รับตำแหน่ง
ในที่สุดรถม้าก็หยุด อีโนร่าปิดหนังสือและใช้มันสะกิดอิทธิที่นอนหลับอยู่
" นี้เราถึงแล้วงั้นหรอ? "
อิทธิลืมตาอย่างงัวเงีย เดินตามอีโนร่าลงจากรถม้า
" ผมมาส่งตรงนี้นะครับ พวกผมต้องไปรายงานตัวต่อหัวหน้าก่อน
แม็คเทียของตัวลาไปกับทหารคนอื่น ๆ ทิ้งให้อิทธิกับอีโนร่าอยู่สองคน
" แล้วนี้ผมต้องไปไหนต่อละ "
เมื่อแม็คเทียไปแล้ว อิทธิก็ได้แต่ต้องพึ่งอีโนร่าแทน
" คุณเดินไปที่ตึกนั้น แล้วบอกชื่อคุณกับเจ้าหน้าที่เดียวเขาก็พาคุณไปเอง "
อีโนร่าบอกก่อนจะปลีกตัวจากไปทิ้งให้อิทธิโดดเดี่ยว
" แล้วคุณไม่อยู่จับตาดูผมแล้วหรือไง "
" ฉันดูอยู่ "
อีโนร่าทิ้งคำพูดไว้ตอนจากไป ทำให้อิทธิได้แต่จนใจต้องเดินเข้าอาคารไปคนเดียว เมืองโควาสนับว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดทางใต้ อาคารบ้านเรื่องดูสมัยใหม่เมื่อเทียบกับในหมู่บ้าน ตึกที่อิทธิต้องเข้าไปติดต่อเป็นอาคารขนาดใหญ่มีเจ้าหน้าที่ทหารเดินเข้าออกจำนวนมาก อิทธิก็เป็นหนึ่งในนั้นที่เดินเข้าอาคารไป
เมื่อเข้าอาคารก็เป็นห้องโถงกว้าง ๆ คนก็ต่างเดินไปตามทางของตนอิทธิได้แต่ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดี มองไปมองมาก็มีคนเดินเข้ามาถาม
" มีอะไรให้ช่วยไหมครับ "
เป็นพนักงานชายที่เข้ามาถาม ซึ่งเห็นว่าอิทธิยืนงงอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน
" อ๋อ พอดี มีคนส่งจดมาให้ผมมาที่นี้ "
อิทธิบอกอีกฝ่ายไปตามตรง แต่ดูเหมือนเขาจะงุงงงนิด
" ไม่ใช่ เขาบอกว่าคนครบแล้วไม่ใช่หรอ แล้วทำไมยังมีอีกคนละ "
ทหารนายนั้นพูดบ่นกับตัวเองแล้วก็บอกอิทธิ
" เออ..ช่างมันเถอะ เดินไปทางนั้นนะ ไปที่ห้องฝ่ายจัดการบุคคล "
เขาชี้ให้อิทธิเดินไป อิทธิก็ได้แต่เดินตามทางไปจนมาหยุดอยู่หน้าห้อง อิทธิค่อยเปิดประตูเข้าไปช้า ๆ ก็เห็นมีชายสูงวัยคนหนึ่งยืนอยู่กับคนอีกจำนวนหนึ่งยืนเรียกแถวราวกับอาจารย์ที่คอยเช็คชื่อนักเรียน
" ขอโทษครับ คือข้างหน้าเขาบอกให้ผมมาที่นี้นะครับ "
อิทธิพูดขึ้นทำให้ทุกคนหันมาให้ความสนใจกับเขา
" เขาให้มานี้หรอ ? ก็ในรายชื่อมันก็ครบแล้วนี้ "
ชายสูงวัยคนนั้นหยิบกระดาษรายชื่อขึ้นมาดูแล้วก็ถามชื่ออิทธิ
" แล้วเธอชื่ออะไร? "
" อิท...เออ...ชาร์ล ครับ ชาร์ล "
อิทธิเผลอหลุดพูดชื่อของเขาออกไป แต่ก็นึกได้ว่ามันไม่ใช่ชื่อเขาในโลกนี้อีกแล้ว
" ชาร์ลหรอ ชาร์ล ชาร์ล...มันไม่มีในรายชื่อนี้ "
ชายสูงวัยไล่หาชื่อชาร์ลในกระดาษก็ไม่เจอ
" ดูท่าไอ้พวกฝั่งนู้นต้องลืมใส่ชื่อเธอมาแน่ ๆ แต่ช่างมันเถอะ มายืนในแถวนี้ "
เมื่อหาชื่ออิทธิไม่เจอ เขาก็ดูจะอารมณ์เสียไม่น้อย แต่ก็ยอมให้อิทธิมาเข้าแถวด้วย ยกความผิดให้กับเจ้าหน้าที่ส่งตัวไป
" เอาละ ฉันจะไม่พูดซ้ำอีก เพราะอย่างนั้นฟังให้ดี ๆ พวกเธอทุกคนจะได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบห้องแต่ละห้องในตึกนี้ พวกเธอมีหน้าที่รับผิดชอบในการรับและส่งเอกสารในห้องนั้น ๆ เข้าใจไหม มันเป็นงานง่าย ๆ แต่มีความจำเป็นอย่างมาก ดังนั้นพวกเธอต้องตั้งใจเพื่อที่จะได้พัฒนาและก้าวหน้า เพราะงั้นพวกเธอตามฉันมา ฉันจะพาพวกเธอไปประจำห้อง "
แล้วชายสูงวัยก็ให้พวกเขาเดินตามออกไป ขบวนพนักงานส่งเอกสารก็เดินขึ้นตึกไปที่ละชั้นที่ละห้อง คนก็ค่อย ๆ ลดลงเรื่อย ๆ จนเหลือแค่อิทธิกับผู้ชายอีกคน ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันไปมา แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกัน จนชายชราพาพวกเขามาถึงห้องบนชั้นบนสุด
" พวกเธอถือว่าโชคดีมากนะ ที่ได้ถูกจัดให้มาทำงานในห้องนี้นะ นี้เป็นห้องของผู้บัญชาการ เพราะอย่างนั้นตั้งใจทำงานเข้าละ ที่นี้มีแต่คนสำคัญ พวกเธอจะก้าวหน้าได้ไว เดียวตามฉันเขาไปจะพาไปแนะนำตัว ตั้งใจเขาละ "
ชายสูงวัยเปิดประตูเข้าไป ในห้องมีโต๊ะอยู่สองฝั่งมีคนนั่งและกำลังทำงาน เดินไปทั่ว มีเพียงโต๊ะตรงกลางท้ายห้องที่ว่างอยู่ อิทธิและชายอีกคนก็เดินตามเข้ามาพวกเขาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู ก่อนชายสูงวัยจะพูดเสียงดัง ดึงดูดความสนใจจากคนทั้งห้อง
" ขอโทษที่รบกวนการทำงานของทุกท่าน แต่จะขอแนะนำพนักงานที่จะมาดูแลห้องนี้หน่อย "
ชายชราสะกิดชายที่มากับอิทธิ ให้แนะนำตัว
" เออ...ผมชื่อ บาร์ลลี บูส ครับ มีอะไรก็ใช้งานผมได้เลยครับ "
แต่เหมือนการแนะนำตัวของ บูส จะไม่ได้รับความสนใจเท่าไร คนในห้องต่างไม่หันไปมองเขาด้วยซ้ำ คุณลุงสูงวัยจึงให้ บาร์ลลี บูส นั่งอยู่ที่โต๊ะตรงทางเข้า
" ตาเธอแล้วแนะนำตัวเร็ว "
อิทธินิ่งมองรอบ ๆ อยู่พักหนึ่ง ทำให้ลุงที่พาพวกเขามาสะกิดให้อิทธิรีบแนะนำตัว อิทธิจึงก้าวมาข้างหน้า ในใจก็คิดแกล้งคนในห้องสักหน่อย เขาจึงแนะนำตัวด้วยการตะโกนเสียงดัง
" อะแฮ่ม ๆ สวัสดีทุกคน ผมจะมาแนะนำตัวซะหน่อย "
อิทธิตะโกนจนคนในห้องต่างต้องหยุดมอง
" ดูท่าไอ้เด็กใหม่นี้จะไฟแรงจริง ๆ "
" มันไม่อายหรือยังไงวะ ถ้าจะพูดก็เสียงดังหน่อยสิ"
คนในห้องต่างหัวเราะอิทธิที่ตะโกนเสียงดังราวกับคนบ้า แต่อิทธิก็ไม่สนใจเขากับเดินไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่ ตลอดทางที่เดิน พนักงานในห้องต่างหัวเราะเขาอย่างออกนอกหน้า อิทธิมาหยุดยืนหลังโต๊ะที่ว่างอยู่ พนักงานคนนึงจึงพูดขึ้น
" เฮ้ย ๆ ไอ้หนู นั้นมันที่นั่งของผู้บัญชาการนะเว้ย ที่เอ็งอยู่นู้นหน้าประตูกับเพื่อนเอ็งนะ "
แล้วก็ไม่วายหัวเราะอิทธิ
" ผมชื่อ ชาร์ล ลี เบอแกรน ถ้าตรงนี้เป็นที่นั่งของผู้บัญชาการ งั้นก็เป็นที่นั่งของผมนะถูกแล้ว "
เมื่อได้ฟังจากเสียงหัวเราะก็เริ่มเงียบลง อิทธิก็นั่งลงที่เก้าอี้
" ทหาร!!! เคารพ!!! "
ไม่รู้ว่าเสียงใครตะโกนขึ้น แต่ทหารที่เคยกำลังยุ่งอยู่กับงาน หรือหัวเราะอยู่เมื่อกี้ต่าง ลุกขึ้นทำความเคารพอย่างพร้อมเพียง ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ คงมีเพียงอิทธิที่ยังหัวเราะได้ ใครจะไปคิดว่าพนักงานใหม่ที่มาแนะนำตัวหนึ่งในนั้นจะเป็นผู้บัญชาการคนใหม่ที่มีอำนาจเหลือล้นซะได้
มีเพียงชายสูงวัยที่พาอิทธิมากับชายที่พึ่งแนะนำตัวไป ต่างงุงงงไม่เข้าใจสถานะการณ์ เมื่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างให้ความเคารพเจ้าหน้าที่ ๆ ตนเองพึ่งนำมาใหม่
" อ๋อ ลุงขอบคุณมากที่พามาแนะนำ กำลังหลงทางอยู่พอดีขอบคุณที่พาเที่ยวชมสถานที่ครับ "
อิทธิไม่ลืมขอบคุณก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับเจ้าหน้าที่รอบห้อง
" เอาละ เมื่อกี้ผมแนะนำตัวไปแล้ว ถึงคราวคุณบ้างแล้วละ "
ไม่รู้ว่าจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย เจ้าหน้าที่ต่าง ๆ มองหน้ากันทำอะไรไม่ถูกกับเจ้านายคนใหม่คนนี้
" ผมร้อยตรี.. "
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเริ่มแนะนำตัวแต่ยังไม่ทันได้พูดจบก็ถูกอิทธิขัดขึ้นซะก่อน
" ขอโทษที ๆ ช่วยแนะนำตัวใหม่ได้ไหม ผมหูไม่ค่อยดีนะ ช่วยพูดเสียงดัง ๆ หน่อยได้ไหม แบบที่ผมแนะนำเมื่องี้นะ แต่ให้ดีช่วยเสียงดังด้วยละ "
ไม่รู้ว่าอิทธิต้องการแกล้งคนในห้องนี้หรือป่าว แต่มันก็กลายเป็นมหกรรมการตะเบ่งเสียงแข่งกันขึ้นในห้อง คนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างหยุดยืนดูอยู่หน้าห้องไม่รู้ข้างในทำอะไรกันถึงตะโกนเสียงดังไปทั่วอาคาร อยู่พักใหญ่
อิทธิพอใจอย่างมากเมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่แต่ละคนตะโกนแนะนำตัวกันเสียงแหบเสียงแห้ง
" โอเค ขอบคุณมากผมได้ยินพวกคุณชัดเจนแล้วเมื่อแนะนำตัวกันเสร็จแล้ว เรามาทำงานกันดีกว่า "
คงมีเพียงอิทธิ คนเดียวที่ร่าเริง ส่วนคนอื่น ๆ ต่างสีหน้าไม่ได้ เจ้านายคนใหม่ของพวกเขานั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ ทำงานวันแรกก็เล่นงานพวกเขาซะแล้ว
" ครับท่าน พวกเราไม่คิดว่าท่านจะมาถึงวันนี้เลยไม่ได้เตรียมการต้อนรับ ต้องขอประทานอภัยจริง ๆ ครับ "
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเป็นตัวแทนพูดขึ้นซึ่งตอนแนะนำตัวอิทธิจำเขาได้ดี ร้อยเอก เชฟฟิล บาร์คเคน เป็นคนคอยดูแลที่นี้ก่อนที่เขาจะมา
" ไม่เป็นไร ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะได้มาเหมือนกัน "
" ขอบคุณครับท่าน "
อิทธิไม่ถือสา ตอนนี้เขามีงานสำคัญกว่ารออยู่
" มาเข้าเรื่องดีกว่าเรามีงานสำคัญรออยู่ "
อิทธิรู้ดีว่าสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือเวลา เขาต้องยื้อเวลาให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้มีเวลาพอให้ทัพใหญ่มาถึง
" ครับท่าน นี้เป็นรายงานล่าสุดครับ "
เชฟฟิลยื่นเอกสารให้อิทธิอ่าน
" สายของเราในอูดารุส รายงานมาว่าทัพใหญ่ของจักรวรรดิเริ่มเคลื่อนกำลังแล้วครับ "
เป็นข่าวที่อิทธิไม่อยากได้ยินที่สุดทัพใหญ่ข้าศึกมาแล้วนี้เท่ากับว่า เวลาก็ยิ่งกระชั้นเข้าไปอีก
" แล้วนี้รู้ไว้ว่ามีประทาณเท่าไรและกี่วันจะเดินทางมาถึงชายแดน "
" จากที่สายของเรารายงาน คาดว่ามีประมาณห้าหมื่นนายครับและจะมาถึงชายแดนในอีกไม่เกินครึ่งเดือนครับ "
เป็นตัวเลขที่แทบจะทำอิทธิตกจากเก้าอี้ ห้าหมื่นนายนี้มากเกินรับไหวจริง ๆ อิทธิคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าตอนนี้ถ้าต้องเจอทัพห้าหมื่นนายจะรับมือยังไงดี แต่ปัญหานี้ไม่ใช่ของเขา ตอนนี้เขาต้องทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ได้ก่อน
" เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนในกระทรวงหาทางรับมือไป ตอนนี้เราต้องโฟกัสกับการถ่วงเวลาทัพหน้าข้าศึกไว้ก่อน "
" ผมได้ส่งคำสั่งให้รวบรวมทหารทั้งหมดไว้แล้ว แต่คงต้องใช้เวลาอีกสักสองถึงสามวันครับ "
" ไม่ได้ พวกมันไม่รอเรานานขนาดนั้นหรอก ยิ่งพวกมันคิดว่าเราจะคอยรอป้องกันพวกมัน เราต้องยิ่งต้องโจมตี "
อิทธิคิดแผนไว้ในใจแล้ว ตั้งแต่อยู่บนรถม้าเขาคิดแผนการต่าง ๆ มากมายไว้รับมือในสถานการณ์เช่นนี้
" ท่าน..ท่านจะให้พวกเราเป็นฝ่ายออกไปโจมตีพวกมันงั้นหรอครับ แต่ตอนนี้ทหารของเรามีไม่ถึงสองพันเลยนะครับ "
ร้อยเอกเชฟฟิล ได้แต่ไม่เข้าใจในตัวผู้บัญชาการคนใหม่ที่คิดแผนการบ้าดีเดือดแบบนี้ขึ้นมาได้
" ก็ดีไม่ถึงสองพันกำลังดีเลย ทัพเราเป็นทัพน้อยเคลื่อนไหวคล่องตัว ทัพข้าศึกมีมากกว่าถึงหกเจ็ดพันทั้งยังขาดเสบียง ลองดูถ้าถูกก่อกวนทั้งคืนวันพวกมันยังจะมีกะกิจกะใจรบอยู่ไหม "
แผนที่อิทธิคิดขึ้น ทำให้คนฟังได้แต่ตัวสั่นมันเป็นแผนการที่บ้าบิ่นหากผิดพลาดถูกข้าศึกจับได้ล้วนแต่ต้องตายสถานเดียว
" ร้อยเอกเชฟฟิล ไปรวมกำลังคนของเราคัดมาแต่คนที่ร่างกายแข็งแรง ผมต้องการพันคนก็พอ "
อิทธิรีบสั่งการ ทั้งยังให้คนอื่น ๆ เตรียมเสบียงและยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อม ทำเอาเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ งุงงงกับความคิดของอิทธิ
" เมื่อรบซึ่งหน้าไม่ได้ ก็ลองเล่นสงครามจิตวิทยากันดูสักตั้ง "
