บทที่ 6
ฉันกลับถึงบ้านตอนสี่ทุ่ม ลูกหลับไปแล้ว
แม่งีบอยู่บนโซฟา มือถือหลุดจากมือดัง “ดัง!” ทำเอาเธอสะดุ้งตื่น
พอเห็นฉันถอดเสื้อคลุมวางบนพนักโซฟา
เธอกวาดตามองหลังฉันหนึ่งครั้ง ก่อนบ่นไม่หยุด “ชยพลยังไม่กลับมาอีก? ดึกขนาดนี้ ปล่อยให้ลูกเมียอยู่บ้านคนเดียวได้ยังไง”
“หาเงินได้สักเท่าไหร่เชียว เห็นแต่เอาแต่ทำงาน ไม่เคยเห็นหัวครอบครัว!”
“ศศิลา แม่บอกกี่ครั้งแล้ว ต้องดูแลผัวให้ดี เดี๋ยวสมัยนี้เด็กสาวสวย ๆ เขาหาแต่ผู้ชายวัยสามสิบที่มีหัวหน้ามีงานมีการนะ ระวังเขาแย่งไปไม่รู้ตัว ความรักมันต้องประคองกันเข้าใจไหม”
แม่ฉันเกลียดเรื่องนอกใจที่สุด
เพราะสมัยฉันยังเล็ก พ่อก็ทิ้งเราไปแบบนั้น
ฉันยังจำภาพแม่ร้องไห้กอดขาพ่อไว้แน่น
แต่เขากลับเดินจากไปแบบไม่เหลียวหลัง
ตั้งแต่นั้น แม่บอกทุกคนว่า “พ่อเสียชีวิตแล้ว”
แม้แต่ชยพลก็เชื่อแบบนั้น
ฉันมองหน้าแม่ จู่ ๆ ความน้อยเนื้อต่ำใจก็พุ่งขึ้นมาจุกอก
แม่ถามเสียงสั่น “ลูก เป็นอะไร ทำไมตาแดงแบบนั้น เกิดอะไรขึ้น”
ฉันกดริมฝีปากให้ตัวเองไม่ร้อง ก่อนจะบอกความจริงออกไปอย่างยากลำบาก
“แม่… ฉันจะหย่ากับชยพล เขานอกใจฉันแล้ว”
แม่อึ้งไปสองวินาที ก่อนฟาดไหล่ฉันฉาดหนึ่ง
เจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้
“แม่ว่าแล้ว! แม่บอกมาตั้งนานว่าเขามีพิรุธ!
ให้เธอจับตาดู เธอก็บอกว่าเขาไม่ใช่คนแบบนั้น!”
“เป็นไงล่ะตอนนี้! อายุสามสิบ มีลูกหนึ่งคน จะหย่าไปแล้วจะทำยังไง ใครเขาจะรับเธออีก! ชีวิตหลังจากนี้มันลำบากนะรู้ไหม!”
แม่เดินวนหน้าตู้ทีวี ด่าไม่หยุดเป็นสิบนาที
สุดท้ายชี้หน้าฉันเหมือนจะขู่
“ศศิลาห้ามหย่า!ได้ยินไหม!”
“เรื่องนี้ไม่ต้องคิดมาก แม่จัดการเอง”
แม่โมโหจนปิดประตูบ้านดังปัง ฉันจะห้ามก็ไม่ทัน
ลูกสาวสะดุ้งตื่นแล้วก็ร้องไห้จ้าออกมา
ฉันเลยต้องเข้าไปปลอบในห้อง
ชยพลไม่เคยคิดเลยว่าแม่ของฉันจะเดินทางมาหาเขาถึงที่บริษัท
หญิงชราที่ปกติดุร้าย ปากกล้า กลับยืนตัวแข็ง ๆ อยู่ต่อหน้าเขา ในแววตาเต็มไปด้วยความร้องขอที่ทำให้คนใจอ่อน
“ชยพล ลูกก็รู้ ศศิลามันลำบากมาตลอด”
“พ่อมันทิ้งไปตั้งแต่เด็ก แม่เลี้ยงมันคนเดียว
ลำบากกันมาขนาดไหนรู้ไหม พอเห็นมันแต่งงานกับนาย แม่ก็คิดว่าชีวิตมันจะดีขึ้นแล้ว แต่ตอนนี้… ทำไมถึงจะหย่ากันได้ลงคอ”
ชยพลนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน คิ้วขมวดแน่น
“แม่ครับ ผมรู้ว่าท่านสงสารเธอ แต่เรื่องความรู้สึกฝืนกันไม่ได้จริง ๆ”
“ผมกับเธอ… มันหมดรักกันไปแล้วครับ”
แม่ฉันหน้าเปลี่ยนทันที น้ำเสียงสูงขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่
“หมดรัก?”
“ตอนนายไม่มีอะไรสักอย่าง ทำไมไม่พูดว่า ‘หมดรัก’ ล่ะ?”
“ตอนนั้นนายคุกเข่าขอแต่งกับลูกสาวฉัน นายบอกว่าจะรักศศิลาไปตลอดชีวิต!”
“พอมีเงิน มีฐานะ ก็พูดว่าไม่รักแล้วเหรอ?”
ความรู้สึกผิดในแววตาชยพลเริ่มเข้มขึ้น
เขาถอนหายใจ ลดยามเสียงลง “แม่ครับ ผมผิดเอง ผมทำร้ายทั้งเธอ ทั้งแม่”
“แต่แม่วางใจได้ ผมจะชดเชยเธอ”
แม่ฉันหัวเราะทั้งน้ำตา “ชดเชย?”
“ศศิลาต้องการเงินของนายเหรอ?”
“รู้ไหม เธออดทนและเหนื่อยกับนายแค่ไหน?”
“ตอนนายเริ่มสร้างบริษัท เธอต้องอดหลับอดนอนช่วยจัดเอกสารให้คุณทุกวัน ออกไปงานเลี้ยงด้วย ดื่มจนกระเพาะแทบพังยังไม่ปริปากบ่นสักคำ! พอวันนี้คุณประสบความสำเร็จแล้ว จะทิ้งเธอแบบนี้เหรอ?”
“ชยพล นายเป็นคนหรือเปล่า?”
ชยพลกำมือแน่น เสียงแหบลงอย่างฝืนใจ
“แม่ครับ ผมรู้ว่าเธอทุ่มเทให้ผมแค่ไหน
ผมก็เห็นค่าเธอจริง ๆ”
“แต่… ผมกับเธอ มันกลับไปเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว”
ทันใดนั้น แม่ฉันทรุดตัวคุกเข่าลงตรงหน้าผู้ชายคนนั้น
ชยพลสะดุ้ง รีบลุกมาจะพยุง “แม่! อย่าทำแบบนี้ครับ ลุกขึ้นก่อน!”
แต่แม่จับแขนเขาไว้แน่น มือสั่น เสียงก็สั่น
“ชยพล… แม่ขอร้องล่ะลูก… อย่าทิ้งศศิลาเลย…”
