อีโนร่า
รถม้าของอิทธิก็มาถึงเมืองเล็ก ๆ ระหว่างทางแม็คเทียจึงให้หยุดแวะพักชั่วคราว รถม้าของอิทธินับว่าโดดเด่น สะดุดตาอย่างมาก รถม้าที่หรูหรากับเขตสงครามมันดูไม่ค่อยเข้ากันนักทำให้ชาวบ้านต่างให้ความสนใจ
" ท่านครับ เราพักกันที่นี้สักครู่ก่อนนะครับ "
แม็คเทียเดินมาข้างประตูแล้วพยายามเรียกอิทธิแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ
" ผมขออนุญาตินะครับ "
แม็คเทียเปิดประตูรถม้าออกช้า ๆ แล้วอิทธิที่นอนหลับพิงประตูอยู่ก็ร่วงลงมากจากรถ ตกลงมาเสียงดังทำเอาทหารทุกคนต่างตกใจกันอย่างมาก โดยเฉพาะแม็คเทียที่เป็นคนเปิดประตู
" โอ๊ย อะไรวะ ใครกันวะ คนกำลังนอนอยู่นะเว้ย "
ตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างจังทำเอาอิทธิถึงกับมึนหัวไปหมด
" ท่านครับ ผมขออภัยด้วยครับ ผมไม่ทราบว่าท่านพิงอยู่กับประตู "
แม็คเทียรีบอธิบายอย่างลนลาน เขากลัวว่าอิทธิจะลงโทษ
" เออ ๆ ช่างมันเถอะ แล้วนี้เราอยู่ไหนกันแล้วถึงโควาสแล้วหรือ ? "
อิทธิเข้าใจว่าแม็คเทียคงไม่ได้ตั้งใจ เป็นเขาที่เผลอหลับแล้วไม่ได้ยินอีกฝ่ายดังนั้น ความผิดก็หายกันไป
" ครับ เรายังไม่ถึงโควาส ผมคิดว่าเราแวะพักที่นี้กันก่อนจะดีกว่า ท่านคงใกล้หิวแล้ว "
เมื่อเห็นว่าอิทธิไม่เอาเรื่องเขา แม็คเทียมีสีหน้าที่ดีขึ้นและพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย พวกเขาเดินเข้าไปในร้านอาหารหวังว่าจะฝากท้องที่นี้สักมื้อ
ในร้านก็เรียบง่ายเป็นร้านธรรมดา มีโต๊ะอยู่เจ็ดแปดตัวตอนมาถึงร้านมันก็ใกล้ค่ำแล้วทำให้คนในร้านค่อนข้างเยอะ แม็คเทียก็ไปจัดการจองโต๊ะให้พวกเขา เมื่อได้โต๊ะแล้วบริกรก็ให้เมนูอาหารกับพวกเขาซึ่งมันก็ปกติดีแต่สิ่งที่ไม่ปกติก็คืออิทธิไม่รู้จักอาหารสักอย่างในเมนูเลยไม่รู้ว่าอะไรคืออะไร จึงได้แต่อึก ๆ อัก ๆ จนคนอื่นสั่งไปหมดแล้วเหลือแค่อิทธิคนเดียวที่ยังดูเมนูอยู่
" ท่านครับ ไม่มีที่ถูกใจหรอครับ "
เมื่อเห็นว่าอิทธิไม่สั่งอาหารสักที่ เขาก็เริ่มหนักใจคิดว่าอาหารที่นี้อิทธิจะไม่ชอบ
" ป่าว ๆ เอาตามนายแล้วกัน "
เมื่อไม่รู้จะสั่งอะไรก็สั่งตามคนอื่นเอาซะเลย เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อย อิทธิก็นั่งมองไปรอบ ๆ ร้านส่วนคนอื่นก็คุยกันไป อิทธินั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศในร้านอาหารซึ่งตกแต่งได้ดีเหมือนกับอยู่ในร้านอาหารยุโรปที่ราคาไม่แพงนัก แต่เหมือนความสุขนั้นสั้นนัก เมื่อมีทหารกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน แล้วก็นั่งโต๊ะที่อยู่ถัดไปสองสามตัวทหารกลุ่มนั้นพูดคุยกันอย่างสนุกสนานหัวเราะกันเสียงดัง กลุ่มของอิทธิก็เห็นพวกเขา ทหารกลุ่มนั้นก็เห็นอิทธิแต่ก็เหมือนจะผ่าน ๆ กันไป
หลังจากนั่งรอสักพัก อาหารก็มาเสริฟอิทธิเลิกให้ความสนใจสิ่งโดยรอบมาจดจ่อกับอาหารที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าสั่งอะไรมา แต่จากที่ดูมันเหมือนขาแกะ ซึ่งดูเหมือนว่าจะใช่ ตอนแรกอิทธิก็ยังไม่กล้ากินจด ๆ จ้อง ๆ กับอาหารในจานอยู่ ก็มีเสียงผู้หญิงพูดขึ้นข้าง ๆ เขาซึ่งทำให้อิทธิสะดุ้งโหยง
" ถึงจ้องไปมันก็ไม่อิ่มหรอกนะ "
เสียงเล็กแหบ ๆ พูดขึ้นทำเอาคนทั้งโต๊ะหันไปหาต้นเสียง เจ้าเสียงเป็นผู้หญิงสั้นที่มีสีดำราวกับหมึกพู่กัน ไปหน้าที่แหลมเล็ก ดวงตากลมโตที่ดูดุดัน จมูกที่ได้รูป รับเข้ากับใบหน้าได้เป็นอย่างดี ปากที่เรียวเล็กที่ทาลิปสติกสีแดง ทำให้เธอดูมีเสน่ห์แต่ก็แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ ถึงจะสวยงามแต่ก็ดูอันตรายเธอสวมชุดเจ้าหน้าที่ทหารสีดำแดงได้รูปรับกับรูปร่างของเธอเป็นอย่างดี ถึงชุดเครื่องแบบสีดำแดงจะดูไม่เหมาะกับผู้หญิงเท่าไรแต่กับผู้หญิงคนนี้บอกได้เลยว่าเข้ากันจริง ๆ
ทุกคนบนโต๊ะล้วนเหม่อมองผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ รวมกับต้องมนต์
" หน้าของฉันมันกินไม่ได้หรอกนะ "
เธอพูดเมื่อทุกคนต่างจ้องมองเธอเป็นตาเดียว ทำให้ทุกคนรู้ตัวว่าเสียมารยาท ต่างก็หลบตาคงมีเพียงอิทธิที่ยังคงมองเธออยู่และยิ่งมองก็ยิ่งขมวดคิ้ว เมื่อเห็นอย่างนั้นหญิงสาวก็จ้องอิทธิกลับ
" คุณมองหน้าฉันแล้วขมวดคิ้วแบบนั้น หมายความว่ายังไง "
กลายเป็นเกมแข่งกันจ้องหน้าอีกฝ่ายอยู่พักหนึ่งทำเอาคนที่ร่วมโต๊ะด้วยทำอะไรไม่ถูกเลย
" เออ คุณผู้หญิงครับเชิญนั่งก่อนสิครับ "
แม็คเทียเชิญผู้หญิงคนนั้นนั่งทั้ง ๆ ที่โต๊ะเต็มแล้ว เขาแก้ไขโดยไล่ให้คนในโต๊ะลุกออกไปแล้วให้เธอนั่งแทน แต่ดูเหมือนความสนใจของเธอจะอยู่ที่อิทธิไปซะแล้ว
" คุณจะจ้องหน้าฉันอย่างนี้ไปทั้งวันเลยงั้นหรอ "
เสียงเล็ก ๆ ที่แหบพร่าที่ทำคนฟังจั๊กจี้ที่หนู เลิกจ้องหน้าแล้วนั่งลงร่วมโต๊ะกับพวกเขา ส่วนทหารที่ลุกไปก็ต้องระเห็จยกจานของตนไปกินที่อื่น
" ผมชวนคุณนั่งแล้วหรอ "
อิทธิพูดขึ้นเมื่อเห็นเธอกำลังจะนั่ง
" ยัง แต่เขาชวน "
หญิงสาวตอบอย่างตรงไปตรงมา พร้อมชี้ไปที่แม็คเทียที่เป็นคนเชิญ อิทธิหันไปมองแม็คเทียอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะหันกับมามองที่เธออีกครั้ง
" ที่คุณมาคงมีธุระมาคุยละสิ "
อิทธิย่อมรู้อยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา คงจะผิดแปลกเกินไปถ้าจะมีผู้หญิงลักษณะท่าทางแบบเธออยู่ดี ๆ ก็เดินมาทักคุณถ้าไม่มีธุระด้วย
" ตรงประเด็นดี นี้จดหมาย "
เธอวางจดหมายที่เหมือนกับของแม็คเทียลงบนโต๊ะก่อนยื่นมันให้กับเขา
" ส่งตรงจากกระทรวงการสงคราม "
และที่มาของมันก็เหมือนกันด้วย แต่กดที่อิทธิจะรับมันมา
" ฉันถูกส่งมาในฐานะผู้ตรวจสอบการปฎิบัติหน้าที่ของคุณ "
พอเธอพูดอย่างนั้น อิทธิก็พอเข้าใจเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้แล้ว
" ดูถ้าอำนาจที่ให้ผมมามันไม่ง่ายซะแล้วสิ "
อิทธิคว้าจดหมายขึ้นมา แต่ไม่ได้เปิดอ่านหันไปสบตาที่ดูเฉียบคมราวกับมันพยายามอ่านใจคนที่มันมอง
" ไม่มีของฟรีอยู่แล้ว คุณเองก็น่าจะรู้ดี "
เธอพูดตรงกับใจของอิทธิ ตั้งแต่ได้รับมอบอำนาจก็มีเรื่องหลายอย่างที่เขาคิดในใจ คงไม่มีใครโง่พอที่จะมอบอำนาจมากมายขนาดนั้นให้กับคนที่คุณไม่รู้จักง่าย ๆ แน่
" แล้วขอบเขตของคุณอยู่ตรงไหนละ "
" ทุกอย่าง ทุกการกระทำทุกคำสั่งที่คุณสั่งออกไปจะถูกส่งไปพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่ "
" ถ้างั้นก็เข้าใจแล้ว คุณถูกส่งมาคุมผมว่าผมทำตามคำสั่งหรือไม่ ถ้าไม่ทำตามก็คงลงโทษและปลดผมใช่ไหม "
" ก็คงอย่างนั้น "
เธอราวกับมันเป็นเรื่องธรรมดาของเธอเลย
" แล้วผมทำอะไรได้บ้าง "
อิทธิทิ้งตัวพิงไปกับเก้าอี้ในใจก็ได้แต่นึกว่า ตอนนี้เขาคงอยู่ในเกมของใครสักคน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรและทำไม เขาต้องหาทางออกไปจากเกมนี้ให้ได้
" ไม่ต้องก็แค่ทำตามคำสั่งก็พอ "
เมื่อได้ฟังอิทธิก็ลุกขึ้น
" จะพยายามละกัน ผมทำตามคำสั่งคนอื่นไม่เก่งซะด้วยสิ "
" เดียวเราก็คงได้เห็นกัน "
เธอพูดราวกับมันเป็นเรื่องสนุก อิทธิก็สั่งให้พวกเขาออกเดินทางไปต่อ ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้กินอะไรแม็คเทียที่นั่งเงียบมาตลอดก็เรียบลุกขึ้นเดินนำไปที่รถม้า
" คงจะได้เจอคุณไปอีกนานเลยสิ "
อิทธิพูดทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากร้าน เมื่อเขาขึ้นไปบนรถม้า เขาก็ได้แต่คิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี
' ตอนนี้อย่างแรกต้องรีบจัดการข้าศึกพวกนั้นให้ได้ เพื่อที่จะได้ไม่มีพันธะอีก '
ระหว่างคิดแผนการต่าง ๆ ประตุรถม้าก็เปิดออก
" แม็คเทีย เดียวเร... "
เมื่อหันไปมองกับไม่ใช่แม็คเทียที่เปิดประตูเข้ามา แต่เป็นหญิงสาวในร้านอาหารเดินขึ้นมานั่งบนรถม้า ทำเอาอิทธิมึนงง
" เจอกันอีกแล้ว คำลามะกี้พูดได้เท่ดีนะ "
ยังไม่ทันได้นั่งดีเธอก็พูดแซวอิทธิก่อนเลย
" เดียวก่อนหมายความว่ายังไง "
อิทธิชักงักไปชั่วครู่ ก็เกิดความคิดที่ทำเอาเขาหน้าถอดสีไม่น้อย
" ก็อย่างที่คุณบอกเราต้องเจอกันอีกนาน "
ด้วยเสียงแหบ ๆ ราวกับทำให้อากาศบนรถหนาวเย็น
" แต่ก็ไม่นึกว่าจะได้เจอกันไวขนาดนี้ "
กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อนึกถึงการตรวจสอบเขาก็คิดว่าจะมาตรวจสอบเป็นครั้งคราวแต่นี้ดูเหมือนเธอจะต้องตามติดเขาไปทุกที่เลยทีเดียว
" ก็คุณไม่อ่านจดหมายเอง มันเขียนอธิบายไว้ในนั้นแล้ว "
เธอพูดเหมือนเป็นความผิดอิทธิ รอยยิ้มที่ดูเหมือนกำลังหัวเราะเล็ก ๆ ทำเอาอิทธิหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย เขาไม่ค่อยชอบเธอเท่าไร ผู้หญิงคนนี้ดูจะเป็นตัวอันตรายทีเดียว
" คุยกันมาตั้งนานแล้ว ไม่คิดจะแนะนำตัวก่อนหรือไง "
อิทธิที่ไม่ค่อยชอบเธอ ทำให้เขาแสดงออกกับเธออย่างเย็นชา
" คำพูดนี้ควรเป็นของผู้หญิงมากกว่า ตามมารยาททางสังคมผู้ชายควรแนะนำตัวเองกับฝ่ายหญิงก่อนไม่ใช่หรอกหรอ "
เป็นคำย้อนที่ดูเจ็บแสบไม่เบา แต่ดูเหมือนจะทำอะไรอิทธิไม่ได้
" การที่คุณมาหาผมได้ถึงนี้ คงจะรู้เรื่องราวของผมเป็นอย่างดีแล้ว การบอกชื่อคงไม่จำเป็นแล้ว "
" คุณนี้ขี้โมโหจริง ๆ ฉัน อีโนร่า "
เธอแนะนำตัวอย่างสั้น ๆ ง่าย ๆ
" อีโนร่า เฉย ๆ ไม่มีนามสกุลหรือไง แค่อีโนร่าเท่านั้น "
อิทธิกล่าวทวน ดูเหมือนเธอก็คงไม่ค่อยชอบเขาเท่าไรนัก
" แค่อีโนร่าเฉย ๆ คุณรู้แค่นั้นก็พอ "
การแนะนำตัวของเธอทำเอาเขาหงุดหงิดไม่น้อย ดูถ้ากว่าจะจบเรื่องนี้เขาคงต้องปวดหัวไปอีกนานกับผู้หญิงคนนี้แน่
หลังการแนะนำตัวเสร็จทั้งสองก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรคุยกัน พอรถม้าออกเดินทางคงมีแต่เสียงล้อที่กระทบหินที่ดังออกให้ได้ยิน นอกจากจะตั้งใจฟังคงได้ยินเสียงลมหายใจของทั้งสองดังสลับกันไปมา อิทธิที่ไม่มีอะไรทำก็เอาแต่นอน ส่วนอีโนร่าก็นั่งอ่านหนังสือของเธอด้วยแสงไฟจากตะเกียง ด้านนอกมืดลงพวกเขาเดินทางไปตามถนนที่ถูกกลืนไปกับความมืด
แล้วจู่ ๆ อิทธิที่นอนหลับตาอยู่ก็พูดออกมา
" คุณอีโนร่า คุณทำงานให้กับกระทรวงการสงครามอย่างนั้นหรอ "
อีโนร่าที่สนใจจดจ่ออยู่กับหนังสือ ก็เงยหน้าขึ้นมามองอิทธิก่อนจะตอบ
" ก็ไม่เชิงซะทีเดียว "
คำตอบของเธอทำเอาอิทธิต้องลืมตาขึ้นมา
" หมายความว่ายังไงที่ว่าไม่เชิงซะทีเดียว "
" ถ้าคุณทำงานอยู่ในเมืองหลวงคงจะเข้าใจไม่ยาก ฉันทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองภายใน "
อีโนร่าเก็บหนังสือแล้วหันมาคุยกับอิทธิอย่างจริงจัง
" หน่วยข่าวกรองภายใน? แบบสายลับอย่างนั้นหรอ "
เมื่อได้ฟังว่าอีโนร่าเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรอง ก็ทำเอาอิทธินึกไปถึงหนังสายลับที่เขาเคยดูขึ้นมา
" สายลับ? "
อีโนร่าไม่เข้าใจในสิ่งที่อิทธิพูด ทำให้อิทธิต้องอธิบายให้เธอฟังใหม่
" แบบคนที่คอยทำงานเก็บข้อมูลหรือลอบสังหารคนแบบไม่ให้ใครรู้นะ "
อิทธิก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเหมือนกัน
" หมายถึงพวกใต้ดินสิใช่ไหม "
" อ่า...ใช่ ๆ พวกใต้ดินนั้นแหละ "
อิทธิได้แต่แปลกใจที่นี้เขาไม่ใช่คำว่าสายลับกันซะอย่างงั้น
" ก็พอมีบ้าง แต่ตอนนี้ฉันย้ายมาทำงานนั่งโต๊ะแล้ว "
เมื่อได้ยินอย่างนั้นอิทธิก็ถึงได้ทราบว่าทำไมเธอถึงดูร้ายกาจไม่ธรรมดา เพราะเธอเคยเป็นเจ้าหน้าที่สายลับมาก่อนนี้เอง
" คุณเคยเป็นสายลับ เอ้ย พวกใต้ดินมาก่อนงั้นหรอ "
ด้วยความอยากรู้ ใครกันในชีวิตจะมีสายลับหญิงแสนสวยมาให้นั่งคุยด้วยบ่อย ๆ ทำให้อิทธิเริ่มสนุกที่จะคุยกับเธอ
" ฉันคงบอกคุณไม่ได้ ฉันว่าคุณคงเข้าใจ "
เมื่อเธอพูดอย่างนั้นทำเอาอิทธิเซงเลย เขาจึงเปลี่ยนเรื่อง
" เอาเถอะ งั้นกลับมาที่เรื่องหน่วยข่าวกรองภายในของคุณกัน "
อิทธิถามด้วยความอยากรู้เขาดูสนุกที่ได้ถาม
" หน่วยข่าวกรองภายในของฉันเป็นส่วนหนึ่งกับกระทรวงการสงครามก็จริง แต่ไม่ได้ขึ้นตรงกระกระทรวง "
อีโนร่าก็ตอบอย่างไม่ปิดบัง แถมยังสนใจอิทธิที่เขาเป็นคนสนใจใคร่รู้ซะเหลือเกิน
" ที่คุณจะบอกก็คือถึงจะอยู่ในกระทรวงการสงคราม แต่คุณทำงานให้คนอื่นใช่ไหม "
อิทธิถามต่อด้วยความเข้าใจของเขา
" จะว่างั้นก็ได้ "
เธอตอบแล้วจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักไปกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของอิทธิ
" ถ้าอย่างนั้น คุณทำงานให้ใคร? "
จากที่ดูสนุกสนานราวกับเด็กที่ได้ถามนั้นถามนี้ กับเป็นน้ำเสียงที่ดูเย็นเยือกและคุกคาม ราวกับเขาต้องการเค้นความจริงจากเธอให้ได้ หนังสือที่ถูกเปิดก็ถูกปิดลงอีกครั้ง แล้วหันมาสบตากับอิทธิราวกับกำลังอ่านความคิดและสิ่งที่อยู่ในใจของกันและกัน กลายเป็นสงครามประสาทเล็ก ๆ ระหว่างคนสองคน
" ก็ลองเปิดจดหมายอ่านดูสิ คนนั้นแหละที่ฉันทำงานให้ "
อีโนร่าตอบกลับอิทธิอย่างชิว ๆ สบาย ๆ ราวกับไม่รู้สึกถึงแรงคุกคามของอิทธิ คำตอบของเธอราวกับไม่เป็นที่พอใจของเขา อิทธิจึงได้ถามใหม่อีกครั้ง
" ผมพูดถึงคนที่คุณทำงานให้จริง ๆ "
ราวกับทั้งคู่กำลังเล่นเกมอะไรบางอย่างกัน
" เรื่องนั้นฉันก็ตอบคุณไปแล้ว ฉันจะไม่พูดซ้ำอีก "
อีโนร่าเลิกสนใจอิทธิแล้วคว้าหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน ปล่อยให้อิทธินั่งมองเธออ่านหนังสือ
เกมนี้ดูเหมือนเขาจะเป็นฝ่ายแพ้ การเค้นข้อมูลจากเธอคงเป็นไปได้ยาก อีโนร่าคงไม่เปิดปากบอกว่าเธอทำงานให้ใครง่าย ๆ อิทธิจึงได้แต่ยอมถอดใจ ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปอีกครั้งแทน ความเงียบปกคลุมรถม้าอีกครั้ง ทิ้งให้บรรยากาศแสนอึดอัดที่เกิดขึ้นเมื่องี้ให้จางหายไปราวกับไม่เคยเกินขึ้นมาก่อน
