สำแดงเดชโมโลตอฟ
พอฟ้าสว่าง อิทธิสะดุ้งตื่นเพราะมีคนสะกิด อิทธิคว้าปืนที่ข้างตัวเล็งเข้าใส่คนที่มาสะกิดตัวเขา
" ใจเย็นก่อนครับผม อาเธอร์เองครับ อาเธอร์เอง "
เป็นอาเธอร์ที่เป็นคนปลุกอิทธิ
" อาเธอร์หรอ? ตกใจหมดเลย แล้วนี้มีอะไร "
เมื่อเห็นเป็นอาเธอร์ อิทธิก็ลงใจวางปืนไว้ข้างตัว
" ผมแค่จะบอกว่าเช้าแล้วครับ "
อาเธอร์พูดพร้อมยื่นขนมปังและซุปร้อน ๆ มาให้ อิทธิก็ต้องลุกขึ้นนั่งแล้วรับอาหารมากิน
" มีข่าวของพวกข้าศึกไหม พวกมันจะมาถึงกันตอนไหน "
อิทธินั่งทานอาหารโดยนั่งพิงกับสนามเพาะที่ข้างกายมีอาเธอร์นั่งกินเป็นเพื่อน
" จากคนของเราที่ไปซุ่มดูพวกมัน พวกมันคงจะมาถึงไม่เกินพระอาทิตย์ตกดินวันนี้ "
เมื่อเวลาใกล้เข้ามา ความเครียดก็เข้ามาครอบงำอิทธิอีกครั้ง
" รีบกิน พอกินเสร็จแล้วให้ไปตามทุกคนมาประชุม เราต้องเตรียมการกันก่อน "
อิทธิไม่แม้แต่จะยอมเสียเวลา หลังทานอาหารเช้าเสร็จเขาเรียกให้หัวหน้าแต่ละกองมาหา แล้วนัดแนะวิธีการเมื่อข้าศึกมาถึง หนึ่งในวิธีการที่อิทธิได้ให้ลุงสมิทไปสอนทหารอาสาพวกนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม จุดอ่อนของปืนคาบศิลายุคโบราณนั้นปัญหาสำคัญของมันไม่ได้อยู่ที่ความแม่นยำ แต่เป็นความต่อเนื่องในการยิงในหนึ่งนาที อยากมากสุดก็ไม่เกิดสองถึงสามนัดดังนั้นอิทธิจึงต้องหาทางแก้จนหัวแทบแตก ก่อนจะปิ๊งไอเดียโดยหยิบยืมแนวคิดนี้จากแม่ทัพชื่องก้องคนหนึ่งของโลกเดิมที่ขึ้นชื่อในการรบด้วยปืนโบราณแบบนี้คงเป็นใครไม่ได้นอกจากแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของญี่ปุ่น โอดะ โนบุนากะ กับการใช้รูปแบบ พลปืนสามแถว อันลือชื่อของเขา
พลปืนสามแถวเป็นแนวคิดง่าย ๆ ที่นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะของการแก้ปัญหาปืนที่มีปัญหาในการบรรจุและความต่อเนื่องในการยิงอธิบายง่าย ๆ รูปแบบของพลปืนสามแถวนั้นคือการให้คนที่อยู่หน้าสุดเมื่อยิงแล้วจะถอยหลังมาให้คนที่สองที่อยู่ด้านหลังขึ้นไปยิงแทนแล้วคนที่หนึ่งซึ่งถอยออกมาจะส่งปืนที่ยิงแล้วให้กับคนที่สามซึ่งทำหน้าที่เป็นพลบรรจุกระสุน คนที่สามก็จะส่งปืนที่บรรจุแล้วให้กับคนที่หนึ่ง ทำวนกันเป็นลูปอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จะทำให้อัตราการยิงปืนนั้นเกิดความต่อเนื่องขึ้น แก้ปัญหาสำคัญของปืนที่ต้องบรรจุที่ละนัดได้เป็นอย่างดี ทำให้โอดะ โนบุนากะสามารถใช้รูปแบบพลปืนสามแถวพิชิตกองทัพม้าเหล็กของทาเคดะ ชินเก็น ลงได้
เมื่อนัดแนะกันเสร็จเรียบร้อย อิทธิให้คนนำระเบิดเพลิงไปแจกจ่ายให้ทั่ว ด้วยแผนที่เขาวางเอาไว้ทหารของดาทาเนียจะยกมาผ่านทางที่พวกเขาซุ่มรออยู่ อิทธิให้กองที่สามและสี่ซุ่มอยู่ฝั่งตรงข้าม ซ่อนตัวอยู่ในหลุ่มสนามเพาะเหมือนกัน ฝั่งนี้อิทธิและอาเธอร์เป็นคนดูแลเมื่อทพข้าศึกเดินเข้ามาในจุดที่วางเอาไว้ รอให้พวกมันผ่านไปนิดหน่อยแล้วอิทธิจะให้สัญญาณให้เปิดด้วยระเบิดเพลงโมโลตอฟก่อนเพื่อทำให้พวกมันเกิดความสับสนและหวาดกลัวและเพื่อประสิทธิภาพที่ดีที่สุดเมื่อพวกมันยังยืนอยู่รวมกัน เมื่อระเบิดไปแล้วก็จะถึงคิวของพลปืนระดมยิงและค่อยสลับกับระเบิดเพลิงอยู่เป็นระลอง ๆ ไป
อิทธิและคนอื่น ๆ ต่างซุ่มรออย่างใจเย็น ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไรแล้วแต่หัวใจของอิทธิกับยิ่งเต้นเร็วขึ้นรั่วขึ้นไปในทุกขณะจิต มือทั้งสองข้างต่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ปืนในมือก็ดูเหมือนจะไม่มีแรงจับให้มั่น แต่เมื่อมองไปยังคนข้าง ๆ อาเธอร์เริ่มตัวสั่น ๆ มือของเขาสั่นทำให้รู้ได้เลยว่าเขาก็กลัว เช่นเดียวกับทหารคนอื่น ๆ พวกเขาต่างล้วนเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน ไม่เคยต้องคิดว่าจะต้องฆ่าใครแล้วก็ไม่รู้ว่าจะถูกฆ่าตอนไหน ในใจอิทธิก็คิดจะพูดปลุกใจเท่ ๆ แบบพระเอกในหนังแต่ไม่รู้ทำไมมันพูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดคำใดออกมา
รอจนตะวันเริ่มค่อยก็ยังไม่มีวีแวว ความเคร่งเครียดก็พุ่งขึ้นใกล้แล้ว ใกล้เข้าไปทุกที่พวกเขาต่างรู้กันอยู่ในใจ แต่ก็ได้เพียงอดทนไว้ อิทธิได้แต่นั่งมองพื้นที่เขาสั่งให้คนมาขุดเอาไว้ตั้งแต่หลายวันก่อน ได้แต่นั่งนึกถึงสิ่งที่จะเกิดต่อไปและเขาจะทำอะไรต่อถ้ารอดไปจากที่นี้ได้
' ท่านให้โอกาสผมครั้งที่สองกับผม ท่านคงไม่วางแผนให้ผมมาตายอยู่ตรงนี้หรอกใช่ไหมครับ? '
คำถามต่าง ๆ นา ๆ เกิดขึ้นในใจ แต่ไม่ทันได้คำตอบ เศษดินและหินที่อยู่บนพื้นพวกมันเริ่มสั่นทำให้เขารู้แล้วว่าพวกมันมาแล้ว
" บอกให้คนของเราเตรียมพร้อม "
คำสั่งถูกถ่ายทอดออกไปยังทหารทุกคน พวกเขาต่างตื่นตัวความเงียบทำให้เขาสามารถได้ยินเสียงหัวใจของเหล่าทหารที่อยู่ข้าง ๆ เขาเต้นดังออกมาราวกับเสียงกลองที่คอยประโคมยามศึกสงคราม
" ให้พวกเขานิ่งไว้ รอฟังคำสั่งผมเท่านั้น "
แม้จะพูดอย่างนั้นอิทธิก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขาเท่าไรนัก หัวใจของเขาเต้นราวกับมันจะหลุดออกมาข้างนอกได้
เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ไม่รู้จำนวนที่แน่ชัด จากรายงานที่ได้รับรู้เพียงว่าหลายพันแต่ไม่รู้ว่ากี่พันนั้นแหละเป็นปัญหาสำคัญ เมื่อไม่รู้อิทธิได้แต่ประเมินให้สูงไว้ก่อนเพื่อความไม่ประมาท พวกเขาต่างนั่งฟังเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินผ่านหน้าพวกเขาไป แค่ฟังจากเสียงฝีเท้าก็รู้ได้เลยว่าพวกมันต่างเป็นทหารที่ได้รับการฝึกเป็นอย่างดี จังหวะการก้าวเดินเป็นหนึ่งเดียวกันจึงทำให้พื้นสั่นได้ขนาดนี้แตกต่างจากทหารของเขาลิบลับที่ยังงงแม้แต่ซ้ายหันขวาหันอยู่เลย
" พวกมันอยู่ข้างหน้าแล้วครับ เอาไงต่อดีครับ "
อาเธอร์ที่อยู่ข้าง ๆ กระซิบถามอิทธิเมื่อรู้สึกได้ว่าทหารข้าศึกอยู่ข้างหน้าเขาแล้ว
" รอก่อน ๆ ให้พวกมันผ่านไปนิดนึงก่อน รอก่อน อย่าทำอะไรถ้าฉันไม่สั่ง "
ทุกคนต่างร้อนใจ แต่อิทธิจะผิดพลาดไม่ได้ เขาต้องรอโอกาสที่เหมาะสมและดีที่สุดก่อนจึงอดทนแม้มันจะรู้สึกอึดอันปานจะขาดใจก็ตาม รอจนพวกมันเดินเลยจุดที่อิทธิอยู่เล็กน้อยแล้วเขาจุงหันไปหาอาเธอร์ก่อนพยังหน้า
" เอาเลย!!!! ระเบิดไฟ!!!!! "
อาเทอร์ตะโกนสั่งดังลั่น ระเบิดไฟโมโลตอฟในมือถูกจุดด้วยคบไฟที่ถูกซ่อนเอาไว้แต่แรก
" เอานี้ไปกิน Fire in the hole ขว้างระเบิดไปแล้ว อยากพูดคำนี้มานานแล้วเว้ย "
อิทธิจุดไฟที่ระเบิดแล้วก็ลุกขึ้นขว้างระเบิดเพลิงโมโลตอฟเข้าใส่ทหารคนหนึ่ง เมื่ออิทธิให้สัญญาณคนอื่น ๆ ก็ขว้างระเบิดเพลิงโมโลตอฟเข้าใส่เหล่าข้าศึก พวกมันยังไม่ทันได้ตั้งตัวรู้ตัวอีกที่ก็เห็นแต่เปลวไฟเต็มไปหมด ถาพที่พวกเขาเห็นคือเพื่อนที่อยู่ข้าง ๆ ถูกขวดปาใส่แล้วก็ลุกเป็นไฟท่วมทั้งตัวได้ยินแต่เสียงกรีดร้องของความเจ็บปวดดังระงมไปทั่ว
ระเบิดเพลิงโมโลตอฟทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี อิทธิไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวออกคำสั่งทันที
" พลปืนยิงได้!!!! "
คำสั่งชุดต่อไปถูกส่งต่อ เหล่าพลปืนที่รออยู่ก่อนแล้วก็เหนี่ยวไกปืนทันทีแล้วถอยหลังให้คนต่อไปขึ้นหน้ามาแทน ทำตามที่ถูกฝึกมาให้ดีที่สุดคงเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดอยู่พวกเขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าพวกเขายิงใครไป แค่เล็งปืนไปด้านหน้าแล้วเหนี่ยวไกถอยหลังไปรับปืนมาแล้วยิงต่อแค่นั้น พวกเขาแค่รู้แค่นั้น
เมื่อสั่งไปแล้วอิทธิก็ต้องเอาบ้างเขาเล็งไปที่ข้าศึก แต่ก็ต้องหยุดมองภาพที่เห็นคงเรียกว่าความโหดร้ายของสงครามจริง ๆ คนที่ร่างกายเดิดไฟลุกพยายามกลิ้งไปตามพื้นหาทางดับไฟกับบางคนที่ถูกไฟลุกท้วมตัวร้องโหยหวน บางคนที่พยายามตอบโต้กลับด้วยการพยายามยิงตอบโต้แต่ยังไม่ได้ทันทำอะไรก็ถูกกระสุนที่ไม่รู้มาจากไหนยิงเข้าใส่จนล้มลง
ชุดทหารสีแดงกางเกงสีดำ บนหัวสวมหมวกเหล็กที่มีสัญลักษณ์รูปใบหน้าของราชสีห์ที่ดูน่าเกรงขามของจักรวรรดิดาทาเนียอันเกรียงไกร แต่ครั้งนี้กับไม่น่าดูนักทหารส่วนใหญ่ถูกไฟเผา ต่อมาก็ถูกระดมยิงอย่างต่อเนื่องทหารส่วนใหญ่ได้แค่ยิงตอบโต้กลับแต่ไม่ทันได้บรรจุกระสุนใหม่อีกครั้งก็ถูกยิงล้มลงเสียแล้ว จนกระจัดกระจาย
แม่ทัพของจักรวรรดิดาทาเนียก็ไม่ง่ายขนาดนั้น ถึงจะถูกโจมตีเสียหายหนักแม่ทัพของพวกเขาก็พยายามรวบรวมกำลังพลของเขากลับมาจนได้
" จัดทัพใหม่ เร็วเข้า จัดทัพใหม่รูปขบวนจตุรัส เร็วเข้า!!! "
แม่ทัพหนุ่มดาเรน วอน อัลเบิร์ด เป็นผู้นำกองทัพมาบุกโจมตีในครั้งนี้ ต้องตกอยู่ในสถานะการไม่สู้ดีสิ่งที่เขาคิดไว้กับไม่เป็นไปตามแผนที่จะเป็นฝ่ายบุกโจมแต่ ด้วยคิดว่าชาวบ้านพวกนี้มีกำลังน้อยและคงไม่กล้าสู้กับพวกเขาตรง ๆ แต่คิดคาดเพราะชายที่ชื่อ อิทธิ ที่เขาไม่คิดจะหลบอยู่ในหมู่บ้าน กลับวางแผนซุ่มโจมตีกองทัพของดาเรน
แม่ทัพหนุ่มดาเรน พยายามรวบรวมเหล่าทหารที่กระจัดกระจายออกไปจนสำเร็จโดยจัดแนวรบทหารต่างเรียงแถวเป็นรูปขบวนจตุรัส ล้อมรอบและมีเขากับทหารคนสนิทอยู่ตรงกลาง
" ทหารอย่าไปกลัวพวกมัน ที่พวกมันต้องซุ่มโจมตีพวกเราเพราะพวกมันก็แค่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ไม่มีทางที่พวกมันจะสามารถต่อกรกับพวกเราได้ เล็งไปที่แนวป่าและยิง!!! "
เมื่อเริ่มตั้งตัวได้ กองทัพดาทาเนียก็เริ่มยิงตอบโต้ ทำให้เกิดการผลัดกันยิงสวนกันไปมาแนวพลปืนสามแถวของอิทธิตอนแรกก็ดูจะมีประสิทธิภาพดีแต่เมื่อชาวบ้านบางคนถูกยิงสวนกลับมาโดนเสียชีวิต ชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็เริ่มกลัวที่จะโผล่ออกไปยิงทำให้ประสิทธิภาพการยิงลดลงอย่างมาก จนแถมจะถูกยิงกด
" อย่าหยุดยิง ยิงเข้าไป พวกมันกำลังเสียเปรียบ ยิงมันเข้าไป "
เมื่อเห็นท่าไม่ดี อิทธิก็ได้แต่ต้องพยายามกระตุ้นทหารของตน ตั้งแต่เปิดฉากยิงอิทธิก็ยิงอย่างไม่หยุด โดยมีอาเธอร์ที่เป็นคนคอยบรรจุกระสุนให้จนเหงือโซมกายไปหมด
ทำให้เปิดฉากการเป็นสงครามดวลปืนของสองฝ่าย อิทธิได้เปรียบในการมีที่กำบังที่ดี ส่วนดาเรนได้เปรียบในเรื่องจำนวนและระเบียบวินัยทหารที่ดี เสียงปืนดังสนั่นลั่นไปทั่วป่ากระสุนนับร้อยนับพันปลิวว่อนไปทั่วป่า
" ท่านแม่ทัพเราถอยก่อนดีกว่าครับ พวกเราอยู่ที่แจ้งแบบนี้มีแต่เสียเปรียบ "
ดาเรนได้แต่ครุ่นคิดหนังใจ นี้เป็นงานแรกของเขาตั้งแต่เปิดศึกมาทำให้เขาได้แต่คิดหนัก แต่เมื่อเห็นว่าทหารฝ่ายตัวเองล้มตายเป็นอันมาก ก็ได้แต่จำใจต้องถอย
" เอางั้นก็ได้ ถ่ายทอดคำสั่งไปค่อย ๆ ถอยช้า ๆ อย่าให้พวกมันตามตีเราได้ "
เมื่อออกคำสั่งให้ถอย ขบวนรบจตุรัสของดาเรนก็เริ่มถอยอย่างช้า ๆ อย่างมีระเบียบ อิทธิที่ก็ยังคงไม่หยุดยิง ก็สังเกตุได้ว่าอีกฝ่ายกำลังถอยทัพ
" พวกมันกำลังถอยแล้ว สั่งคนไม่ต้องตาม "
อิทธิหยุดยิงหันไปสั่งอาเธอร์ไม่ให้คนของเขาตามตีอีกฝ่าย
" พวกมันกำลังถอยทำไมเราไม่ใช้โอากาสนี้ไล่ตีพวกมันต่อละครับ "
อาเธอร์ไม่เข้าใจอิทธิเห็นว่านี้เป็นโอกาสดี แต่อิทธิกับไม่คว้าไว้
" ไม่มีอะไรหน้ากลัวกว่าหมดจนตอกอีกแล้ว พวกมันจะยอมสู้ตาย อีกทั้งถ้าเราออกจากสนามเพราะ จะเป็นการเสี่ยงเกินไป เพราะงั้นพอแค่นี้แหละ "
อิทธิให้เหตุผลกับอาเธอร์ที่เขาจะเลือกไม่ตามตีต่อ
" แต่ฉันไม่ให้พวกมันได้กลับไปสบาย ๆ อยู่ดีไม่ว่าดี กล้ามาหาเรื่องท่านอิทธิคนนี้ คงให้กลับไปโดยไม่เจ็บหนักก็คงไม่ได้ "
อิทธิพูดขึ้นพร้อมทั้งคว้าของขวัญที่เขาจะฝากให้อีกฝ่ายเก็บเอาไว้จนวันตาย โมโลตอฟคู่ใจนั้นเอง
" ยืนเรียงกันแบบนี้แหละดีเลย จะได้ไม่พลาดเป้า "
" ระเบิดเพลิง!!! ของขวัญส่งแขก แล้วอย่ากลับมาอีกนะเว้ย "
อิทธิขว้างระเบิดไฟเข้าใส่กองทหารที่ยืนเรียกกันที่กำลังค่อย ๆ ถอนกำลังออกไป ระเบิดเพลิงโมโลตอฟได้ทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง เมื่อทหารเห็นอิทธิโจมตีด้วยระเบิดเพลิงก็ทำตาม ๆ โยนระเบิดเพลิงเข้าใส่กองทหารข้าศึกจนแตกกระจายถอยหนีไปอย่างทุลักทุเล แตกกระจายถอยหนีอย่างไม่มีรูปขบวน
" ไปบอกพวกเราทุกคน พวกเราชนะแล้ว "
มีแต่เสียงเฮด้วยความดีใจ กองทัพดาทาเนียถอยหนีไปทิ้งไว้เพียงซากศพมากมายไว้บนถนน หลังจากข้าศึกทอดกำลังไปสักพักอิทธิก็ยังไม่วางใจให้คนของเขาติดตามไปดูอยู่ห่าง ๆ เพื่อพวกมันวกกลับมาตลบหลัง แต่พอไม่มีท่าที่จะกลับมาเขาก็ให้คนของเขาลงไปเคลียร์ถนน อิทธิและอาเธอร์ก็ตามลงไปดู
" พวกเราเสียไปเท่าไร "
เมื่อเจอกับลุงสมิทที่เดินตรงมาหาเขา
" ฝั่งผมประมาณ สี่สิบคนครับ เจ็บอีกเท่านึง "
" แล้วฝั่งเราละ "
อิทธิหันไปถามอาเธอร์บ้าง
" ตายและเจ็บน้อบกว่า ตาย สิบห้า เจ็บสามสิบกว่าคน รวมแล้วตายเก้าสิบห้าคน เจ็บร่วมร้อย "
ผลสรุปของสงครามแม้จะดูไม่เยอะเมื่อเทียบกับอีกฝ่ายแต่อิทธิก็ไม่ยินดีกับมันเลย
" จากที่ดูข้าศึกน่าจะตายไม่น้อยกว่าห้าร้อย เจ็บอีกคงเป็นพัน "
เมื่อมองจากปริมาณศพที่นอนเกลื่อนไปตลอดทาง อิทธิก็ได้แต่พะอืดพะอมอยากจะอ้วกให้ได้ ก่อนเข้าจะสั่งให้พวกเขาไปทำหน้าที่ของตนต่อ
" ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงพวกนักหนังสือพิมพ์ละก็คงจะเป็นข่าวใหญ่หน้าดู พวกเราคงจะได้ออกข่าวกันหมด "
" นั้นสิ น่าเสียดายที่ไม่มีใครรู้ว่าเรารบกันที่นี้ แถมจัดการกองทัพจักรวรรดิซะจนอยู่หมัด เสียดายจริง ๆ "
เมื่อสงครามจบลงคนที่รอดชีวิตต่างเบิกบานใจ คนเจ็บถูกย้ายกลับไปในหมู่บ้านก่อน เหลือเพียงคนที่ไม่เป็นอะไรต้องคอยเคลียร์ถนน
" นี้ ๆ พวกนายพูดถึงหนังสือพิมพ์อย่างนั้นหรอ ? "
ตอนแรกนึกว่าเขาหูฝาด แต่ดูเหมือนพวกเขาจะคุยกันเรื่องหนังสือพิมพ์จริง ๆ ทหารสองนายที่เดินอิทธิก็ตกใจยืนตัวตรงแล้วทำความเคารพ
" เออ...ครับพวกผมแค่คิดว่าถ้าพวกเราเอาเรื่องนี้ไปบอกพวกนักหนังสือพิมพ์พวกเราคงดังเป็นพุแตกแน่เลยนะครับ "
หลังจากได้คุยทำให้อิทธิได้รู้ว่า อาณาจักรที่เขาอยู่นี้มีหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับ เช่น หนังสือพิมพ์ประชาชนรายวัน หนังสือพิมพ์กุงเบิร์กนิวและอีกหลายฉบับอยู่ทำให้อิทธิปิ๊งไอเดียขึ้นมา
" แล้ว ที่นี้มีกล้องถ่ายรูปไหม "
เมื่อรู้ว่ามีหนังสือพิมพ์แต่เขาไม่แน่ใจว่าจะมีกล้องถ่ายรูปด้วยไหม
" กล้อง..กล้องถ่ายรูปหรือครับ? มันคืออะไรหรอ "
ดูถ้าจะไม่มี
" แล้วในหนังสือพิมพ์มีการลงรูปไหม แบบรูปภาพในหนังสือพิมพ์นะ "
" อ๋อ มีครับแต่ส่วนใหญ๋จะเป็นภาพวาดของนักวาดในเมืองใหญ่นะครับ "
ไม่มีรูปถ่ายใช้การวาดรูปลงไปแทน ทำให้อิทธิคิดจะเอาเรื่องการรบที่นี้ไปลงในหนังสือพิมพ์เพื่อให้ทุกคนรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจะได้ส่งกำลังมาช่วยได้ เขาจริงได้ไปหาอาเธอร์ให้ตามหาช่างวาดภาพให้มาวาดภาพของสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วส่งเรื่องไปให้หนังสือพิมพ์สำนักต่าง ๆ อาเธอณ์จึงรับคำแล้วตามหาช่างวาดรูปมาจัดการตามที่อิทธิสั่ง
" อาเธอร์จัดการให้เรียบร้อยละ ฉันของตัวไปนอนพักก่อนละ หลายวันมานี้นอนไม่ค่อยหลับเลย ดูท่าวันนี้จะได้นอนหลับจริง ๆ ซะที "
อิทธิขอตัวลาไปนอน ปล่อยให้คนอื่น ๆ จัดการเคลียร์งานของตนต่อไป
" คนอาเธอร์ครับ ผมวาดภาพเสร็จแล้ว จะให้ผมเพิ่มเติมอะไรลงไปไหมครับ "
ช่างวาดรูปเอารูปที่วาดเสร็จแล้วเดินมาให้อาเธอร์ก่อน
" ผมว่ามันยังขาด ๆ อะไรไปนะครับ "
ภาพของถนนที่เต็มไปด้วยศพทหารดาทาเนียเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด เป็นภาพที่ดูน่ากลัวไปน้อย แต่อาเธอร์ก็รู้สึกเหมือนมันขาดบางสิ่งบางอย่างไป ก่อนจะปิ๊งไอเดียให้ช่างวาดรูปเติมบางอย่างลงไปเมื่อเสร็จแล้วจึงได้เขียนบนความและส่งพร้อมกับรูปไปให้สำนักพิมพ์หลายแห่ง
...........
เมืองหลวงอาณาจักรซาเฟีย, คลอนซาโดรว่า, สำนักพิมพ์ประชาชนรายวัน
" หัวหน้าบรรณาธิการครับ มีข่าวด่วนส่งมาครับ "
สำนักพิมพ์ประชาชนรายวันเป็นสำนักพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรซาเฟียก็ว่าได้ พวกเราลงข่าวแถบทุกเรื่อง มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วทั้งอาณาจักรก็ว่าได้
" ข่าวอะไรกัน ถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น ตอนนี้มีแต่ข่าวสงครามเต็มไปหมด "
ชายอ้วนฉุที่นั่งอยู่บนเก้าอีกก็คือหัวหน้าบรรณาธิการ ชาร์ลไรย์ นับเป็นคนที่ทรงอำนาจไม่น้อยในอาณาจักรนี้ ด้วยการที่เขาเป็นคนที่ควบคุมสื่อส่วนใหญ่ไว้ในมือ
" นี้ครับ ข่าวพึ่งมาถึงวันนี้เลยครับ "
ชาร์ลไรย์รับมาแล้วมันเป็นภาพวาดกับบทความที่ถูกเขียนมาบนกระดาษด้วยลายมือหวัด ๆ แน่นอนย่อมเป็นข่าวของอิทธิในการลมที่หมู่บ้านชายแดน เมื่ออ่านรายละเอียดชาร์ลไรย์ก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงาน พาร่างที่อ้วนของเขาแทรงผ่านผู้คนในสำนักงานข่าวของเขา
" นายใช่ไหมที่ดูแลข่าวสงครามอยู่ "
ชาร์ลไรย์เดินมาที่โต๊ะของนั่งข่าวคนหนึ่งที่กำลังเขียนข่าวอยู่ ทำให้คนอื่นต่างมองที่เขาทั้งสำนักงาน
" กำลังเขียนข่าวอะไรอยู่ "
" อ๋อ..ครับ เป็นข่าวการถอนกำลังจากชายแดนเหนือและตะวันออกนะครับ "
" ทิ้งทั้นไปให้หมด เอาข่าวนี้ก่อน "
ชาร์ลไรย์เอาข่าวที่เข้าพึ่งได้รับ วางลงตรงหน้าของนั่งข่าวคนนั้นและเอากระดาษที่เขากำลังเขียนอยู้ฉีกทิ้ง ทำเอาคนทั้งสำนักงานต่างตกตะลึง
" ฟังและเตรียมเขียน เราจะพาดหัวข่าวเอาใหญ่ ๆ เลยข่าวนี้เราจะเล่นเต็มหน้าแรกเลย "
สิ่งที่ชาร์ลไรย์พูดทำเอาคนในสำนักงานได้แต่ตกใจ ว่าข่าวอะไรถึงได้สิทธิ์ลงหน้าแรกทั้งหน้า พวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
" ทหารกล้าที่รอบจากการปะทัครั้งแรก กลับมาแก้แค้นจักรวรรดินำชาวบ้านต่อสู้กับกองทัพดาทาเนียที่หมู่บ้านชายแดน บดขยี้กองทัพข้าศึกด้วยคนเพียงสี่ร้อยคน เป็นไงแบบนี้ดีไหมพาดหัวข่าวตัวใหญ่ ๆ ไปเลย "
" ประเทศเราตอนนี้ตองการวีรบุรุษ นี้ละเราจะสร้างเขาให้เป็นวีรบุรุษ คนทั้งประเทศจะติดตามข่าวของเขา นี้ละ "
ไม่รู้ชาร์ลไรย์มองเห็นอะไร ถึงได้มั่นใจในการจะสร้างอิทธิให้การเป็นวีรบุรุษขึ้นมา
" นายต้องเขียนข่าวนี้ เราจะพิมพ์ทันทีและกระจายมันไปทั่วประเทศ เร็วเข้าต้อนรับการมาของวีรบุรุษของชาติหน่อยเร็ว "
และวันต่อมาหนังสือพิมพ์ทุกฉบับของอาณาจักรต่างมีภาพวาดถนนที่เกลื่อนไปด้วยศพทหารดาทาเนียและชายหนุ่มในชุดทหารซาเฟีย ถือปืนยืนอยู่ท่ามกลางศพทหาร เป็นใครไปไม่ได้นอกจากอิทธิซึ่งเป็นการเพิ่มเติมของอาเธอร์ที่ต้องการให้ช่างวาดรูปเติมอิทธิลงไป
ในชั่วข้ามคืนอิทธิการเป็นคนที่ดังที่สุดและถูกพูดถึงมากที่สุดในอาณาจักรซาเฟียไปแล้ว
