พลทหารที่ทรงอำนาจที่สุด
หลังจากการต่อสู้ อิทธิและคนของเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรักษาคนบาดเจ็บและเครียร์ศพบนถนน จัดพิธีศพให้กับคนที่เสียสละชีวิตในการต่อสู้ คนที่วิ่งวุ่นที่สุดคงเป็นอาเธอร์ที่ต้องคอยทำนั้นทำนี้ให้อิทธิกลายเป็นเลขาส่วนตัวไปเลยก็ว่าได้
อิทธิที่กลายเป็นผู้รับผิดชอบหมู่บ้านเต็มตัว ก็เป็นเหมือนพนักงานออฟฟิศไปซะแล้วต้องคอยนั่งเขียนเอกสาร คุยกับคนนู้นทีคนนี้ทีซึ่งทำให้เขาเบื่อซะเหลือเกิน
" อาเธอร์ฝากเคลียร์เอกสารที่เหลือด้วย เดียวฉันขอตัวออกไปเดินเล่นสักหน่อย ให้ลมมันปะทะหน้าสักหน่อยอุดอู้อยู่ในนี้ทั้งวันแล้ว "
อิทธิชิ่งหนี้ออกไปทิ้งให้อาเธอร์ทำงานไปคนเดียว
" แต่..เดี่ยวครับ เอกสารพวกนี้คุณต้องเซ็นต์ก่อนนะ... "
ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ อิทธิรีบหนีออกมาจุดมุ่งหมายที่เขาจะไปคือโรงเรียนในหมู่บ้าน ซึ่งเขาได้รู้ว่ามันมีโรงเรียนเล็ก ๆ ตั้งอยู่ก็ตอนที่ได้รับตำแหน่ง อาจารย์ที่ดูแลก็โรงเรียนอยู่ต้องการให้เขาย้ายเด็ก ๆ ไปหลบในที่ปลอดภัยทำให้อิทธิได้รู้ว่าหมู่บ้านนี้มีโรงเรียนอยู่ด้วย ในตอนแรกอิทธิก็แค่นาน ๆ ที่จะแวะไป แต่หลัง ๆ มาเขาก็แวะไปบ่อยจนเหมือนเป็นนักเรียนที่นั้นด้วยอีกคน เขามักจะเข้าไปนั่งฟังการเรียนการสอนพร้อมเด็ก ๆ ด้วย
การไปโรงเรียนของอิทธิย่อมมีเหตุผลตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาในโลกใหม่นี้ เขารู้เกี่ยวกับมันน้อยมากมาถึงก็ต้องไปร่วมการต่อสู้โดยไม่รู้เรื่องรู้ราว ดังนั้นเขาจึงต้องหาข้อมูลเพิ่มให้กับตัวเองโดยด่วน แต่ที่หมู่บ้านนั้นไม่มีหอสมุดหรือห้องหนังสือใด ๆ จึงมีแต่ที่โรงเรียนแห่งนี้ที่พอจะให้ข้อมูลเขาได้
เหตุผลตอนแรกที่เขาบอกกับคนอื่น ก็คือเขาต้องการมาตรวจสอบระบบการศึกษาของที่นี้ได้คุณภาพไหม ซึ่งคนก็ดูเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง
การมาโรงเรียนที่นี้ เขาต้องนั่งเรียนกับเด็ก ๆ คนอื่นในชั้นเรียนซึ่งมีประมาณ ยี่สิบสามสิบคนส่วนเขาก็จะคอยนั่งอยู่ข้างหลังห้อง ราวกับเด็กโข่งเป็นผู้ใหญ่คนเดียวในชั้นเรียนที่มีแต่เด็ก ๆ
จากที่ได้เรียนในชั้นเรียน อาณาจักรซาเฟียที่เขาอยู่นั้นเป็นอาณาจักรขนาดไม่ได้ใหญ่มากนัก มีอาณาจักรอื่น ๆ รายล้อมทั้งทางเหนือ ตะวันออก ส่วนทางตะวันตกนั้นติดกับทะเลทองคำ ซึ่งเป็นแหล่งการค้าสำคัญที่จะช่วยส่งออกสินค้าของอาณาจักรและเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้อาณาจักรนี้ถูกรุกรานบ่อย ๆ ด้วยแนวชายฝั่งของทะเลทองคำนั้นคือภูเขาสีขาวที่สูงใหญ่ตั้งตระหง่านมานานนับพันนับหมื่นปีคอยกั้นขวางแนวชายฝั่งเอาไว้ คงจะมีเพียงแค่ที่อาณาจักรซาเฟียที่ตั้งอยู่ในช่องว่างขนาดใหญ่ ซึ่งเหมาะสำหรับการออกทะเลทองคำได้ ทะเลทองคำก็สมกับชื่อของมันมันนำรายได้มหาศาลมาสู่อาณาจักร ทำให้ถึงอาณาจักรซาเฟียไม่ได้ใหญ่นักเมื่อเทียบกับอาณาจักรอื่น ๆ แต่ก็มีอาวุธยุทโธปกรที่พรั่งพร้อมครบครันและล้ำหน้ากว่าประเทศโดยรอบ
แต่เมื่อไม่กี่สิบปีก่อนก็มีภัยคุกคามมาจากทางตอนใต้ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอาณาจักรพันธมิตรที่ดีของซาเฟีย เมื่อจักรวรรดิรุกคืบและยึดครองเหล่าอาณาจักรทางตอนใต้และเป้าหมายต่อไปของจักรวรรดิก็ย่อมเป็นอาณาจักรซาเฟีย จึงเป็นเหตุให้จักรวรรดิเปิดศึกจู่โจมสายฟ้าฟาดเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน
แต่ระหว่างนั่งเรียนอยู่อาเธอร์กับมาตามอิทธิอย่างรีบร้อนให้เขาตามเขาไปที่ทำงาน
" นี้อาเธอร์มีเรื่องรีบร้อนอะไร ถึงได้มากวนฉันระหว่างเรียน รู้ไหมว่ามันเป็นการรบกวนการศึกษานะ เด็กพวกนั้นเป็นอนาคตของชาติทั้งนั้นนะ "
" รีบไปที่ห้องทำงานเถอะครับ มีคนต้องการพบคุณครับ "
" ใครกันอยากมาเจอฉันตอนนี้ ไม่เห็นหรอว่าฉันเรียนอยู่นะ "
เด็ก ๆ และอาจารย์ที่กำลังสอนต่างมองอาเธอร์ที่ยืนอยู่หน้าห้องเป็นตาเดียวทำเอาเขาเขินอายอยู่ไม่น้อย
" ทหารครับ ทหารของอาณาจักรเขาต้องการพบคุณ "
พออาเธอร์บอกว่าเป็นทหารของอาณาจักร อิทธิก็รีบลุกแล้ววิ่งนำอาเธอร์ไปทันที
' จบสักที่โว้ย ไอ้หน้าที่ ๆ ต้องนำคนไปรบจบสักที จะได้โยนหน้าที่นี้ให้กับคนอื่นต่อสักที '
อิทธิรอให้ทหารคนอื่นมารับหน้าที่ดูแลที่นี้ต่อจากเขาจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว ตั้งแต่หัวหน้าหมู่บ้านโยนหน้าที่นี้ให้กับเขาตั้งแต่นั้นมาเขาก็นอนไม่ค่อยหลับอีกเลย ด้วยตำแหน่งหน้าที่มันมีอะไรให้เขาคิดและรับผิดชอบมากมาย แต่อิทธิอาจจะต้องเสียใจก็เป็นได้เพราะคนที่เขาจะไปพบไม่เพียงจะไม่แบ่งเบาภาระนี้ไปยังจะเอาภาระที่ใหญ่ขึ้นมาให้กับเขาซ้ำอีก
เมื่ออิทธิมาถึงก็เห็นชาวบ้านหลายคนยืนอยู่หน้าทางเข้า ทำให้อิทธิต้องขอทางเดินเข้าไป ก็เห็นทหารที่แต่ชุดเหมือนกับเขาเสื้อสีฟ้ากางเกงสีแดงแต่งเครื่องแบบเต็มยศนั่งรออยู่สามสี่คน โดยมีหัวหน้าหมู่บ้านคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ
" รอสักอีกสักครู่นะครับ ผมส่งคนให้ไปตามแล้ว คงจะมาถึงในไม่ช้า "
ลุงหัวหน้าหมู่บ้านคอยพูดคุยกับเหล่าทหารแต่ดูเหมือนจะเป็นการพูดฝ่ายเดียวซะมากกว่า อิทธิก็ได้แต่มองอย่างสงสัยแต่ก็เดินเข้ามา
" อ้า...เขามาแล้วนั้นละครับ "
เมื่อลุงหัวหน้าหมู่บ้านเห็นอิทธิเดินก้าวเข้ามา ก็เลยชี้ให้ทหารทั้งสามดู แต่ที่หน้าแปลกใจทหารทั้งสามเมื่อเห็นอิทธิก็ราวกับเห็นผียังไงอย่างนั้น สะดุ้งลุกขึ้นอย่างเร็วจนคนอื่น ๆ ตกใจ
" ทหาร!! เคารพ!! "
ทหารที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าตะโกนสั่งเสียงดังแล้วพวกเขาก็ทำความเคารพแบบทหารอย่างพร้อมเพียงกัน ทำเอาทุก ๆ คนที่อยู่ในห้องและชาวบ้านที่มุงดูอยู่ข้างนอกได้แต่มองอย่างงุนงง
อิทธิทำตัวไม่ถูก ได้แต่คิดว่าทหารที่นี้เขาเคารพพลทหารกันแข็งขันจริงจังกันขนาดนี้เลยหรอ พอตั้งสิตได้ก็ทำความเคารพแบบทหารกลับก่อนจะเอามือลงช้า ๆ แต่ทหารทั้งสามกับทำแบบแข็งขันราวกับเคารพอยู่บัญชาการอย่างไงอย่างงั้น
" เชิญนั่งก่อนครับ "
อิทธิเชิญทั้งสามนั่ง แล้วเขาก็นั่งลง หัวหน้าทหารก็ค่อย ๆ นั่งลง ส่วนอีกสองคนยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นอย่างนั้นอิทธิก็เลยเรียกให้ทั้งสองนั่ง
" คุณทั้งสองเชิญนั่งด้ว... "
แต่ยังไม่ทันได้พูดจบ นายทหารที่นั่งอยู่ก็พูดขัดชึ้น
" เป็นทหารต้องอยู่ในระเบียบครับ ผมฝึกคนของผมอย่างดี มีความรับผิดชอบในหน้าที่สูง ท่านลองดูสิทหารทั้งสองคนนี้เป็นทหารที่เป็นแบบอย่างที่ดีในการฝึกของผมได้เลยละครับ มีวินัย จิตใจกล้าหาญ พร้อมรับใช้ไม่ย่อท้อต่อหน้าที่ ลองดูสิครับ ผมฝึกมาเองกับมือเลยครับ ฮา ฮา ฮ่า "
พอฟังสิ่งที่เขาพูดอิทธิถึงกับมึนงง ถ้าเขาจับใจความที่หมอนี้พูดไม่ผิดมันราวกับว่าเขากำลังจะบอกว่า เขาฝึกทหารได้ดี อย่างงั้นไหม? แต่จะมาบอกเขาทำไมกัน
' ไอ้หมอนี้มันจะขี้อวดกับเราไปทำไมวะ '
และยังไม่จบนายทหารคนนี้พูดราวกับไม่เลยคุยกับคนอื่น พูดนั้นพูดนี้ พูดถึงเกียรติประวัติของตนเอง ว่าเขาเคยไปรบที่นั้นที่นี้มาก่อนทำเอาอิทธิเริ่มรำคาญขึ้นมาหน่อย ๆ
" เออ..เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าครับ พวกคุณมารับหน้าที่ดูแลที่นี้แทนผมใช่ไหม "
เมื่อเบื่อที่จะฟัง อิทธิก็รีบพูดขัดในประเด็นที่เขาอยากรู้
" อ๋อ ขอโทษครับที่พูดนอกเรื่องซะยาว เรื่องที่ท่านถามพวกเราไม่ได้มารับหน้าที่ดูแลที่นี้หรอกครับ "
เมื่อได้ยินอย่างนั้น อิทธิก็หมดอารมณ์จะคุยต่อ
" ถ้างั้นมาทำไม ถ้าไม่ได้มารับช่วงต่อ ถ้าอย่างนั้นคงไม่เกี่ยวกับผมแล้ว คุณก็คุยกับอาเธอร์ผู้ชายตรงนั้นหรือไม่ก็หัวหน้าหมู่บ้านไปแล้วกัน ผมขอตัวก่อน "
เมื่อไม่ได้มาเพราะเรื่องรับช่วงต่อ อิทธิที่เซงเลยโยนไปให้คนอื่นจัดการต่อแทน ส่วนเขาก็จะกลับไปเรียนต่อ แต่ไม่ทันจะได้ลุก นายทหารคนนั้นก็พูดขึ้น
" รอก่อนครับท่าน เรื่องที่เรามาครั้งนี้เป็นเรื่องของท่านโดยเฉพาะเลยครับ "
อิทธิถึงกับต้องหยุด มาหาเขาโดยเฉพาะถ้าอย่างนั้นต้องเป็นเรื่องที่เขาทำงานรบเมื่อหลายวันก่อนแน่
" ใช่เรื่องที่ผมได้พาคนไปรบหรือป่าว? อ๋อแล้วไม่ต้องเรียกผมว่าท่านหรอกผมยศแค่พลทหาร "
อิทธิหยั่งเชิงไปก่อน เขาไม่รู้ว่ามันจะออกทางไหน ไม่รู้ว่าจะเป็นดีหรือร้ายกันแน่
" เรื่องนั้นก็มีส่วนครับแต่ก็ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกครับ รอฟังเรื่องที่ผมพูดก่อนเถอะครับแล้วที่ผมเรียกว่าท่านนั้นนะจะเข้าใจครับ "
ยิ่งพูดยิ่งมีแต่ลับลมคมใน ยิ่งทำให้อิทธิอยากรู้เข้าไปใหญ่
" ที่พวกเรามาก็เพราะมีคำสั่งโดยตรงถึงท่านครับ "
นายทหารยื่นจดหมายให้กับอิทธิ เมื่อรับมาดูมันดูเหมือนจดหมายธรรมดาทั่วไปที่ถูกปิดผนึกด้วยขี้ผึ้งสีแดงที่ประทับตารูปอินทรีสามตัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรซาเฟีย
" ส่งตรงหาผมงั้นหรอ ? ใครกันที่ส่งมา "
จดหมายส่งตรงหาเขา ไม่มีใครที่นี้นอกหมู่บ้านชายแดนที่อิทธิรู้จัก ไม่แน่อาจจะเป็นครอบครับของเจ้าของร่างเดิม อิทธิแกะจดหมายออกอ่านมันมีข้อความถูกเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ เขียนอยู่สามสี่บรรทัด
" ส่งตรงจากกระทรวงการสงครามครับ "
เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งทำให้อิทธิเริ่มหวั่นใจ
" พลทหารชาร์ล ลี เบอแกรน ด้วยความดีความชอบที่คุณได้กระทำลงไป แสดงให้เห็นถึงความสามารถและวิสัยทัศน์อันชาญฉลาดในการนำกองทัพ ทำให้พวกเราเห็นว่าคุณเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งในการรับหน้าที่ ที่สำคัญในการควบคุมและดูแลกองกำลังแถบชายแดนและเมืองทางตอนใต้ เพื่อขัดขวางข้าศึกไว้จนกว่าทัพเสริมจะไปถึง "
ชื่อที่ลงท้ายจดหมายคงเป็นชื่อที่อิทธิจะไม่ลืมเป็นอันขาด ลอร์ดอัลเฟรด เบอร์ตั้น วิน ดิสทิค หัวหน้ากระทรวงการสงคราม ทำเอาอิทธิอึ้งไปอยู่พักใหญ่
" คำสั่งนี้ถูกถ่ายทอดให้ทราบโดยทั่วกันเรียบร้อยแล้วครับ ดังนั้นท่านจึงควรเดินทางไปที่เมืองโควาสโดยเร็วที่สุด ที่นั้นเป็นจุดศูนย์กลางกองบัญชาการทหารในตอนใต้ ท่านจึงต้องไปที่นั้นโดยเร็วครับ "
อิทธิเงยหน้าขึ้นจากจดหมายที่เขาพยายามอ่านทวนซ้ำหลายรอบ ราวกับอยากให้ตัวหนังสือพวกนี้มันเลือนหายไป
' ชาร์ล ลี เบอแกรน '
อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ชื่อเจ้าของร่างนี้ ซึ่งอาจเป็นชื่อที่เขาต้องใช้ต่อไปในอนาคต แต่เรื่องหน้าที่ในจดหมายมันราวกับเป็นเรื่องตลกทำไมจู่ ๆ ถึงมอบอำนาจหน้าที่ขนานนั้นให้กับพลทหารตัวเล็ก ๆ คนนึง
" ผมต้องไปที่เมืองนั้นหรอ ? ต้องไปเลยไหมหรือค่อยไปทีหลังก็ได้นะ "
" เมื่อมีคำสั่งออกมา ทำให้ตอนนี้เจ้าหน้าที่และทหารไม่สามารถปฎิบัติการอะไรได้เลยครับ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากท่านก่อน "
ราวกับเรื่องเศร้าที่ได้ยิน
" ขนาดไหนแค่ทหารสักกอง หรือสักหน่วย "
อิทธิพูดเหมือนในสิ่งที่ตัวเองก็รู้อยู่แล้ว
" ทั้งหมดครับ จากนี้ไปจนสุดเขตแดนใต้ทั้งหมด "
คำตอบที่กระแทกอย่างจังกับอิทธิ จากการแค่ดูแลชาวบ้านในหมู่บ้านแล้ว ตอนนี้เขาต้องดูแลทหารจำนวนมากและเมืองอีกหลายแห่ง แค่คิดว่าเขาต้องทำงานขนาดไหนก็ทำเอาอิทธิอยากจะหายตัวไปจากที่นี้ในทันที ซึ่งแตกต่างจากอีกคนหนึ่งที่ยินดีอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยิน อาเธอร์ที่คอยอยู่ข้าง ๆ เขามาตลอดเขามองอิทธิราวกับวีรบุรุษในดวงใจ จากทหารที่เจอในป่า กลายเป็นผู้นำชาวบ้านต่อสู้กับทหารชาวดาทาเลียจนได้รับชัยชนะราวกับปาฏิหาริย์ตอนนี้ก็ได้เป็นผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในแถบทางใต้ไปซะแล้ว
" โอเค ผมเข้าใจแล้วแต่ผมก็ไม่เข้าใจทำไมถึงเลือกผม มีคนอีกตั้งมากมายที่มียศและตำแหน่งมากกว่าผมซะอีก ทำไมกัน "
อิทธิได้แต่บ่นออกมา
" เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบ แต่ผมคิดว่าคงเป็นเพราะข่าวด้วยละมั้งครับ "
นายทหารธรรมดา ๆ ย่อมไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ถึงสิ่งที่คนระดับสูงคิด มีคนสั่งมาเขาก็แค่ทำตามเท่านั้น แต่เราก็พอทราบเรื่องของอิทธิมาจากหนังสือพิมพ์อยู่บ้างก็มันเป็นข่าวดัง
" ข่าวงั้นหรอ? ก็แค่ข่าวสงคราม ผมส่งไปให้พวกหนังสือพิมพ์ก็แค่คิดว่าเพื่อให้ทหารรู้ถึงสถานะการณ์ของที่นี้จะได้ยกกำลังทหารมาช่วยเท่านั้น "
อิทธิแปลกใจที่เขาพูดถึงหนังสือพิมพ์ อิทธิก็เกือบจะลืมไปแล้วที่เขาสั่งให้อาเธอร์บรรยายถึงสถานะการณ์ของสงครามในตอนนั้นเท่านั้นเอง ไม่คิดว่ามันจะมีผลถึงการที่เขาได้รับมอบหมายหน้าที่
" มันเป็นข่าวดังพอดูเลยครับท่าน แถมยังมีรูปของท่านอยู่บนหน้าแรกของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับเลยนี้ครับ "
เมื่อได้ฟังก็ทำเอาอิทธิมึนงงไปหมด อะไร รูปเขาอยู่บนหนังสือพิมพ์ อะไรกัน
" ห่ะ รูปผมบนหนังสือพิมพ์ อะไรกันผมไม่เห็นรู้มาก่อน "
" สงสัยเพราะที่นี้อยู่ในเขตสงครามหนังสือพิมพ์เลยไม่ได้มาส่งที่นี้นะครับ เลยทำให้คุณไม่รู้ "
" กลับมาพูดเรื่องรูปก่อน ยังไง? มันเป็นยังไง ข่าวนั้นคือยังไง "
อิทธิร้อนใจที่จะฟังเรื่องข่าวของเขาบนหนังสือพิมพ์อย่างมาก
" เออ...คือมันก็ เป็นรูปของคุณยืนอยู่ท่ามกลางศพของทหารข้าศึกนะครับและก็มีคำบรรยายนิดหน่อยครับ "
เมื่อได้ยินอิทธิแทบจะลมจับ ตัวเขายืนอยู่ท่ามกลางศพของทหารข้าศึก ไม่รู้ว่าภาพจะออกมาน่ากลัวแค่ไหน ต่อไปใครที่เคยเห็นภาพจะไม่วิ่งหนีเขาไปงั้นหรอกหรอ
" เออแล้วพวกนักหนังสือพิมพ์ยังตั้งฉายาให้ท่านอีกด้วยนะครับ "
" ฉายาให้ฉัน? ฉันมีฉายาด้วยงั้นหรอ "
อิทธิแปลกใจขึ้นมา ตลอดชีวิตฉายานี้เป็นสิ่งที่เคยได้ยินแต่ในหนัง การ์ตูนหรือเกมเท่านั้นที่ยังมีคนใช้กันตอนนี้ตัวเองได้มีฉายาจริง ๆ กับเขาซะแล้ว
" ครับพวกเขาตั้งฉายาให้คุณไว้ว่า ' อินทรีหนุ่มตัวที่สี่แห่งซาเฟีย ' ซึ่งนับว่าเป็นเกียรติอย่างมากเลยนะครับ "
นายทหารเล่าอย่างตื่นเต้น ซึ่งตรงข้ามกับอิทธิอย่างสิ้นเชิงที่เขาได้แต่ทำหน้างง
' อินทรีหนุ่มตัวที่สี่แห่งซาเฟีย!! แล้วไอ้สามตัวก่อนหน้ามันเป็นใครวะ? มีฉายาทั้งทีไม่ตั้งให้มันเท่ ๆ หน่อยวะ ใครเป็นคนคิดชื่อ ฉายานี้กันเจอหน้าจะถามซักหน่อยว่าใช้อะไรคิด หัวแม่เท้าหรือไง '
ถึงจะไม่ชอบเป็นจุดเด่น แต่เมื่อมีคนอุส่าห์ตั้งฉายาให้เขาก็ควรให้มันเท่ ๆ สักหน่อยอิทธิได้แต่เซงอยู่ไม่น้อย
" ช่างเรื่องฉายงฉายาไปก่อนเถอะ ที่ผมอยากรู้ตอนนี้ก็คือผมต้องไปในเมืองกับพวกคุณใช่ไหม "
หลังจากปวดหัวไปกับหลาย ๆ เรื่องอิทธิก็เข้าประเด็นต่อ
" ครับผม พวกเรานำรถม้ามารอรับท่านเพื่อเดินทางไปโควาสโดยเร็วที่สุดครับ "
เมื่อไม่มีทางเรื่องอื่นอีกก็ได้แต่ต้องตามไปก่อน อิทธิจึงลุกขึ้น
" ถ้าต้องอย่างนั้น ก็ตามนั้นแหละ เออ..แล้วใครจะมาดูแลหมู่บ้านที่นี้ต่อละ "
เมื่อนึกได้ว่าถ้าเขาไปใครจะมารับช่วงต่อหน้าที่ดูแลหมู่บ้านต่อจากเขากัน
" หน้าที่ดูแลหมู่บ้านก็คงเป็นของหัวหน้าหมู่บ้านต่อไปครับ เขาคงจะจัดสรรคนมาดูแลแทนเองได้ "
นายทหารพูดอย่างไม่ได้สนใจ เขาคอยเดินตามอิทธิอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะไปอิทธิก็ได้บอกลากับทุกคนแต่เจ้าหน้าที่ทหารก็คอยจะเร่งให้อิทธิเดินทางโดยเร็ว ทำให้เขาลาทุกคนได้แต่สั้น ๆ
" อาเธอร์ ฉันต้องไปก่อนส่วนนายอยู่นี้คอยดูแลคนแทนฉันที "
เขาไม่ลืมที่จะมาลาเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขาที่นี้ อย่างอาเธอร์ที่คอยดูแลเขาตั้งแต่มาอาศัยอยู่
" ไม่ต้องห่วงครับคุณอิทธิ ผมว่าเราจะต้องได้เจอกันอีกแน่นอนครับ "
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ทั้งสองล่ำลากันอยู่พักหนึ่่ง อิทธิฝากฝังงานให้เขาทำหลายอย่างก่อนจะเดินตามนายทหารไปขึ้นรถม้าที่รออยู่ ชาวบ้านต่างโบกไม้โบกมือล่ำลาอิทธิจนพ้นหมู่บ้าน
บนรถม้าก็เป็นรถม้าโล่ง ๆ ที่มีที่นั่งสองฝั่ง ตกแต่งหรูหราไม่น้อยเลยดูก็รู้เลยว่าต้องมีราคาไม่น้อย ส่วนทหารคนอื่น ๆ ก็ขี่ม้าตามอยู่โดยรอบ พวกเขาต่างปฎิเสธที่จะนั่งรถม้าไปด้วยกับอิทธิ บนถนนสายยาวอิทธิได้แต่นั่งนึกถึงสิ่งที่เขาผ่านมา การเฉียดตายหลายครั้ง ส่งผลให้เขามาถึงจุด ๆ นี้ มันราวกับเรื่องราวบ้า ๆ ที่มีคนเล่าให้ฟังในฝันอย่างไงอย่างนั้น
" นี้แม็คเทีย ไอ้ที่นายบอกว่าฉันเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์นะ มันดังขนาดไหนกันถึงทำให้แม้แต่คนในกระทรวงถึงรู้จักฉันขนาดนี้ "
เมื่อนั่งคิดไปเพลิน ๆ ก็ทำให้เขาคิดได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันเกิดจากแค่การที่เขาไปโผล่ในหนังสือพิมพ์แค่นั้นเองหรอ ถ้าเป็นแค่นั้นทำไมมันถึงส่งผลขนาดนี้กัน
" ครับ ผมบอกได้เลยว่าคุณจินตนาการไม่ออกเลยละครับ ว่าตอนนี้คุณดังแค่ไหน "
แม็คเทียหรือก็คือนายทหารที่เป็นคนมอบจดหมายให้เขานั้นเอง ควบม้ามาด้านข้างประตูเพื่อพูดคุยกับอิทธิ เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ทำเอาอิทธิแปลกใจไม่น้อยเลย มันขนาดนั้นเลยงั้นหรอ นี้เขากลายเป็นซุปเปอร์สตาร์จากการรบงั้นหรอ
" ไม่ขนาดนั้นมั้ง อยู่ที่นี้ไม่เห็นมีใครเคยได้ยินชื่อฉันเลย "
" ฮา ฮา ฮ่า ครับ แต่ถ้าเป็นที่เมืองหลวงแล้วละก็ คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อคุณแน่ครับ "
แม็คเทีย หัวเราะอิทธิที่เขาไม่รู้เลยว่าตัวเขานั้นมีชื่อเสียงแค่ไหนแล้ว
" ขนาดนั้นเชียวหรอ ต่อไปจะเดินบนถนนฉันคงต้องปลอมตัวแล้วมั้ง "
อิทธิพูดแซว เมื่อแม็คเทียพูดราวกับเขาเป็นซุปเปอร์สตาร์อย่างกับพี่เบิร์ดอย่างนั้นแหละ
" ก็ควรอยู่นะครับ แต่ทางกองทัพคงไม่ให้คุณเดินบนถนนคนเดียวแน่ครับ อย่างน้อยก็ต้องมีทหารติดตามสักกอง "
สิ่งที่แท็คเทียพูดทำเอาอิทธิถึงกับปวดหัวตึบ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันคงจะเวอร์วังเกินไปขนาดไหน เมื่อได้ยินอย่างนั้นอิทธิก็หมดคำจะเอย นั่งพิงกับประตูจนเผลอหลับไป
