EP 10 : อย่าพูดคำนี้ออกมาอีก
“มีอะไรไอ้ตัส”
(กูแค่...กูแค่อยากรู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เมื่อคืนกูเมาแล้ว...)
“แล้วมึงก็ตื่นมาเจอตัวเองนอนอยู่กับคุณหนู...ถูกไหม”
(มึงรู้?)
“อืม กูรู้”
(แล้วมึงปล่อยให้เกิดขึ้นได้ยังไงไอ้คิน มึงก็รู้ว่า...แม่งเอ้ย!)
“ฮึ ๆๆ ใจเย็น ๆ ก่อน มึงจะโมโหไปทำไม มึงนี่นะจะมีอะไรกับ...เมียกู?”
(มึง...อ่าส์~ แล้วกูตื่นมาสภาพนั้นได้ยังไง?)
“พอดีมีคนอยากเล่นเกมกับมึง กูเลยปล่อยให้มันเล่นไปเลย” ผมตอบมันด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยความอารมณ์ดี ระหว่างที่ตอบก็มองมือตัวเองที่กำลังเอานิ้วโป้งกับนิ้วกลางถูกันเล่นด้วยความสบายใจ
(ใคร?)
“ฮึ ๆๆ”
(ไอ้คิน กูถามว่าใคร)
“เมียน้อยพ่อตากู” ผมตอบไอ้เซตัส พูดจบก็แค่นยิ้มอยู่คนเดียว พ่อตา ฮึ! ฮึ ๆๆ
(แล้วใครวะ!) ไอ้เซตัสเริ่มขึ้นเสียงที่ผมไม่ยอมพูดออกไปตรง ๆ ทีเดียวว่าที่อยากเล่นเกมกับมันคือใคร
“มึงคิดว่าใครล่ะ”
(ไอ้คิน ถ้ามึงไม่ตอบสักทีกูจะไปกระทืบมึง)
“ฮึ ๆๆ เมียเก่ามึงไง”
(ทิสา?)
“ฮึ ๆๆ ดีใจที่มึงรู้”
(...มันอยู่ไหน)
“เมียเก่ามึงน่ะเหรอ” ผมแกล้งยียวนมันเล่นเพราะผมรู้ดีว่าไอ้เซตัสไม่ชอบให้เรียกทิสาว่าเป็นเมียของมัน
(อย่ากวนตีนไอ้คิน บอกกูมาว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่ไหน)
“บ้านแยมโรล”
(อืม แค่นี้ล่ะ)
ติ๊ด!
“ไปไหนต่อครับนาย” พอไอ้เซตัสตัดสายไปไอ้เชนคนสนิทของผมที่ทำหน้าที่ขับรถให้ก็ถามออกมาทันที
“...ไปคฤหาสน์ส้นตีนนั่น”
-เวลาต่อมา-
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
...ไอ้หมาบ้า
ติ๊ด!
(อยู่ไหน)
“พูดจาสุภาพกับลูกเจ้านายไม่เป็นเหรอ?” แค่รับสายก็หงุดหงิดแล้ว ไม่เข้ามาทำให้ชีวิตฉันหงุดหงิดสักวันจะตายรึไง แค่เรื่องที่เพิ่งทำมาฉันก็หงุดหงิดมากแล้วนะยังจะเสนอหน้าโทรมาทำให้หงุดหงิดเพิ่มอีก!
(อยู่ที่ไหน)
“...”
(อยู่ ที่ ไหน)
“พูดให้มันดี...”
(ตอบ)
“...บ้าน” ถามไม่คิด ไม่อยู่บ้านจะอยู่ที่ไหนให้อยู่ที่โรงแรมเมื่อคืนรึไง!
(ออกมา)
“อะไร?”
(ออกมาตอนนี้)
“ทำไม”
(ออกมา) พูดคำอื่นไม่เป็นรึไงไอ้บ้า!
“ไม่ไป มีสิทธิ์อะไรมาสั่ง ลืมไปแล้วรึไงว่าตัวเองเป็นใคร?”
(อยากให้พูดไหมล่ะว่าเป็น...อะไร จะได้พูด)
“...” ฉันกำมือตัวเองแน่น แน่นจนมือสั่น
(ออกมาเดี๋ยวนี้...คุณหนู)
“...”
ติ๊ด!
“ฉันจะฆ่านาย!” ฉันวีนออกมาสายตาก็จ้องหน้าจอโทรศัพท์ อยากฆ่าไอ้บ้านั่นที่ทำตัวมีอำนาจแต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ฟัดฟึดเดินออกจากห้องนอน
ปัง!
“อารมณ์เสียอะไร”
“...” สาระแน!
ฉันมองหน้าไอ้คนที่นั่งอยู่ในรถ วันนี้ไม่ทำหน้าที่คนขับแต่นั่งอยู่เบาะหลังประหนึ่งประธานบริษัท ฉันไม่พูดแต่ด่าทางสายตาแทนแล้วก็หันหน้าหนีเพราะไม่อยากมองให้เสียสายตานาน
“ออกรถเลย”
“ครับ”
เหอะ! ออกรถเลย พูดจาวางอำนาจกับคนอื่นทั้งที่ตัวเองก็เป็นลูกน้องเหมือนกัน ทำตัวใหญ่คับฟ้าบังคับแม้แต่กับลูกของเจ้านายที่ชุบเลี้ยงตัวเองมา อ้อ! แต่ลืมไปว่าคุณเขาใหญ่จริง ๆ เพราะขนาดเป็นลูกน้องของคุณพ่อก็ยังอุตส่าห์มีลูกน้องเป็นของตัวเอง
“จะไปไหน”
“เดี๋ยวก็รู้” เกลียด! ฉันเกลียดน้ำเสียงถือดีของเขาที่สุด
“พี่เชน จะพาไปไหน”
“...”
“พี่เชน ถามทำไมไม่ตอบ”
“...นายตอบคุณแยมโรลไปแล้วครับ”
“...” ให้มันได้อย่างนี้ทั้งลูกน้องทั้งเจ้านายสิ! หงุดหงิด!
ฉันนั่งโมโหอยากจะฟาดงวงฟาดงาทุบหัวคนแต่ก็ไม่อยากแสดงออกให้ไอ้บ้าที่นั่งข้าง ๆ สะใจที่เล่นกับอารมณ์ของฉันได้เพราะแค่บังคับให้ฉันมาตามคำสั่งได้ก็ไม่รู้ว่าในใจไอ้บ้านี่จะสะใจมากแค่ไหนเลยต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบที่สุดแต่ต้องทำบ่อยที่สุดคือการข่มอารมณ์!
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
ติ๊ด!
“อืม”
“ไม่มีใครอยู่ อยู่แค่สองคนนั้น”
“อืม มึงเข้าไปเลย”
“แค่นี้แหละกูมีธุระ”
ฉันนั่งเงียบตลอดทางสายตาจ้องมองถนนเพราะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะไปที่ไหนหูก็ฟังเสียงคนถือดีอวดดีคุยโทรศัพท์
ใช้อากาศร่วมในรถก็รำคาญแย่แล้วนี่ยังต้องได้ยินเสียงอีกยิ่งรำคาญเพิ่มเป็นสิบเท่า แต่ดีนะที่คุยแป๊บเดียวไม่งั้นอกแยมโรลคงแตกตาย!
พอเขาไม่คุยโทรศัพท์บรรยากาศในรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ฉันมองเส้นทางที่คุ้นตา คุ้นมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมาทุกวันแต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าจะใช่ที่ที่ฉันคิดเพราะ...ไอ้บ้าคนนี้ไม่เคยพามาโดยที่ฉันไม่ได้สั่ง ถ้าไม่นับครั้งก่อนที่พามาหลังจากมีปากเสียงกับคุณพ่อนะ
“พามาทางนี้ทำไม นี่ทางไปโรงพยาบาล” สุดท้ายทนไม่ไหวเลยต้องกลั้นใจหันไปถาม
“ใช่” ตอบให้ยาวกว่านี้ ตอบให้ดูไม่หยิ่งยโสมันจะตายรึไง แต่ฉันไม่มีเวลาหงุดหงิดเขาเพิ่มเพราะอย่างอื่นสำคัญกว่า
...ตึก ตึก ตึก
แค่คำตอบสั้น ๆ ของเขาก็ทำใจฉันเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะร้อยวันพันปีเขาไม่เคยบังคับให้มาโรงพยาบาลกับเขาโดยที่ไม่บอกล่วงหน้ามาก่อน แต่วันนี้เขาบังคับให้ลงมาจากห้องขึ้นรถมากับเขาโดยที่ไม่บอกจุดหมายปลายทางซึ่งมันก็คือโรงพยาบาลที่คุณแม่รักษาตัวอยู่
ทำไมล่ะ?
ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?
อย่าบอกนะว่า...
“คุณแม่...” ฉันพูดได้แค่นี้ พูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาและสั่นเครือมาก พูดแค่นี้แล้วก็ไม่อยากพูดอะไรอีกเพราะฉันกลัวคำตอบที่อาจจะออกจากปากเขามากด้วย กลัวจับหัวใจเลยล่ะค่ะ ส่วนเขาก็ไม่หันมามองหน้าฉันเอาแต่มองหน้าแท็ปเล็ตของตัวเองด้วยมาดประหนึ่งประธานบริษัท
“เข้าไปเดี๋ยวก็รู้เอง” อยู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นอย่างกับรู้ว่าในใจฉันกำลังมีคำถาม
“หมายความว่ายังไง” ฉันใจไม่ดี จากที่ใจเต้นรัวตอนนี้แขนขาเริ่มอ่อนแรงขึ้นมาดื้อ ๆ
“...”
“นี่! ฉันถามทำไมไม่ตอบ!” ฉันเสียงดังลั่นเพราะฟิวส์ขาด สาบานว่าไม่รู้ว่าฉันกำลังกลัวแค่ไหนแต่แทนที่จะตอบเขากลับเงียบแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหน้าตาเฉย
“อคิน! ฉันถามนาย!”
“...ใกล้ถึงแล้วครับอาหมอ”
“...” ฉันกำลังจะวีนต่อแต่พอได้ยินคำพูดเขาฉันก็เงียบลงในทันที โทรหาอาหมอเหรอ?
“ครับ สักครู่นะครับ”
ติ๊ด!
“คืออะไร? ช่วยตอบมาสักทีได้ไหม! แค่พูดให้ฉันรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนายจะตายรึไงฮะ!” ตอนแรกฉันกลัวคำตอบมากนะแต่พออะไรมันไม่ชัดเจนเลยสักอย่างฉันก็อยากได้คำตอบขึ้นมา
“...รอไม่เป็นเหรอ ต้องทำตัวเป็นคุณหนูเอาแต่ใจตลอดรึไง” เขาหันมามองหน้าฉันแล้วถาม น้ำเสียงราบเรียบปนตำหนิทำให้ฉันโมโหมากขึ้นแต่รถเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลแล้วจอดตรงหน้าทางเข้าพอดี
ครืด~
“เชิญครับ” ประตูฝั่งฉันเปิดออกในระหว่างที่ฉันเอาแต่จ้องหน้าเขาด้วยความโกรธเขาก็เอ่ยปากบอกพร้อมกับผายมือทำให้ฉันต้องสะบัดหน้าแล้วรีบลงจากรถก่อนจะเดินกึ่งวิ่งไปที่ที่คุ้นเคยด้วยความรู้สึกหวาดกลัว กลัวจับใจเพราะตอนนี้ฉันไม่รู้อะไรเลย
“สวัสดีค่ะคุณพยาบาล คุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ คุณแม่ยังปลอดภัยดีใช่ไหม” มาถึงหน้าห้องเจอคุณพยาบาลที่คุ้นหน้ากันดีฉันก็รีบยิงคำถามด้วยความร้อนใจแถมตอนนี้น้ำตาฉันก็ไหลออกมาแล้ว
“อาการคุณนรินทร์เหรอคะ ใจเย็น ๆ นะคะคงต้องรออาจารย์หมอก่อนค่ะ”
“คุณแม่...คุณแม่ทรุดเหรอคะ~” เสียงฉันแผ่วเบาตอนที่ถามคำนี้ออกไป คำถามที่ไม่เคยอยากถามเลย
“เอ่อ... / อ้าวหนูแยมโรล มาแล้วเหรอลูก ถ้ามาแล้วจะได้ไปกันเลย”
ขวับ!
“คะ? ไป...ไปไหนคะอาหมอ” ฉันที่กำลังเกาะแขนคุณพยาบาลเพื่อถามอาการของคุณแม่รีบหันไปมองตามเสียงที่คุ้นเคยแล้วถามออกไปด้วยความงุนงง
“ก็พาคุณแม่ของหนูไปผ่าตัดไงลูก แต่ต้องย้ายโรงพยาบาลนะ ไปผ่าตัดที่โรงพยาบาล X ที่นั่นมีอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากกว่า”
“คะ?”
“อ้าว นี่อคินเขายังไม่ได้บอกหนูเหรอว่าเขาสั่งให้ผ่าตัดแม่หนูวันนี้”
“...คะ?”
#JAMROLL END
#AKIN TALK
“คืออะไร? ช่วยตอบมาสักทีได้ไหม! แค่พูดให้ฉันรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนายจะตายรึไงฮะ!”
“...รอไม่เป็นเหรอ ต้องทำตัวเป็นคุณหนูเอาแต่ใจตลอดรึไง” ผมหันไปมองหน้าแล้วถามปนตำหนิเธอ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ได้กลับมาก็คือความโมโห
ครืด~
“เชิญครับ” ประตูฝั่งเธอเปิดออกผมก็ผายมือด้วยท่าทางสุภาพทำให้เธอไม่พอใจมากขึ้นแล้วก็สะบัดหน้ารีบลงจากรถทันที
“...”
“ไม่ตามไปเหรอครับนาย”
“ไม่ล่ะ ไปจัดการเรื่องคนเหี้ย ๆ ก่อน”
“ผมก็นึกว่าอยากอยู่ข้าง ๆ คอยให้กำลังใจว่าที่ภรรยา~” เสียงไอ้เชนแซวขึ้นมาผมเลยจ้องมันผ่านกระจกมองหลัง
“ฮึ! หุบปากเดี๋ยวนี้ไอ้เชน อย่าพูดคำนี้ออกมาอีก มึงคิดว่า...กูจะเอาลูกสาวของไอ้เหี้ยนี่มายกย่องเป็นเมียลงเหรอวะ?”
