ตอนที่ 15 เจ้าเล่ห์
EP15
.
.
.
“อึก…” เพลงพิณสะดุ้งตกใจลุกขึ้นจากเตียง เธอหายใจเหนื่อยหอบเหมือนตัวเองกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆก็พบว่าตอนนี้ตัวเองนอนอยู่ในห้องของหอพัก ไม่ใช่โรงพยาบาล…
พอนึกได้ดังนั้นมือเรียวก็ยกขึ้นลูบหน้าตัวเองเบาๆแล้วชันเข่าขึ้นมาซบหน้า ผักหวานที่นอนอยู่ข้างกายจึงเอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟแล้วหันไปมองเพื่อนสาวที่มีท่าทางไม่สู้ดีนัก…
“เพลง…เป็นอะไร”
“เปล่าอ่ะ…แค่ฝันร้าย”
“เป็นอะไรมากรึเปล่า ฉันกลับมาจากร้านเค้กก็เห็นเพลงหลับพร้อมหนังสือ พอปลุกก็ไม่ตื่น”
“แกกลับมาตั้งแต่ตอนไหน…” เพลงพิณที่ยังงุนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นพยายามคิดทบทวนแต่คิดเท่าไหร่มันก็คิดไม่ออก
“นี้จำอะไรไม่ได้เลยหรอ”
“อื้อ”
“เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง” ผักหวานถอนหายใจออกมากับท่าทางของเพลงพิณ ก่อนที่เธอจะเริ่มเล่า “พอฉันกลับมาจากร้านเค้กกับพี่อันก็เห็นแกนอนหลับบนเตียงพร้อมกับหนังสือในมือ ปลุกก็ไม่ตื่นนึกว่าอ่านหนังสือแล้วเพลียหลับไปเลยไม่อยากกวน ตกดึกมาแกก็มาสะดุ้งตื่นแบบนี้แหละ ฝันอะไรหรอ ทำไมดูน่ากลัวจัง”
“อืม…มันน่ากลัว เหมือนจริงมากด้วย”
“เอาหน่า…ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะ”
“…ฉันไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเผื่อมันจะดีขึ้น”
“โอเค…อย่าคิดมาก” เพลงพิณพยักหน้าตอบแล้วลุกจากเตียงไปคว้าผ้าเช็ดตัวมาพาดบ่าแล้วเดินตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ มือเรียวเอื้อมไปเปิดฝักบัวเก่าๆให้สายน้ำเย็นๆไหลชะโลมร่างกายลงมาพร้อมกับเปลือกตาคู่สวยที่ค่อยๆปิดลงให้ลืมเรื่องฝันร้ายเมื่อกี้
ในสมองมันสับสนว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ทำไมมีแต่เรื่องแปลกๆเข้ามาตั้งแต่ที่อันอันบอก อีกทั้งเรื่องฝันน่ากลัวแบบนี้ทั้งที่เธอไม่เคยฝันมาก่อนเลยสักครั้งในชีวิต…
…
ผับหรูใจกลางเมือง…
ตึก ตึก ตึก ตึก…
เสียงปลายเท้ากระทบกับพื้นในผับแห่งหนึ่งซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ดีเจพักเบรคเปลี่ยนคนขึ้นเวที และช่วงเวลาในการเดินเข้ามามีเพียงเจ้าของร่างสูงโปร่งเจ้าของใบหน้าหล่อเหลามีเสน่ห์เกินต้าน…
มิก้าเพ่งมองไปที่ตำแหน่งเดิมที่ชอบนั่ง มือหนาล้วงถุงกางเกง ท่อนบนถูกปลดกระดุมสองสามเม็ดโชว์แผงอกขาวสะท้อนแสง สายตาเรียบนิ่งไม่ได้ปรายตามองผู้หญิงคนไหนที่จ้องมองเขาราวกับต้องมนต์สะกด…
พอมาถึงที่ประจำตรงมุมมืดยากที่คนจะมองเห็น มิกก็หย่อนตัวนั่งลง มือหนาคว้าซองบุหรี่ยี้ห้อดังออกมาจากถุงกางเกง ท่อนขากำยำตวัดขึ้นพาดกันพร้อมกับจุดสูบแก้เครียด เนื่องจากมีเพลงพิณเป็นสาเหตุ…
“นั่งด้วยคนได้มั้ยคะ…” เสียงเอ่ยทักนุ่มนวลที่ดังขึ้นอยู่ข้างกายทำให้มิกละสายตาไปมองเธอ สายตาเรียบนิ่งจากเดิมแปรเปลี่ยนเป็นซ่อนรอยยิ้มเมื่อไล่มองเรือนร่างเซ็กซี่เย้ายวนข้างกาย…
“เชิญครับ” มิกพยักหน้ารับอย่างสุภาพ ก่อนที่หญิงสาวผู้โชคร้ายจะหย่อนตัวนั่งข้างกาย ในมือเรียวถือแก้วเครื่องดื่มแกว่งไปมาเธอเพ่งมองมิกด้วยสายตาหลงใหล เพราะเล็งไว้แต่ชายหนุ่มเดินเข้ามาในผับก้าวแรก…
“มองผมขนาดนี้…ต้องการอะไรหรอครับ…หื้ม?” มิกเป็นคนเริ่มบทสนทนา ปลายนิ้วแกร่งคีบมวลบุหรี่ออกจากริมฝีปากหยักแล้วขยับกายเข้าไปไกล้หญิงสาวที่พึ่งจะรู้จักกันไม่ถึงนาทีก่อนจะกวาดท่อนแขนวางตามแนวโซฟา…
“เปล่าค่ะ…แค่สงสัยทำไมมาคนเดียวหรอคะ แฟนไม่มาด้วยหรอ” มิกจ้องมองใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำเองชั้นดีลงมาจนถึงลำคอขาวเนียนที่แสงจากในผับสาดส่องมาเพียงแวบเดียวด้วยแววตากระหาย ก่อนที่รอยยิ้มอ่อนจะผุดขึ้นบนใบหน้า ทวารอยยิ้มนั้นกลับชวนขนลุกทะลุความมืดออกมา…
“แฟนไม่สนใจผมเลย…” มิกแสร้งทำเสียงเศร้าสลด ก่อนจะวางมวลบุหรี่ลงถาดเขี่ย มือเริ่มไม่อยู่นิ่งลูบไล้ขาอ่อนหยอกล้ออย่างอ้อยอิ่ง จากตอนแรกที่สาวข้างกายหน้าแทบถอดสีตอนนี้กลับผุดรอยยิ้มขึ้นแทน “ปลอบใจผมหน่อยได้มั้ยครับ…”
“แฟนคุณจะไม่ว่าเอาหรอคะ” ท่าทางการกระทำของมิกที่แสดงออกเหมือนต้องการเธอเหมือนกัน ทำให้หญิงสาวแอบใจสั่นไม่น้อย คิดไม่ผิดที่เข้ามาหามิกก่อนใคร…
“ถามแบบนี้ไม่อยากปลอบใจผมหรอ…” มิกยื่นปลายจมูกคมสันเข้าไปคลอเคลียที่ลำคอระหงสูดดมกลิ่นกายหอมยั่วยวนเข้าเต็มปอด ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลำคอขาวเนียน ทำเอาขนอ่อนทั่วร่างกายลุกชัน…
“อยากโดนปลอบใจแบบไหนดีคะ…” เธอถามกลับแล้วยกปลายนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากหยัก มิกหลุบตามองการกระทำของเธอก่อนจะรวบข้อมือเล็กเอาไว้ แล้วช้อนตามอง…
“แบบที่มีแค่เราอยู่ด้วยกันสองคน…” นํ้าเสียงแหบพร่าตอบออกไป สองสายตาประสานมองกันด้วยความรู้สึกวาบวาม หากแต่สายตาของมิกมันกลับมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ชวนให้ขนลุก…
“จะดีหรอคะ” นํ้าเสียงเย้ายวนพูดขึ้นขัดกับคำถามและการกระทำ มือเรียวอีกข้างที่ถือแก้วเครื่องดื่มแกว่งไปมาแล้วยกขึ้นดื่ม มิกที่เห็นแบบนั้นจึงเลื่อนริมฝีปากมาชิดที่ขอบแก้ว เธอจึงยกขึ้นป้อน ส่งผลให้คราบเครื่องดื่มติดบนริมฝีปากชายหนุ่มจึงเลียเช็ดมันเบาๆ เขย่าอารมณ์อยากในตัวหญิงสาว…
“แต่ผมอดใจไม่ไหวแล้ว” มิกกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ลงคอ แล้วค่อยๆจับแก้วเครื่องดื่มมาวางไว้บนโต๊ะ เป็นเชิงว่าเขาไม่อยากนั่งอยู่บนโซฟาเฉยๆแล้วอยากย้ายไปที่อื่นแทน…
“ก็ได้ค่ะ…เดี๋ยวแนนจะปลอบใจให้ลืม” ร่างอวบอิ่มลุกขึ้นจากโซฟาก่อนที่เธอจับมือหนาลุกขึ้นตาม มิกจึงยื่นมือไปปัดปอยให้ให้เธอเบาๆแล้วยื่นใบหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหู…
“ผมโชคดีมากเลย…ที่วันนี้เจอคุณ :)”
…
มหาลัย…
เพลงพิณนั่งเหม่อลอยคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวเองอยู่เพียงลำพังอยู่ในโรงอาหารของคณะแพทยศาสตร์เพราะวันนี้เธอและผักหวานเรียนคนละเซคกันในช่วงบ่าย…
แกร๊ก! ในขณะที่เธอกำลังนั่งครุ่นคิดอยู่นั้นเสียงจานข้าวก็ถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้า เนื่องจากเพลงพิณยังไม่ได้เดินไปซื้อข้าวมากินนั้นทำให้เด็กสาวช้อนตาขึ้นมองบุคคลมาใหม่…
“นั่งคนเดียวมันเหงา…ให้ฉันนั่งเป็นเพื่อนดีกว่า” ไรอันพูดขึ้นแล้วหย่อนตัวนั่งลงโต๊ะตรงกันข้ามพร้อมกับจานข้าวไข่เจียวของตัวเอง ดวงตากลมโตไล่มองร่างหนาที่สวมยูนิฟอร์มของสถาปัต ซึ่งสองคณะนี้มันห่างกันมากแต่ไรอันยังข้ามฝั่งเพื่อมานั่งกินข้าวกับเธอ…
“นายจะมาถามฉันเรื่องเข้าทำงานหรอ”
“อืม…เมื่อวานเห็นเพื่อนเธอไปที่ร้าน แต่เธอไม่ได้ไปด้วย”
“พอดีฉันอ่านหนังสืออยู่เลยไม่ได้ออกไป” เพลงพิณเอ่ยตอบมือบางเอื้อมขวดซอสมะเขือเทศน์ที่วางอยู่ตรงหน้าหวังจะมาราดใส่ข้าวไข่เจียวของโปรดแต่ไรอันกลับแย่งมันไปซะก่อน
ชายหนุ่มเทซอสเป็นรูปหัวใจเหมือนกับวันแรกที่มีรูปหัวใจบนจานข้าวเธอพร้อมกับกระตุกยิ้มมุมปากทำให้เพลงพิณแอบตกใจ เธอมองใบหน้าหล่อเหลาก่อนจะก้มมองจานข้าวตัวเองอีกครั้งพอเห็นไรอันเทซอสทับรูปหัวใจจนมันเสียทรง เด็กสาวจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก คิดว่าไรอันคือคนเดียวกันกับเจ้าของรูปหัวใจนั้น…
“แล้วตกลงจะมาทำงานกับฉันใช่มั้ย” ไรอันถามพลางเทซอสใส่จานของตัวเองบ้าง
“อื้อ…แต่ฉันคงได้ไปแค่วันที่ตารางว่างนะ เพราะฉันกับผักหวานเราเลือกวิชาย่อยต่างกันหน่ะ วันไหนที่ไม่ได้ไปนายก็ให้ผักหวานทำแทนก็แล้วกัน ส่วนวันไหนที่พวกฉันว่างทั้งสองคนก็จะไปพร้อมกัน…” เพลงพิณพูดออกไปเธอเองก็แอบสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าสรุปแล้วไรอันคือเจ้าของรูปหัวใจรึเปล่า แล้วถ้าใช่เขาจะชอบเธอจริงๆหรอ?
“ถ้าวันนี้ว่างก็เริ่มงานได้เลย…เธอยังไม่ลืมใช่มั้ย ว่าเรายังต้องเซ็นข้อตกลงกัน”
“พนักงานของที่นี้ต้องเซ็นข้อตกลงทุกคนเลยหรอ”
“ก็อยู่ที่ว่าพนักงานคนนั้นจะเป็นใครมากกว่า” คำตอบของไรอันทำเอาเพลงพิณพูดอะไรไม่ออก มันดูมีเงื่อนงำให้คิดจนได้ แล้วแบบนี้ผักหวานจะได้ข้อตกลงอะไร แล้วของเธอล่ะ?
“ฉันจะรอดูก็แล้วกัน ว่าข้อตกลงของนายคืออะไร”
“มันไม่เกี่ยวหรอกว่าจะหมายถึงอะไร มันเกี่ยวที่ว่าในเมื่อเธอรับปากแล้วไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธต่างหาก”
“แล้วถ้าฉันปฏิเสธ?”
“ฉันทำได้มากกว่าที่เธอคิดก็แล้วกัน” ไรอันตอบแล้วยื่นหน้าเข้ามาสบตากันไกล้ๆ ทำเอาเพลงพิณแอบนึกกลัวอยู่ในใจ ลำพังแค่เขารู้ข้อมูลเธอขนาดนั้นก็ผิดปกติไปแล้ว แถมยังอยากรับตัวเธอเข้าทำงานที่มีข้อตกลงอะไรอีก…
“พูดมาขนาดนี้แล้ว ฉันคงต้องทำงานกับนายจริงๆ”
“เพราะฉันตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกไง”
“…” มือบางที่กำลังจะตักข้าวเข้าปากหยุดชะงัก ดวงตากลมโตฉายแววสับสน เธอคิดผิดหรือคิดถูกที่ยอมทำงานกับไรอันตั้งแต่แรกถึงมันจะเป็นแค่ร้านเค้กก็เถอะ…
“หวังว่าวันนี้ฉันจะเห็นเธอมาที่ร้านนะ” ไรอันยํ้าอีกที เพลงพิณจึงเงยหน้าขึ้นสบตา เธอกลืนข้าวลงคออย่างยากลำบาก ผู้ชายสองคนที่เข้ามาพัวพันในชีวิตพร้อมกันมันทำให้เธอแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี…
อีกคนก็คลั่งรักจนน่าขนลุก…
อีกคนก็เจ้าเล่ห์ชวนหวาดเสียว…
