ตอนที่ 13 คิดไปเอง
EP13
.
.
.
“เป็นเด็กดีของผมเถอะนะ..” เพลงพิณกล้ำกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก ใบหน้าหวานเบือนหลบไปทางอื่น มิกจึงซุกไซร้ตามลำคอระหงต่อไม่รู้จักเบื่อ...
“หนูเหนื่อย ขอพักก่อนได้มั้ย…” น้ำเสียงอ่อนล้าพูดออกมา มิกจึงหยุดการกระทำแล้วจับใบหน้าหวานหันมาสบตา “นะคะ...”
“เพลงอ้อนแบบนี้ ผมให้พักก็ได้” ชายหนุ่มเอ่ยตอบแล้วช้อนคนตัวเล็กลงจากตัก ก่อนจะค่อยๆวางศีรษะทุยลงที่หมอนใบโต ปิดท้ายด้วยการจูบบนกลีบปากแดงระเรื่อเบาๆแล้วหยัดกายลุกขึ้นเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเดิมขึ้นมาพันท่อนล่าง เดินมุ่งตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า..
เพลงพิณที่มองการกระทำของร่างหนาห่างๆหยิบผ้าห่มผืนนวมขึ้นมาคลุมร่างก่อนจะหันหลังให้ พอชายหนุ่มเลือกทุกอย่างครบก็จัดการแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อย..
“เพลงครับ..พอดีมีเคสด่วนเข้ามาผมต้องรีบไป รอผมหน่อยนะ..”
“ค่ะ...”
ฟอด! มิกเดินกลับมาบอกเธอที่นอนซมบนเตียง แล้วก้มหน้าหอมแก้มเนียนไปเฮือกใหญ่
“เพลงหอมผมหน่อย ผมจะได้มีกำลังใจทำงาน..” เขาเอ่ยบอกเบาๆ เพลงพิณจึงค่อยๆหันหน้ากลับมาแล้วหอมแก้มชายหนุ่มคืนให้มันจบๆไป
ฟอด~
“ถ้าหิวของกินก็อยู่ในครัวนะ...”
“ค่ะ” เพลงพิณขานรับ แล้วมิกจึงเดินไปหยิบมือถือพร้อมกระเป๋าตังขึ้นมา ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“ดะ..เดี๋ยวค่ะ” พอนึกอะไรบางอย่างได้ เพลงพิณจึงเรียกมิกเอาไว้ก่อน ร่างเล็กกระเด้งตัวลุกนั่งบนที่นอน แล้วมองไปที่เขา
“ครับ..?” เธอหอบผ้าห่มเดินลงจากเตียงไปยืนตรงหน้าแล้วช้อนตามองก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา
“วันนี้หนูขอกลับไปเรียนก่อนได้มั้ย..”
“เดินไหวหรอ?”
“เดินไหวค่ะ”
“แต่ตอนเย็นเพลงต้องมาอยู่กับผมนะ”
“อื้อ” ใบหน้าหวานพยักตอบเบาๆถึงจะไม่อยากมาอยู่ที่นี่ก็ตาม เรื่องเรียนสำหรับเธอมันต้องมาก่อนทุกอย่างอยู่แล้ว อีกทั้งยังแอบกลัวคนตรงหน้าอยู่บ้าง แต่อย่างมากเขาคงไม่ใช่พวกฆ่ากรโรคจิตและพลั้งมือฆ่าเธอหรอกมั้ง...
พอลับร่างของมิก เพลงพิณจึงเดินตรงดิ่งไปที่เสื้อเชิ้ตตัวเดิมซึ่งกองอยู่บริเวณโต๊ะ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาสวมพร้อมกับหากางเกงที่พอจะใส่ซ้อนได้ ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเธอจึงเดินลงมาที่ข้างล่างแต่เท้าก็ต้องเบรกกะทันหันเมื่อมิกยังไม่ได้ขับรถออกไป เขายังยืนสูบบุหรี่อิงรถคันหรูอยู่
“คุณ...หนูนึกว่าคุณออกไปแล้ว..”
“ผมรอเพลงอยู่หน่ะ”
“ไหนบอกเคสด่วนไงคะ คุณไปเถอะเดี๋ยวหนูเรียกแท็กซี่ออกไปก็ได้..”
“คนไข้มารถฉุกเฉินยังไม่มาถึงเลยอีกตั้งหลายนาที ผมเลยจะแวะไปส่งเพลงก่อน”
มิกคีบมวลบุหรี่สูบแล้วอัดควันเข้าปอดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะโยนมันทิ้งลงพื้นแล้วใช้เท้าบดขยี้จนเละ มือหนาเอื้อมมาจับมือเธอเดินมาเปิดประตูรถให้ เพลงพิณจึงเข้าไปนั่งข้างใน และเสียงประตูก็ปิดลงตามมาติดๆ มิกเดินอ้อมมาฝั่งคนขับพร้อมกับเริ่มเคลื่อนรถออกจากบริเวณบ้าน...
ท่ามกลางบรรยากาศความเงียบภายในรถทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัดมันมีหลายอย่างที่สงสัยและอยากถามคนข้างกายออกไปมากมาย แต่ความกล้าก็ไม่มากพอจึงได้แต่จิกมือลงที่ต้นขาตัวเอง..
“เพลงมีอะไรอยากถามผมรึเปล่า”
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“มีอะไรก็ถามผมมาเลยนะ อะไรที่ตอบได้ผมจะตอบ”
“คือ...เมื่อคืนคุณพาหนูมาอยู่ที่นี้ใช่มั้ยคะ”
“ก็ผมอยู่กับเพลงสองคน หรือเพลงคิดว่าใคร?” มิกกระตุกยิ้มขึ้นมา เมื่ออาการของคนข้างกายลนลานแปลกๆ เพลงพิณเพียงแค่ไม่อยากจะเชื่อว่าสติของเธอมันจะหมดไปหลายชั่วโมงขนาดนั้นได้ยังไงงั้นทั้งที่เมื่อคืนไม่ได้เมาขนาดนั้น แค่ร่างกายเพลียๆ แล้วถ้ามิกพาเธอมาที่นี้เธอก็ควรจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้าง..
“หนูแค่สงสัยทำไมไม่รู้สึกตัวอะไรเลย”
“เพลงหลับสนิทเลย ผมปลุกก็ไม่ตื่น เลยไม่อยากกวน”
“...แล้วเรื่องรหัสมือถือ”
“ผมแอบสังเกตเพลงหน่ะ ขอโทษนะครับที่ถือวิสาสะเปิดโทรศัพท์เพลง” มิกพูดออกมาในขณะที่สายตาเพ่งมองท้องถนนตรงหน้า แอบสังเกตเห็นงั้นหรอ ตอนไหนกันนะ อยู่ด้วยกันทีไรเธอแทบจะไม่เคยยกมือถือขึ้นมาเล่น แล้วเขาแอบเห็นตอนไหน?
“ค่ะ..” เธอตอบทั้งๆที่รู้ว่ายังไงมิกต้องโกหก สิ่งที่เธอรู้ตอนนี้เขาไม่ธรรมดาแน่นอน ไหนจะเรื่องที่อยู่ของเธออีก เขามาดักรอถูกห้อง และเข้าไปข้างในโดยไม่มีกุญแจ ยิ่งคิดสมองมันก็ยิ่งตีวนกันจนอาการปวดหัวตีวนขึ้นมาในกระทันหัน..
…
หอพักเพลงพิณ...
กึก...
พอถึงจุดมุ่งหมายเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษา มือบางก็เอื้อมไปเปิดประตูแต่มิกกลับล็อกมันเอาไว้อยู่ เธอจึงหันไปมองคนข้างกายด้วยความสงสัย..
“เอ่อ…ขอบคุณค่ะที่มาส่ง แต่ช่วยเปิดประตูรถให้หนูด้วย”
“เพลงขอบคุณผมเหมือนแฟนเขาทำกันหน่อยสิ..”
“แต่ตอนอยู่บ้านคุณหนูหอมไปแล้วนะ”
“เมื่อเช้าหอมแล้ว ตอนนี้จุ๊บ..”
“ห้ะ..” มิกเอามือแตะที่ริมฝีปากตัวเองแล้วยื่นใบหน้าเข้าไปไกล้ๆรอให้เพลงพิณจุ๊บปากส่วนคนที่กำลังไม่เข้าใจอยู่หลับตาแน่นแล้วยื่นใบหน้าเข้าไปจุ๊บเพียงแวบเดียว “หนู จุ๊บแล้ว เปิดประตูด้วย”
“ครับ..” มิกยิ้มอ่อนๆออกมาแล้วเปิดประตูรถให้เธอ ร่างเล็กจึงรีบเดินออกมาแล้ววิ่งเข้าไปในหอ แต่กลับเบรกร่างกายเอาไว้แทบไม่ทันเมื่อป้าเจ้าของหอเดินออกมาขวาวทางเอาไว้ด้วยรอยยิ้มชวนหลอน
“แฟนมาส่งหรอจ้ะ”
“เอ่อ คนรู้จักน่ะค่ะป้า”
“แต่เมื่อคืนเขามาขอให้ป้าไปเปิดห้องหนูให้ เขาบอกว่าเป็นแฟนหนูนะ..”
“เมื่อคืน...เขามาขอให้ป้าเปิดห้องหนูให้?”
“ใช่จ้ะ”
“เอ่อ...ถ้าไม่มีอะไรแล้วหนูขอตัวก่อนนะคะต้องรีบไปเรียน” เพลงพิณตัดบทขึ้นมาดื้อๆแล้วหันกลับไปมองท้ายรถ ก่อนจะรีบเดินขึ้นไปในห้องตัวเองแล้วแต่งตัวออกไปมหาลัย ด้วยการโบกรองพื้นทับรอยดูดที่คอแล้วปล่อยผมลงมาคลอเคลียไม่ให้เป็นที่สังเกต...
ในขณะที่มิกขับรถมาถึงโรงพยาบาลก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนไข้ที่ประสบอุบัติเหตุลงมาจากรถฉุกเฉิน ชายหนุ่มวิ่งไปดูคร่าวๆแล้วใช้นิ้วแตะที่ชีพจร...
“เร็วกว่านี้ครับ ร่างกายของคนไข้เริ่มตอบสนองช้าลงเรื่อยๆแล้ว” เขาเอ่ยบอกแล้วเร่งรีบไปดักรอที่ห้องฉุกเฉินพร้อมกับพยาบาลเฉพาะทางที่ทุกคนต่างสารวลเตรียมการผ่าตัด ก่อนจะสวมถุงมือยางเป็นสิ่งสุดท้าย ในวินาทีต่อมาคนไข้ก็เข้ามาอยู่ในห้องและถูกย้ายขึ้นมาบนเตียง
ประตูห้องผ่าตัดถูกปิดลงพร้อมกับจอแสดงผลของอัตราการเต้นหัวใจ หรือระดับชีพจรที่บ่งบอกว่าอยู่ในระดับเท่าไหร่ มิกหยิบจับอุปกรณ์จากพยาบาลที่คอยเป็นคนช่วยรับคำสั่ง สีหน้าของทุกคนต่างเคร่งเครื่องเพราะอาการสาหัสเกินกว่าจะเยียวยาทวาขนไข้ยังมีลมหายใจอยู่ หน้าที่ของแพทย์คือต้องช่วยอย่างเต็มสุดความสามารถ…
ร่างของคนไข้เต็มไปด้วยคราบเลือดชวนสะอิดสะเอียน เขาประสบอุบัติเหตุทางรจักรยานยนต์แต่ยังสวมหมวกกันน็อกอยู่ สมองเกิดการกระทบกระเทือนเลือดคลั่งในสมองและกระดูกส่วนล่างของร่างกายหักหลายชิ้นส่วน...
หลายชั่วโมงผ่านไป...
ตี้ด.....
“คุณหมอคะ ชีพจรหยุดเต้นแล้วค่ะ” เสียงของพยาบาลสาวเอ่ยบอกในขณะที่การผ่าตัดเสร็จสิ้นไปที่เรียบร้อย มิกเหลือบมองจอฉายผล มือหนาคลำที่แขนคนไข้ สัญชาตญาณบอกให้เขาสั่งพยาบาลหยิบเครื่องปั๊มหัวใจมาให้..
“ผมขอเครื่องปั๊มหัวใจด้วย”นี้เป็นทางสุดท้ายกับการผ่าตัดครั้งนี้ มิกรวบรวมสติทั้งหมดแล้วเริ่มทำการปั๊มหัวใจจนผ่านมาถึงครั้งสุดท้าย ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายที่คนไข้รายนี้จะรอด
“พร้อมนะคะ”
“…” มิกพยักหน้าตอบ “หนึ่ง สอง สาม...”
ฟึบ !
ตี้ด.......
“ชีพจรกลับมาแล้วค่ะคุณหมอ..” ทุกสายตาหันไปมองที่จอแสดงผลปรากฏการกลับมาของชีวิตคนไข้ ทุกคนยิ้มออกมาด้วยความดีใจและหันไปมองที่ดอกเตอร์หนุ่ม..
“จัดการต่อด้วยนะครับ คนไข้รอดแล้ว”
“ค่ะคุณหมอ” พอเสร็จภารกิจมิกก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด ก่อนจะพบกับญาติคนไข้ที่ยืนรอด้วยหยาดน้ำตา เพราะโอกาสรอดของคนที่พบเห็นบอกว่าคนไข้รายนั้นมีโอกาสรอดแค่นี่สิบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งถ้ารอดขึ้นมาถือว่ามีปฏิหาริย์เกิดขึ้น...
“คุณหมอคะ น้องชายดิฉันเป็นยังไงบ้าง..”
“ยินดีด้วยนะครับ คนไข้ปลอดภัยแล้ว” พอได้ยินคำตอบญาติของผู้ชายคนนั้นก็ต่างร้องให้ออกมาด้วยความดีใจแล้วเดินเข้ามายกมือไหว้ดอกเตอร์หนุ่มด้วยความซาบซึ่ง...
“ขอบคุณนะคะคุณหมอ...ฮึก...ขอบคุณจริงๆ”
“หมอยินดีครับ..” สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พยาบาลสาวๆที่อยู่แถวนั้นแอบยกมือถือขึ้นถ่ายคลิปแล้วเผยแพร่ลงโซเชี่ยล
“นี้แกๆ...ดอกเตอร์มิกสร้างปาฏิหาริย์อีกแล้ว”
“เออ...ฉันรู้แล้วย่ะ แบบนี้เราต้องประกาศให้โลกรู้ว่าโรงพยาบาลของเรามีคุณหมอที่เก่งขนาดนี้ ทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งเก่งทั้งใจดี แถมยังโสดทำไมคุณหมอไม่ย้ายเข้ามาอยู่ที่แผนกของเรานะ ไปอยู่ทำไมแผนกจิตเวชก็ไม่รู้”
“แต่ที่แผนกนั้นแต่ฉันก็ได้ยินมาว่าคุณหมอปราบเรียบทุกรายเลยนะ คนอะไรไม่รู้เก่งไปหมด ดีนะที่คุณหมอคอยรับช่วยเคสด่วนบ่อยๆฉันถึงได้มีบุญตากับเขาบ้าง”
…
“นี้แกพักอยู่ที่นี้จริงๆหรอ มันดูเหมือนไม่มีคนเลยอ่ะ” ผักหวานถามออกไปในขณะที่เดินเกาะหลังเพื่อนสาวเดินเข้ามาในหอพักของเพลงพิณ
“อื้อ...แล้วนี่จะเกาะฉันอีกนานไหมเนี่ย”
“จนกว่าจะถึงห้อง”
“ปล่อยได้แล้ว ไม่มีอะไรหรอก”
“ปล่อยก็ได้...” ผักหวานปล่อยมือจากไหล่บางแล้วเปลี่ยนเป็นควงแขนแทน เพลงพิณจึงหลุดยิ้มออกมา ก่อนจะเดินมาเรื่อยๆและถึงห้องพักในที่สุด เธอจึงมาหยิบกุญแจและไขเข้าไปในห้อง
“ถึงแล้ว” พอมาถึงข้างในสายตาของผักหวานก็กวาดมองรอบๆห้องมองหาอะไรบางอย่าง ก่อนสีหน้าตกใจจะผุดขึ้น...
“เห้ย!”
“มีอะไรรึป้าวผักหวาน”
“นี้แกไม่มีของกินตุนไว้เลยรึไง”
“โอ๊ย...นึกว่าเรื่องอะไร ตกใจหมดเลย”
“แฮร่...”
“พอดีฉันไม่ได้ซื้อมาตุนไว้หน่ะ”
“งั้นรออยู่ในนี้ เดี๋ยวฉันจะแง๊นมอไซไปซื้อมาม่าแล้วก็ขนมมา เพราะนี้คืออาหารเย็นของเรา โอเคมั้ย” ผักหวานพูดออกมาแล้ววางกระเป๋าลงบนที่นอน ก่อนจะหยิบแบงค์ร้อยออกมา “ว่าแต่แกจะเอาไรเพิ่มป่ะ เดี๋ยวเจ๊เลี้ยงเอง”
“เอามาเหอะกินได้หมดแหละ”
“งั้นฉันไปก่อนนะ”
“อื้อ”
พูดคุยกันเสร็จผักหวานก็เดินออกจากห้องไป เพลงพิณจึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียง วันนี้ผักหวานขอมาค้างด้วยคืนนี้เธอเลยตอบตกลงเพราะต้องการใช้เป็นข้ออ้างไม่ให้มิกมาหาและลากเธอไปอยู่ด้วยพอนอนไปมากี่นาทีเสียงประตูก็ดังขึ้น
แกร๊ก!
“ไหนบอกว่าออกไปข้างนอกไง ทำไมมาเร็วจัง” เพลงพิณที่ไม่รู้ว่าใครเปิดประตูเข้ามาถามออกไป
“ผมเอง” มิก้าเดินเข้ามาในห้องเธอด้วยสีหน้าสงสัย “เพลงพาใครเข้าห้อง?”
“ผักหวานเพื่อนหนูเองค่ะ เธอออกไปซื้อขนมอยู่ เธอจะมาค้างกับหนูคืนนี้..”
“ไหนบอกจะอยู่กับผมไง..” มิกเดินเข้าไปสวมกอดนตัวเล็กแล้วซบหน้าลงที่ไหล่มนด้วยอาการเหนื่อยล้าจากการผ่าตัดมาหลายชั่วโมง
“เอ่อ คุณกลับไปเถอะค่ะ” มือบางพยายามดันคนตัวโตออก ใบหน้าหล่อเหลาจึงเจื่อนลงในทันใด เขาแค่อยากอยู่กับหญิงสาวและขอกำลังใจเป็นอ้อมกอดอุ่นๆ แต่เธอกลับพาเพื่อนมานอนด้วยและหาข้ออ้าง... “วันนี้หนูไม่ว่างจริงๆ”
“เพลงไม่คิดบ้างเลยหรอว่าผมจะรู้สึกยังไง..” มิก้าผละอ้อมกอดออก สายตาจ้องมองเธออย่างต้องการคำตอบ “ผมรู้แล้ว ผมไม่ได้สำคัญกับเพลงขนาดนั้น เหมือนที่เพลงสำคัญกับผมใช่มั้ย..”
.
.
.
Next...
“ทีนี้รู้รึยัง เข้าผ่าตัดตั้งหลายชั่วโมง แถมเคสยังหนักอีก หัวข่าวก็บอกว่าโอกาสแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์แต่ดอกเตอร์กลับสร้างปาฏิหาริย์ขึ้น เขาคงเหนื่อยและอยากได้กำลังใจจากแกจริงๆ แหละ…”
