บทที่9 ฉันเองก็เป็นเจ้าของเธอด้วย...จำเอาไว้!
อินทรีย์ไม่ได้สอนอะไรฉันมากนัก เขาแค่บอกความรู้เบื้องต้นในการขับมอเตอร์ไซค์ แล้วก็พาฉันขับรถเล่น กินลมจนฉันรู้สึกว่าที่จริงแล้ว การได้ปล่อยให้หัวใจได้พัก การที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก การที่ไม่ต้องวิ่งตาม มันทำให้ฉันมีความสุข
แต่เมื่ออินทรีย์บอกว่าถึงเวลาที่ฉันต้องกลับบ้านเพราะเขาต้องซ้อมแข่งมอเตอร์ไซค์ ฉันถึงได้ตั้งสติ และนึกขึ้นมาได้ว่า...ป่านนี้ฟีนิกซ์ต้องทำอะไรสักอย่างกับพิงค์โรสแล้วก็อบเชยแน่ๆ ฉันเลยนั่งแท็กซี่มาที่คลับฟาโรห์ พอเดินเข้าไปด้านในคลับที่เตรียมจะเปิดรับแขก ฉันก็ได้เห็นเพื่อนสองคนของฉันกำลังนั่งอยู่ที่มุมหนึ่ง โดยมีเพื่อนเฮงซวยของฟีนิกซ์คุมอยู่
“มาจนได้สินะ? หกชั่วโมงพอดีเป๊ะ” องศาแสยะยิ้มเมื่อเห็นฉัน
“วิวาห์! เธอมาเคลียร์เลยนะ! ฉันหิวเป็นบ้า! พวกเฮียไม่ให้ฉันกินอะไรเลยนอกจากน้ำ!” พิงค์โรสโวยวาย
“วันนี้คงต้องยกเลิกสินะ ที่บอกว่าเราจะไปดื่มที่ฮีลเลอร์อ่ะ” อบเชยทำหน้าเซ็ง
“แกหายไหนมาวะ?” พิงค์โรสเดินมากระซิบถามฉัน
“สนามแข่งรถ”
“ฉันบอกเฮียฟีนิกซ์ไปว่าอินทรีย์จีบเธอนะ บอกได้เลยว่าเฮียไม่พอใจมาก เขาบอกว่าต้องรอให้เขาตายก่อน อินทรีย์ถึงจะแย่งเธอไปจากเขาได้”
“กินสิ...หิวกันไม่ใช่เหรอ?” ในตอนนั้นแพททริคก็เอาพิซซ่าถาดใหญ่ออกมา แล้วเพื่อนสองคนก็ลืมฉันไปชั่วขณะ ตรงไปหาพิซซ่าถาดนั้นทันที
“ขึ้นไปมอบเลย...ฟีนิกซ์โกรธมาก เขาอยู่ข้างบน” ตุลย์บอกกับฉัน
“ไม่ล่ะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเขานี่” ฉันยักไหล่ตอบ
“อย่าทำให้เขาโกรธไปมากกว่านี้เลย เดี๋ยวเธอก็ต้องเสียใจอีก” แพททริคมองหน้าฉันนิ่ง
“พวกนายไม่ต้องยุ่งหรอก ยังไงนายก็อยู่ข้างเพื่อนตัวเองอยู่แล้ว”
“แต่ครั้งนี้เธอผิด ไปกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้าแฟน...ทำแบบนั้นได้ยังไง?” องศาเข้าข้างฟีนิกซ์เต็มประตู
“แล้วทีเขาไปเอากับผู้หญิงคนอื่นทั้งๆที่มีฉันเป็นแฟนล่ะ? ทำไมทีเขาทำผิดนายถึงไม่ยกขึ้นมาพูดบ้างล่ะ?! นี่ฉันไม่ได้ไปเอากับพี่อินสักหน่อย...เราก็แค่ไปขับมอเตอร์ไซค์ด้วยกัน!”
“พี่อิน?” พิงค์โรสกับอบเชยหยุดกินแล้วหันมามองหน้าฉันประสานเสียงถามออกมาพร้อมกัน
“อืม...พี่อินทรีย์”
โครม!!!
“กรี๊ดดดดด!!!”
แล้วในจังหวะอันรวดเร็วนั้น อยู่ๆเก้าอี้ไม้ก็ร่วงลงมาจากชั้นสอง ทั้งฉัน พิงค์โรสและอบเชยร้องกรี๊ดออกมาพร้อมกันเพราะความตกใจ พอมองตามขึ้นไปที่ชั้นสองก็เห็นฟีนิกซ์ยืนอยู่ตรงนั้น
“ขึ้นมา!!!” เขาตะโกนลั่น ดังกว่าครั้งไหนๆที่ฉันเคยได้ยิน ฉันสะดุ้งเพราะเสียงตะโกนของเขา
“เธอแย่แน่ๆ เขาโกรธมาก เธอเรียกผู้ชายคนอื่นว่าพี่...ทั้งๆที่ไม่เคยเรียกเขาแบบนั้นเลยสักครั้ง” องศาส่ายหน้าราวกับรู้ว่าชะตากรรมของฉันจะเป็นยังไง
“เขาจะทำอะไรฉันได้มากไปกว่าขังฉันไว้ทั้งคืนอย่างนั้นเหรอ? เหมือนว่าฉันจะกลัวอย่างนั้นแหละ!”
ฉันเดินขึ้นมาที่ชั้นสอง เดินตรงไปหยุดตรงหน้าฟีนิกซ์ ฉันเห็นเขากำหมัดแน่น ใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งก็แสดงความโกรธออกมา
“ไปไหนมา?!” เขาตะคอกถามทันที
“สนามแข่งรถ” ฉันตอบเสียงเรียบ จ้องหน้าเขากลับอย่างไม่เกรงกลัว ฉันไม่ได้แค่พูดนะ...ฉันไม่กลัวเขาจริงๆ เพราะรู้ว่าเขาไม่มีทางลงมือกับฉันแน่
“ไปทำไม?! เธอจะลองดีกับฉันใช่ไหม?! คิดจะยั่วโมโหฉันใช่ไหม?!!”
“อืม...ท่าทางจะได้ผลซะด้วย เพราะเหมือนว่าตอนนี้นายจะโกรธสุดๆ” ฉันแสยะยิ้ม
“วิวาห์!!!”
“ทำไม? ถามหน่อยเถอะ...ว่าฉันทำอะไรผิด? นายจับเพื่อนฉันมาทำไม? ที่โกรธอยู่นี่เพราะอะไรเหรอ? แค่เพราะฉันยั่วโมโหนาย? หรือเพราะกลัวว่าจะมีใครมาแย่งฉันไป แล้วถึงตอนนั้นนายจะโดนพ่อว่า...เพราะเรื่องผลประโยชน์ประสาทแดกนั่น!”
หมั่บ!
“อ๊ะ!”
ฉันนิ่วหน้าเจ็บ เมื่อฟีนิกซ์คว้าแขนฉันอย่างแรง นี่แหละ...มากสุดที่เขาทำได้ หมายถึงทางร่างกายนะ เพราะถ้าเป็นทางหัวใจ...เขาขยำหัวใจฉันจนแหลกคามือไปแล้ว
“บอกแล้วไงว่าฉันเป็นเจ้าของนาย ชีวิตของนายฉันเป็นเจ้าของ! แต่ฉันต้องการแค่นั้นแหละ...แค่ชีวิตและอิสรภาพ นอกเหนือจากนั้นฉันไม่เอา! หัวใจและความรัก...ฉันไปหาจากผู้ชายคนอื่นได้!”
“เงียบ!!!” เขาตะโกนลั่น
“ไม่เงียบ! บอกแล้วไงว่าต่อไปฉันจะไม่ทำตามที่นายต้องการ! อย่าคิดว่าฉันรักนาย...แล้วจะเลิกไม่ได้ บอกแล้วไง...ว่าต่อจากนี้ไปฉันจะเกลียดนาย! จะจองจำให้นายไปไหนไม่ได้! อยากได้นักนี่ผลประโยชน์น่ะ ฉันมั่นใจว่ายังไงแม่ฉันก็ต้องชนะการเลือกตั้ง! ยังไงเราก็ต้องได้แต่งงานกัน! ชีวิตนายเป็นของฉัน! แต่...ฉันจะไปรักคนอื่น! หัวใจของฉันไม่ได้มีไว้เพื่อรักนายอีกต่อไป!”
“อย่าหวัง...เธอรักฉันมาเป็นสิบปี ถ้าฉันไม่อนุญาตเธอก็รักใครไม่ได้!”
“เหอะ! ทุเรศว่ะ! เห็นแก่ตัว! หลงตัวเอง! ทำเหมือนว่านายแคร์ความรักของฉันตายล่ะ! รู้ไหมว่าตอนนี้ฉันรู้สึกอะไร? เสียเวลา...โคตรเสียเวลา โคตรเปลืองหัวใจเลยที่เผลอไปรักคนเฮงซวยอย่าง...อื้อ!”
...
ประโยคของฉันขาดช่วง อยู่ๆเสียงก็ปล่อยออกจากลำคอไม่ได้ มันรวดเร็วมาก...รู้ตัวอีกที ตอนนี้ฟีนิกซ์ใช้ปากของเขาปิดปากฉันอยู่
“ฮึก!” เขาบีบรัดฉันหนักมาก บดปากลงมาอย่างแรง...จนฉันเจ็บไปหมด พอถอนออกไป...หน้าฉันก็ร้อนผ่าวขึ้นมา
“นาย...จูบฉันทำไม?!”
“พูดอีก...พูดออกมาอีกว่าจะเลิิกรักฉัน! พูดออกมาว่าเป็นเจ้าของฉัน!” เขาตะโกนลั่น จ้องหน้าฉันไม่วาง...นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาจูบฉัน...เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันจูบกับผู้ชาย ทว่า...จูบแรกที่ฉันวาดฝันเอาไว้มันไม่ใช่แบบนี้
เพี๊ยะ!!!
ฉันฟาดมือลงบนแก้มซ้ายของเขาสุดแรง แต่หน้าเขาไปหันไปตามแรงตบเลยแม้แต่องศาเดียว
“ฮึก! นาย...เฮงซว...อื้อ!”
แล้วเขาก็จูบฉันอีกครั้ง คราวนี้...มันนานกว่าครั้งแรก...เจ็บกว่า เจ็บจนรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือด เขาใช้มือบีบแก้มเพื่อเปิดปากฉัน...ก่อนที่จะสอดลิ้นเข้ามา ในตอนนั้น...ร่างกายของฉันอ่อนยวบไม่มีแรง...
“ฉันจะขังเธอ...ไม่ใช่แค่คืนนี้ แต่เป็นทุกคืน...ต่อไปเธอจะต้องมาอยู่กับฉันที่คอนโด ไปเรียนกับฉัน กลับบ้านกับฉัน เพราะไม่ใช่เธอที่เป็นเจ้าของฉัน! ฉันเองก็เป็นเจ้าของเธอด้วย...จำเอาไว้!”
เพี๊ยะ!!!
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
แล้วฉันก็ตบหน้าเขาอีกครั้ง ตามได้ทุบกำปั้นใส่อกเขารัวๆ ก่อนที่จะร้องไห้ออกมา...อีกแล้ว...เขาทำฉันร้องไห้อีกแล้ว...
“ฮือๆ ทำแบบนี้กับฉันทำไม?! จูบฉันด้วยความเกลียดชังได้ยังไง?!”
“ฉันทำได้มากกว่านี้...ถ้าเธอยังดื้อไม่เลิก”
พรึ่บ!
พอเขาปล่อยมือจากฉัน ตัวฉันก็ร่วงลงไปนั่งกองที่พื้น สับสนไปหมด...ทั้งการกระทำ ทั้งคำพูด เขาหันหลังเดินจากไป ทิ้งฉันไว้ตรงนี้...
?????
เพื่อนสองคนรีบวิ่งขึ้นมาหาร่างบางที่นั่งนิ่งอยู่ที่พื้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าฟีินิกซ์เดินหายเข้าไปด้านในออฟฟิศ
“แก...ยังไม่ตายใช่ไหม?” พิงค์โรสโบกมือเช็กสติของเพื่อ ก่อนที่จะพยุงให้ลุกขึ้นยืนแล้วพาไปนั่งที่โต๊ะวีไอพีของคลับ ระหว่างนั้นแพททริคก็เดินเข้าไปหาสาวๆ ส่งสายตามองวิวาห์ที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงด้วยความเห็นใจ
“คืนนี้...อยู่ได้แค่ที่นี่ ห้ามพากันออกไปไหน ต่อไป...วิวาห์ถูกกักบริเวณ ถ้าไม่อยากให้วิวาห์ต้องโดนฟีนิกซ์ทำแย่ๆใส่อีก...เข้าใจที่เฮียพูดใช่ไหม?”
“ค่ะ...เข้าใจค่ะเฮีย” อบเชยตอบรับ
“วิวาห์...วิญญาณแกออกจากร่างไปแล้วหรือไงเนี่ย?” เสียงของพิงค์โรสปลุกให้วิวาห์สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากภวังค์ เมื่อหญิงสาวรู้ตัวอีกที...ตอนนี้เธอก็กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะในโซนวีไอพีของคลับ ซึ่งเวลานี้คลับได้เริ่มเปิดต้อนรับนักเที่ยวแล้ว...ผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามามากมาย
“แกนิ่งไปเป็นสิบนาทีแน่ะ โดนจูบสองที...วิญญาณออกจากร่างเลยจริงดิ?” อบเชยนิ่วหน้าถาม
“พวกแกเห็นหมดเลยเหรอ?” พอได้สติวิวาห์ก็เอ่ยถามออกมา
“ไม่เห็นมั๊ง?! เฮียฟีนิกซ์จงใจจูบแกโชว์พวกเราป่ะ? คงอยากประกาศว่าแกเป็นของเขา”
“เพราะแกนั่นแหละพิงค์...แกดันไปบอกเฮียว่าอินทรีย์จะแย่งวิวาห์ไป เฮียถึงได้โกรธ” อบเชยทำเสียงดุเพื่อน
“ที่ฉันทำ...ก็เพราะฉันอยากจะปลุกพลังหึงในตัวเฮียไง! ดูสิ...ว่าได้ผลยังไง มอบจูบแรกให้วิวาห์เข้าให้” “เขาไม่ได้หึง...เขาแค่สร้างความเป็นเจ้าของ ฉันไม่เคยได้ยินเขาพูดแบบนี้มาก่อน...” วิวาห์ยังจำได้ดีว่ารสจูบนั้นมันไม่ใช่รสจูบของความหึงหวง แต่เป็นการจูบเพื่อทำโทษเธอ
“เขาพูดอะไร?”
“เขาบอกว่าเขาก็เป็นเจ้าของฉันเหมือนกัน เขาบอกให้ฉันไปอยู่กับเขาที่คอนโด ไปเรียนและกลับกับเขา...เขาจะขังฉันทุกคืน”
“โอ...พลังหึงในตัวเฮียฟีนิกซ์ทำงานแล้วล่ะ” พิงค์โรสฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจ
“พลังหึงบ้าอะไร?! พลังอำมหิตมากกว่า...แบบนี้ก็แสดงว่าต่อไปวิวาห์ก็ไปไหนมาไหนกับพวกเราไม่ได้แล้วล่ะ” อบเชยแย้งขึ้นมา
“แกไม่ได้ยินที่เฮียตุลย์บอกหรือไง...มันแปลว่าเราจะเจอวิวาห์ได้ก็แค่ที่มหาลัยกับที่นี่เท่านั้น ต่อไปนี้...วิวาห์จะต้องอยู่ในสายตาของเฮียฟีินิกซ์”
“ตุลย์พูดตอนไหน?” ฉันหันถามพิงค์โรส
“ก็เมื่อกี้ไง ตอนที่วิญญาณยังไม่เข้าร่างแกอ่ะ”
“ฉันว่าช่วงนี้แกอย่าเพิ่งดื้อกับเฮียเลยนะ ฉันกลัวว่าเฮียจะทำแกหนักกว่านี้...ว่าแต่...จูบเมื่อกี้มันเป็นยังไงเหรอ?” อบเชยทำหน้าตาสงสัยเมื่อถามถึงจูบ
“เลวร้ายที่สุด"
