บท
ตั้งค่า

บทที่8 คู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ

“วันนี้เรียนทั้งวันเลย เหนื่อยเป็นบ้า! ถ้าได้เบียร์เย็นมาดื่มให้ชุ่มคอก็คงดี” พิงค์โรสเดินบ่นมาตลอดทาง ระหว่างที่เราสามคนเดินออกจากตึกเรียนเพื่อจะไปลานจอดรถ

“เห็นด้วย! คืนนี้ไปดื่มกัน” อบเชยฉีกยิ้ม

“จัดไป...ที่ไหนดี?” ฉันเองก็ไม่เคยปฏิเสธเรื่องดื่มอยู่แล้ว

“ฮีลเลอร์ดีไหม จะได้ไปเจอเจ๊สี่ด้วย” พิงค์โรสออกความเห็น เจ๊สี่ก็คือพี่สาวที่เป็นช่างสักแล้วก็เป็นเจ้าของผับชื่อฮีลเลอร์ด้วย เวลาที่ได้คุยกับเจ๊สี่ฉันก็ยิ้มได้ทุกครั้ง แต่...มีแค่พวกเราหรอกนะที่เรียกเจ๊ว่าเจ๊สี่ เพราะที่จริงแล้วพี่เขาชื่อ สิริน

“เออๆ คิดถึงเจ๊สี่จัง” ในตอนที่พวกเรามีรอยยิ้มเมื่อคิดถึงเจ๊สี่ รถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งก็วิ่งเข้ามาจอดที่ตรงหน้าพวกเรา และเมื่อเขาถอดหมวดกันน๊อกออก ฉันจึงได้เห็นว่าเขาคืออินทรีย์ ผู้ชายที่ฉันชวนมาทำงานด้วยกัน

“ใครวะ? หล่อวัวตายควายล้ม” พิงค์โรสกระซิบถามอบเชย และฉันก็ได้ยิน

“ไง” อินทรีย์เอ่ยทักทายพวกเรา

“ไง...ใครเอ๋ย...รู้จักกันเหรอ?” พิงค์โรสออกตัวแรงมาตั้งแต่ไหนแต่ไร

“รู้จักเพื่อนเธอน่ะ...” อินทรีย์ตอบ ขณะที่ชี้มาทางฉัน

“อะไร? ทำไมฉันไม่รู้...ไปรู้จักกันตอนไหน?” พิงค์โรสถลึงตาใส่ฉันทันที

“ก็คนที่ฉันบอกไง...คลาสวรรณกรรมน่ะ” ฉันตอบ

“อ๋อ...ถ้ารู้ว่าจะดีเบอร์นี้ ฉันแยกไปทำกับเขาได้นะ”

“อินทรีย์ พิพัฒนกุล ลูกชายของ...บิ๊กเอี่ยว ปัจจุบันเป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์คนดัง...” แล้วอบเชยก็ทำเรื่องน่าอายขึ้นมา นั่นคือการค้นหาชื่อเขาในอากู๋แล้วโพล่งข้อมูลของเขาออกมา

“หึ” ในตอนนั้นอินทรีย์แสยะยิ้มออกมา

“บิ๊กเอี่ยว? ผบ.ตร น่ะเหรอ?!” ต่อมาคือพิงค์โรส

“พอสักทีเถอะน่ะ! น่าอายเป็นบ้า!” ฉันดุเพื่อนสองคน แล้วยัยเพื่อนบ้าก็แยกตัวออกไปยืนซุบซิบบ้าบอคอแตกกันด้านหลัง

“เพื่อนเธอน่าสนใจดีนะ” อินทรีย์ยกยิ้มมองหน้าฉัน

“เพื่อนฉันไม่ค่อยปกติน่ะ นายอย่างสนใจเลย”

“แล้วเธอล่ะ? ปกติไหม?” เขามองหน้าฉัน สวยตาแปลกประหลาด เอาแต่ยิ้มไม่หุบ

“ฉันปกติที่สุดแล้ว แล้วนี่นายมีอะไร?”

“อยากนั่งรถเล่นไหม?”

“?!” ยอมรับว่าฉันงงเล็กน้อยที่ได้ยินคำชวนของเขา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากจะยุ่งกับฉันเท่าไหร่

“ว่าไง...แค่ชวนไปนั่งรถเล่น เผื่อเธอจะสนใจ” พอเขาเอ่ยชวนอีกครั้ง ฉันก็หันไปหาเพื่อนสองคน แล้วพิงค์โรสก็ทำปากพูดกับฉันแบบไร้เสียงว่า ‘เขา จีบ แก’ ตามด้วยอบเชยที่ทำเหมือนกันว่า ‘แต่ แก มี แฟน แล้ว’

“เห้ย!” ทว่าก่อนที่ฉันจะตอบอะไร อยู่ๆเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา พอหันไปมองฉันก็เห็นว่าเป็นองศาที่เดินนำหน้า ตามด้วยแพททริคและตุลย์ โดยมีฟีนิกซ์รั้งท้าย ในจังหวะอันรวดเร็วนั้น ฉันก็รีบขึ้นไปซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของอินทรีย์ในทันที

“ขับออกไป!” ฉันบอกอินทรีย์อยู่ในอาการงงงวยว่าฉันทำอะไร

บึ๊นนนน!

แล้วเขาก็สตารท์มอเตอร์ไซค์ เตรียมจะขับออกไปตามที่ฉันบอก ทว่า...อยู่ๆฉันก็เห็นฟีนิกซ์ที่อยู่ด้านหลัง วิ่งอย่างเร็วเข้ามาขวางที่ด้านหน้ามอเตอร์ไซค์ เขายันฟ่ามือไว้กับมอเตอร์ แล้วส่งสายตามาจ้องฉันก่อนที่จะละสายตาไปมองอินทรีย์

“ถ้าจะไป...มึงก็ต้องชนกู” น้ำเสียงลอดไรฟันของเขาฟังแล้วน่าขนลุก

“วิวาห์อยู่ในเขตหวงห้าม! มึงไม่มีสิทธิ์!” ตุลย์ประกาศเสียงดัง หลังจากที่พวกเขาวางก้ามแสดงอำนาจ เดินเข้ามาล้อมฉันกับอินทรีย์เอาไว้

“ไหนเส้นแบ่งเขต?” อินทรีย์เลิกคิ้วถามกลับ เขายังคงยิ้ม เหมือนไม่เกรงกลัวอะไรสักนิด ถ้าเป็นคนอื่นคงเผ่นหนีไปแล้ว แต่ก็นะ...ถ้าเขาเป็นลูกชายนายตำรวจขั้นสูงสุดจริงๆ เขาจะต้องกลัวอะไร เอาล่ะ...ฉันว่าฉันจะคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับฟีนิกซ์แล้วล่ะ

“ฟีนิกซ์ไง...เส้นแบ่งเขต วิวาห์เป็นแฟนฟีนิกซ์ ถ้ายังไม่รู้จักก็ไม่เสิร์ชกูเกิ้ลเอา มึงจะได้รู้ว่าไม่ควรเข้ามายุ่ง!” ตุลย์ว่า

“วิวาห์! ลงมา!” แล้วฟีนิกซ์ตะโกนดังลั่นขึ้นมา

“อย่ามายุ่ง! นายสนใจฉันตั้งแต่เมื่อไหร่?! อินทรีย์...นายไม่ต้องสนใจคำพูดของนี้ ถึงเขาจะเป็นแฟนฉัน...แต่ถ้าฉันจะไปกับนาย เขาก็ห้ามไม่ได้!” ฉันตะโกนกลับ

ปัก!!!

ฟีนิกซ์ซัดกำปั้นลงที่ด้านหน้ามอเตอร์ไซค์

“อย่ายั่วโมโหฉัน!!! ลงมา!!!”

“แฟนเธอเหรอวิวาห์? ที่มองลงมาจากตึกบริหารน่ะเหรอ?” อินทรีย์หันมาถามฉัน

“นาย...พุ่งออกรถไปเลย เขาหลบทันอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะชนเขาหรอก” ฉันกระซิบบอกอินทรีย์

“เอางั้นเหรอ?” เขาถามกลับ

“เอางั้นแหละ...”

“งั้นก็กอดเอวฉันให้แน่นที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้”

บึ๊นนนนน!!!

เสียงมอเตอร์ไซค์ดังขึ้นมา ฉันเม้มปากสนิทแน่น หลับตาปี๋ กอดเอวอินทรีย์แน่นสุดแรงตามที่เขาบอก เตรียมใจแล้วว่า...นี่จะเป็นครั้งแรกที่ฉันนั่งมอเตอร์ไซค์ แล้ว...อินทรีย์ก็ทำอะไรบางอย่างที่ฉันไม่เข้าใจ รู้แต่ว่าตัวฉันเหวี่ยงหมุนไปตามวงของมอเตอร์ไซค์

“กรี๊ดดดดด!!!” ฉันกรีดร้องทั้งๆที่ยังหลับตา

บึ๊นนนน!!!

เสียงมอเตอร์ไซค์ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะรู้สึกได้ถึงลมแรงๆที่พัดผ่านตัว พอลืมตาขึ้นมา...ตอนนี้รถมอเตอร์ไซค์ก็วิ่งออกมาจากหน้าตึกเรียนแล้ว เมื่อหันกลับไปมองที่ด้านหลัง...ฉันก็ได้สบตากับฟีนิกซ์ที่ยืนมองฉันอยู่ไกลๆด้วยสายตาผิดหวัง

“ฮ่ะๆๆๆๆ” เพียงเท่านั้นฉันก็ระเบิดหัวเราะออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันหนีเขาได้ สะใจเป็นบ้าเลย!

รถมอเตอร์ไซค์ของอินทรีย์วิ่งเข้ามาจอดในสนามแข่งรถ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังหยุดหัวเราะไม่ได้ เพราะมันตลกจริงๆที่ฉันได้เห็นสายตาผิดหวังของฟีนิกซ์ เขาต้องรู้สึกเสียหน้า รู้สึกว่าเขากำลังจะแพ้ให้กับฉัน

“หัวเราะอะไรนักหนา...ฉันอาจจะซวยเพราะแฟนเธอ” อินทรีย์ขมวดคิ้วมองฉััน

“พูดเหมือนว่านายกลัว ถ้านายกลัวจริง นายคงไม่ยอมพาฉันออกมา”

“เธอกับแฟน...ความสัมพันธ์ไม่เวิร์คเหรอ?” อินทรีย์หันมาถามฉัน ขณะที่เราเดินมานั่งที่ริมสนามแข่ง

“ห่วยแตกเลยล่ะ”

“แล้วจะคบกันทำไม?”

“อืม นั่นสิ...จะคบกันทำไมนะ? นายว่า...คนเราคบกันทำไม?” ฉันหันไปถามเขา

“ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยมีแฟน” เขาว่า

“จริงดิ?” ฉันแอบทึ่งนิดนึง เพราะอย่างที่พิงค์โรสว่า...อินทรีย์น่ะค่อนข้างที่จะหล่อจนวันตายควายล้ม ถึงจะดูเหมือนพวกนักเลง แต่จากที่ได้คุย ฉันรู้สึกได้ว่าเขาไม่ใช่ ผิดกับใครบางคนที่หล่อวัวตายควายล้มไม่ต่างกัน เพอร์เฟคร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนจะเป็นคนดี แต่ที่จริงแล้ว...เป็นมาเฟีย เป็นพวกนักเลงตัวจริง!

“อย่าสนใจเรื่องฉันเลย ฉันสนใจเรื่องเธอมากกว่า”

“สนใจอะไรฉัน?”

“บอกไม่ถูก...แค่อยู่ๆก็รู้สึกสนใจขึ้นมา” อินทรีย์มองตาฉันไม่วาง จนฉันต้องเลี่ยงสายตาเขาแล้วมองไปทางอื่น

“สอนฉันขับมอเตอร์ไซค์ได้ไหม? เมื่อกี้นี้สนุกดีนะ”

“ซ้อนมอเตอร์ไซค์กับขับเอง มันไม่เหมือนกันหรอกนะ ดูจากหน่วยก้าน...ฉันว่าผ่านไปปีนึงเธอก็ยังขับไม่ได้”

“นี่ ให้มันน้อยๆหน่อย...ถึงฉันจะเป็นผู้หญิง แต่ฉันก็เก่งไม่แพ้ผู้ชายหรอกนะ ถ้านายขับได้ ฉันก็ต้องขับได้”

“งั้น...ฉันจะได้อะไรตอบแทน ถ้าฉันสอนเธอขับ?” อินทรีย์ส่่งรอยยิ้มกวนประสาทมาให้ฉัน

“ฉันจะนับนายเป็นเพื่อนก็แล้วกัน”

“ฮ่ะๆ เป็นเพื่อนเธอนี่ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนแล้วเหรอ?”

“นาย! เป็นเพื่อนฉันน่ะ มีสวัสดิการเยอะนะ อย่างแรกเลย...นายจะได้รับการปกป้องจากฉัน อย่างที่สอง...นายจะได้ดื่มกาแฟที่ร้านของอบเชยฟรี อย่างที่สาม...นายจะมีฉันเสมอ เพราะถ้าฉันนับใครเป็นเพื่อนแล้ว ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่ข้างๆเสมอ”

“งั้นก็ได้ ตกลง...ฉันจะสอนเธอขับมอเตอร์ไซค์เพื่อนแลกกับการเป็นเพื่อนเธอ แต่ฉันขอเปลี่ยนอะไรสักหน่อย”

“อะไร?”

“เรียกฉันว่าพี่...เพราะฉันแก่กว่าเธอ แทนที่จะเป็นเพื่อน ให้ฉันเป็นพี่ชายเธอดีกว่า” เขายิ้มว่า

“ทำไม?”

“ก็ฉันอายุมากกว่าเธอนี่ จะเป็นเพื่อนได้ยังไง เรียกฉันว่าพี่อิน...แล้วฉันจะบอกว่าถ้าเธอเป็นน้องสาวของฉันแล้ว เธอจะได้สวัสดิการอะไรบ้าง”

“พี่อิน” แล้วฉันก็ยิ้มออกมา

“วิวาห์ ต่อจากนี้...ใครที่ทำให้เธอเสียใจ ต่อให้คนคนนั้นเป็นแฟนของเธอ ฉันจะจัดการมันเอง นี่เป็นสวัสดิการเพียงข้อเดียวสำหรับการเป็นน้องสาวของฉัน” ในตอนที่เขาเอ่ยออกมาแบบนั้น อยู่ๆฉันก็รู้สึกดีและอบอุ่นขึ้นมา ทั้งๆที่เราเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ

“อื้ม!”

“ไป...ลงไปที่สนามกัน เดี๋ยวฉันจะสอนความรู้เบื้องต้นในการขับมอเตอร์ไซค์ให้เธอ”

?????

ที่คลับฟาโรห์ พิงค์โรสและอบเชยกำลังนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่มุมหนึ่ง โดยมีองศา ตุลย์และแพททริคยืนคุมอยู่ เวลานี้เพื่อนสองคนของวิวาห์กำลังถูกคุมตัวไว้ เนื่องจากวิวาห์ทำในสิ่งที่ฟีนิกซ์ไม่ชอบใจ

“เฮียขา...พวกหนูไม่รู้เรื่องเลยจริงๆนะ อยู่ๆอินทรีย์ก็โผล่มา...เราเพิ่งรู้จักเขาวันนี้เอง” พิงค์โรสส่งสายตาเว้าวอนเหล่าชายหนุ่ม

“เฮียก็ไม่ได้อยากทำ แต่เฮียฟีนิกซ์บอกแล้วไง...ว่าพวกหนูจะออกไปจากที่นี่ได้ก็ต่อเมื่อวิวาห์กลับมา” องศาว่า

“เฮีย! พวกหนูติดต่อวิวาห์ไม่ได้ด้วยซ้ำ! ยัยนั่นปิดมือถือไปแล้ว!” อบเชยทำเสียงแข็ง

“งั้นพวกหนูก็ซวยแล้วล่ะ อาจจะต้องนอนที่นี่จนถึงเช้า ก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ว่าเฮียฟีินิกซ์เอาจริง พูดคำไหนคำนั้น” ตุลย์ส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยหน่ายรำคาญใจ

“เฮีย?!”

“งั้นบอกมาหน่อย ว่า...ไอ้อินทรีย์นั่น มารู้จักกับวิวาห์ได้ยังไง?” แพททริคเอ่ยถามสองสาว แล้ว...พิงค์โรสกับอบเชยก็หันมองหน้ากัน ในตอนนั้น...พิงค์โรสก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา

“อินทรีย์มาจีบวิวาห์ค่ะ บอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะแย่งวิวาห์มาจากเฮียฟีนิกซ์ให้ได้”

“?!!!” ซึ่งอบเชยถึงกับส่งสายตาตกใจเมื่อได้ยินพิงค์โรสตอบออกมาแบบนั้น

“ให้ฉันตายก่อนแล้วกัน มันถึงจะได้วิวาห์ไป” เสียงฟีนิกซ์ดังขึ้น ขณะที่เขาเดินลงมาจากชั้นบนของคลับ

“เฮีย...อย่าขังหนูเลยนะ พวกหนูไม่รู้เรื่องจริงๆ” พิงค์โรสโอดครวญ

“ให้กินได้แค่น้ำ ถ้าวิวาห์ยังไม่โผล่มาก็ห้ามปล่อยไป” ทว่านอกจากฟีนิกซ์จะไม่สนใจคำโอดครวญนั้นแล้ว ยังสั่งห้ามไม่ให้กินอีกต่างหาก

“เฮีย?! หนูจะแจ้งตำรวจนะ! หนูเป็นเพื่อนวิวาห์แฟนเฮียนะ! เฮียทำแบบนี้กับพวกหนูไม่ได้!” อบเชยโวยวายขึ้นมา

“ก็ถ้าวิวาห์เห็นว่าเธอสองคนเป็นเพื่อน...ป่านนี้ก็ต้องโผล่มาแล้ว”

“ยัยบ้านั่นไม่รู้นี่ว่าเฮียจับตัวพวกหนูมา!” พิงค์โรสแทรกขึ้นมาทันควัน

“วิวาห์รู้...ยัยบ้านั่นรู้อยู่แล้วพิงค์โรส อยู่ที่ว่าจะมาหรือเปล่าก็แค่นั้นแหละ” แล้วอบเชยก็ต้องบอกให้เพื่อนรับรู้ถึงความจริง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel