขยี้แล้วค่อยถาม
“ไหนบอกว่าไปนอนกับพี่เชน มาทำอะไร” ฉันไม่ตอบคำถามเขา ฉันอยากรู้เรื่องที่ถามมากกว่า อยู่ที่นี่มาสองคืนแล้วไม่เจอเขาสักวันแล้วนี่ทำไมมายืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนี้เวลานี้
“ลงมาทำไม”
“ฉันถามนายยังไม่ตอบฉันเลย”
“ผมถามก่อน” เขายอกย้อนแล้วเดินเข้ามา กวนประสาทเป็นบ้า
“ลงมาเอาน้ำ”
“ได้น้ำหรือยัง”
“ยัง เห็นประตูบ้านเปิดคิดว่าน้าปานลืมเลยเดินมาปิด ไม่คิดว่าจะเจอนาย”
“ถ้างั้นก็หยิบน้ำแล้วขึ้นไปนอนซะคุณหนู” นี่เขาไล่ฉันเหรอ?
“นายยังไม่ตอบคำถามฉันว่าทำไมถึงอยู่ตรงนี้ ไหนบอกว่าจะไปนอนกับพี่เชนแล้วมาอยู่ตรงนี้ได้ไง” ฉันรู้ว่านี่บ้านเขาแต่เขารับปากเองว่าจะไปนอนกับพี่เชนระหว่างที่ฉันอยู่ที่นี่
“ผมแวะมาเอาของ ไปหยิบน้ำแล้วขึ้นไปนอนได้แล้วน่า” น้ำเสียงเขาเริ่มดุขึ้นมันเลยทำให้ฉันที่ไม่เคยอยากจะยอมคนอย่างเขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา
“คิดว่าเป็นบ้านตัวเองแล้วจะไล่ใครยังไงก็ได้รึไง”
“ไม่ได้ไล่แต่บุหรี่มันเหม็น จะอยู่ตรงนี้ทำไมเดี๋ยวก็ปวดหัว”
“...”
“ไปได้แล้ว เดี๋ยวปวดหัว”
“รู้ว่าเหม็นแล้วจะสูบเพื่อ ไม่มีใครขอให้เลิกได้เลยรึไง ขอแล้วเลิกไม่ได้เลยเหรอ?” ฉันเหน็บเขาแล้วหันหลังเดินไปที่ห้องครัวด้วยความรู้สึกหงุดหงิดเล็ก ๆ ในใจทันที
“โฮ่ง!” ฉันเดินผ่านห้องของไอ้เน่าเสียงไอ้เจ้าของห้องก็ดังขึ้นมา
“โฮ่ง ๆๆๆ” แล้วก็ดังถี่ขึ้นกว่าเดิมเยอะเลยค่ะ หูดีจริง ๆ ไอ้เจ้าหมายักษ์
“มาแล้วไอ้เต้า ใจเย็น ๆ อย่าเสียงดังได้ไหม” ฉันทำใจแข็งเดินไปหยิบน้ำแล้วขึ้นนอนไม่ลงหรอก ได้ยินเสียงลูกชายเห่าเรียกเสียงดังขนาดนี้ก็นึกภาพออกทันทีว่าในห้องมะหมาจะมีหมาตัวใหญ่ที่ชอบทำเหมือนตัวเองเป็นตัวเล็กตัวน้อยกำลังกระดิกหางด้วยความดีใจแค่ไหน
กริ๊ก!
ฉันเปิดประตูห้องพอประตูเปิดอ้าไอ้เจ้าเน่าเต้าหู้ก็กระโจนใส่ฉันทันที
“ว้าย! ใจเย็น ๆ ได้ไหมเต้าหู้~” ฉันแทบล้มแต่ทรงตัวได้ทันก่อน เต้าหู้ใช้สองเท้าหน้าเกาะฉันไว้แล้วเอาหน้ามามุดหน้าท้องด้วยความดีใจแต่แค่แป๊บเดียวก็ผละออก
“โฮ่ง! โฮ่ง ๆๆๆ” เต้าหู้เห่าเสียงดังลั่นอีกครั้งคราวนี้หางที่กระดิกก็แกว่งจนฉันกลัวจะหลุดแล้วไอ้หมายักษ์หัวใจเด็กก็วิ่งไปทันที
“จะไปไหนเต้าหู้!” ฉันตะโกนเรียกแต่เต้าหู้ไม่หยุดเลยต้องรีบเดินตาม
“โฮ่ง ๆๆ”
“อะไร ดีใจทำห่าอะไรขนาดนี้ไม่เจอหน้ากันเป็นชาติรึไงวะไอ้ลูกหมา” ฉันเดินตามเต้าหู้มาถึงได้เห็นว่ามันวิ่งมาหาพ่อ ไม่ใช่ วิ่งมาหาเจ้านายของมันที่ตอนนี้ยืนอยู่ที่บาร์แล้วก็กำลังยกแก้วเหล้าสีอำพันดื่มอย่างกับดื่มน้ำเปล่า
เหอะ!
สูบบุหรี่เสร็จก็มาดื่มเหล้าเพียวต่อ สุดยอดจริง ๆ
“โฮ่ง ๆๆ” เต้าหู้เห่าเสียงดังแล้วก็นั่งลงตรงหน้าเจ้านายของมัน นั่งทำท่าจุ๊มปุ๊กเป็นลูกขนุนกลม ๆ แลบลิ้นยาว ๆ ออกมาด้วยนะ น่ารักเป็นบ้าเลย
“อะไรของมึง มาทำท่าน่ารักใส่กูทำไม”
“พูดจาดี ๆ กับเต้าหู้ไม่เป็นรึไง” ไม่ได้อยากคุยด้วยเลยนะแต่เห็นเขาพูดจาไม่ดีใส่ลูกชายฉันทำให้ฉันอดไม่ได้ นี่ที่ผ่านมาเต้าหู้ต้องเจอกับอะไรบ้างเนี่ย พูดจาแย่เป็นบ้า พอฉันว่าเขาก็มองมาที่ฉันระหว่างที่มองก็ยกเหล้าขึ้นดื่มทีเดียวหมดแก้ว พอเหล้าหมดก็มองไปที่เต้าหู้พร้อมกับวางแก้วเหล้าลง
“เป็นอะไรครับเต้าหู้ ทำท่าน่ารักใส่พ่อทำไมครับไอ้หมาน้อย”
“นี่! อย่ามากวนประสาทนะ!” ฉันว่าทันทีเพราะรู้ว่าเขากำลังแกล้งทำเพื่อกวนประสาทฉัน พอฉันว่าเขาก็ไม่ได้หันมามองนะเขาก้มลงไปเอามือเกาคางเต้าหูนิดหน่อยก่อนถึงได้ยืดตัวขึ้นแล้วมองฉันอีกครั้ง
“กวนประสาทอะไร ก็พูดเองว่าพูดจาดี ๆ กับเต้าหู้ไม่เป็นรึไง ผมก็พูดจาดี ๆ กับลูกชายแล้วนี่ไง หรือว่ายังดีไม่พอครับหม่ามี๊ไอ้เต้า”
“...” พูดจาแบบนี้ต้องการอะไร อยากปั่นประสาท อยากยั่วโมโหเหรอ?
“ปล่อยมันออกมาแบบนี้ต้องรับผิดชอบนะ อย่าแกล้งให้มันดีใจเก้อ ถ้าเอามันไปเก็บที่ห้องเลยมันเศร้าแย่” เขาพูดพร้อมกับใช้เท้าเขี่ยคางเต้าหู้เล่น หยาบชะมัด ไม่อ่อนโยนกับลูกชายฉันเลยทั้งที่มันวิ่งมาหาตัวเองด้วยความดีใจแท้ ๆ
“รู้ เดี๋ยวจัดการเอง” ฉันบอกห้วน ๆ แล้วเดินไปหยุดอยู่ข้างเขา ไม่ได้อยากยืนใกล้แม้แต่นิดเดียวแต่ฉันต้องตะล่อมพาเต้าหู้กลับไปที่ห้องก่อน ไปถึงห้องมะหมาแล้วค่อยเล่นด้วยจนเต้าหู้หมดพลัง
ฉันตะล่อมพาเต้าหู้มาที่ห้องส่วนตัวของมันได้สำเร็จหลังจากใช้เวลาเกือบยี่สิบห้านาทีเพราะเต้าหู้เหมือนจะเดินมากับฉันแต่ก็หันไปห่วงเจ้านายของมันจนสุดท้ายการจะพากลับห้องได้ก็ต้องจบที่ฉันและเขาต้องมาด้วยกัน
ปกติเต้าหู้เป็นหมาที่พูดจารู้เรื่องนะแต่วันนี้บอกยากมาก ไม่รู้พิศวาสอะไรอีตานี่นักหนา พอมาถึงก็ต้องเล่นบอลด้วยอีกเกือบยี่สิบนาทีถึงได้ยอมหมดพลังแล้วมาทิ้งตัวนอนข้าง ๆ ให้เกาพุงให้ อ้อ! แล้วก็ต้องมีเจ้านายตัวเองอยู่ใกล้ ๆ ด้วยนะคะไม่งั้นมันเห่าไม่หยุดเลยไอ้หมาเอาแต่ใจ
“นอนได้แล้วไอ้เน่า” ฉันเกาพุงให้ช้า ๆ ไม่นานเต้าหู้ก็หลับเลยเดินออกมาซึ่งเขาเองก็เดินตามหลังมาเหมือนกันแต่ฉันไม่ได้สนใจเขา ฉันตรงไปห้องครัวจะหยิบน้ำแล้วขึ้นห้องเลยส่วนเขาเห็นบอกตอนแรกว่าแวะมาเอาของซึ่งมันก็เป็นเรื่องของเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน
“ถ้าปั้นชาไปจากไอ้เซตัสแล้วคุณจะทำยังไงต่อ” ฉันเดินไปหยิบน้ำเรียบร้อยกำลังจะเดินขึ้นไปข้างบนเสียงเขาก็ดังขึ้น พอหันไปมองถึงได้เห็นว่าเขายืนอยู่ที่บาร์อีกครั้ง ไหนบอกว่าแวะมาเอาของทำไมไม่ไปหยิบของแล้วไปสักที
“ไม่ใช่เรื่องของนาย” ฉันตอบอย่างไม่ใส่ใจแล้วเดินต่อ
“อยากแต่งงานกับมันเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องของนาย” ฉันยังย้ำคำเดิมเพื่อบอกให้เขารู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของเขา ไม่ต้องมาถาม
“ไอ้ตัสมันเป็นผัวเพื่อนรัก จะเอาลงเหรอคุณหนู” ฉันกำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันไดขั้นแรกเสียงเขาก็ถามอีกครั้ง และคำที่เขาใช้ถามก็ทำให้ฉันหยุดก้าวเดินแต่ไม่คิดจะหันกลับไปมอง
“ฉันบอกว่าไม่ใช่เรื่องของนาย”
“เอาลงจริง ๆ เหรอ นอกจากมันเป็นผัวของเพื่อนรัก มันยังเป็นเพื่อนรักของผะ...”
ขวับ!
“ฉันบอกว่าไม่ใช่เรื่องของนาย!” ฉันหันกลับไปตะคอกใส่เขาตั้งแต่เขายังพูดไม่จบด้วยความโมโหโดยที่ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าเขามายืนอยู่ข้างหลังฉันตั้งแต่เมื่อไหร่
หมับ!
“อื้อ!!!!!” ฉันร้องในลำคอด้วยความตกใจที่...
ช่างมันเถอะ!
ผลัก!
เพี้ยะ!
ฉันผลักอกเขาออกในจังหวะที่เขาผ่อนการควบคุมลงแล้วฟาดมือลงเต็มหน้า
หมับ!
เขาโดนตบเต็มแรงแต่ก็จับข้อมือฉันแล้วล็อคตัวฉันเอาไว้
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้” เสียงที่พูดรอดไรฟันออกไปโดยที่ฉันไม่คิดจะหลบสายตาหลบการปะทะอะไรทั้งนั้นต่อให้เมื่อกี้ฉันจะเพิ่งโดนเขาทำอะไรที่จาบจ้วงไปก็ตาม
“อยากให้ช่วยไหม”
“...”
“ว่าไง...อยากให้พี่ช่วยไหม”
