บทที่10 หลุมดำของนาย...มีหัวใจหรือเปล่า?
สุดท้ายฉัน พิงค์โรสและอบเชยก็ต้องนั่งดื่มที่คลับฟาโรห์ เนื่องจากอย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่าฉันไปไหนไม่ได้ เพื่อนสองคนไม่กล้าพาฉันออกไปที่อื่นเพราะกลัวพลังอำมหิตของฟีนิกซ์ แต่เพราะเราอยากเจอเจ๊สี่ อบเชยก็เลยโทรชวนเจ๊ออกมาที่นี่
ไม่นานเจ๊ก็มา...เจ๊สี่ที่เรารัก คือสาวสวยนมโต ก้นงอน ผมดัดทองดัดเป็นลอน สักลายแนวโอล์คสคูลทั้งตัว เธอเคลมตัวเองว่ากร้านโลกที่สุด และเจ๊สี่นี่แหละที่สอนให้พวกเราสามคนดื่มมาตั้งแต่ที่จบไฮสคูล
“เจ๊สี่...หนูคิดถึง” พอเจ๊สี่เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ พิงค์โรสก็เข้าไปกอดเจ๊ทันที
“ตอแหล! พวกมึงมีปัญหากันล่ะสิถึงโทรเรียกกูมา...ผับกูก็มีเหล้าแดก ทำไมไม่แหก...ไปกัน” บอกก่อนว่าถึงเจ๊สี่จะชอบด่า ชอบพูดหยาบคายแต่เจ๊สี่น่ะเป็นพี่สายที่ฉันรักมาก
“ฮ่ะๆ เจ๊ด่ามันอีก...พิงค์โรสมันสร้างเรื่องเอาไว้เยอะ ไม่งั้นพวกหนูคงไปเมาที่ผับเจ๊แล้วล่ะ” อบเชยหัวเราะชอบใจที่ได้เห็นพิงค์โรสโดนด่า
“อย่ามาโทษฉันนะ! วิวาห์ต่างหากที่สร้างเรื่องให้เฮียฟีนิกซ์โกรธ เราถึงออกไปไหนกันไม่ได้” พิงค์โรสโวยวาย
“ทำไม?! มีเรื่องอะไรกันอีกวะ?! รักกันไม่ได้ก็เลิกกันเลย! คิดจะมีผัวทั้งทีก็เลือกเอาคนที่รักมึงสิ! อย่าโง่! อีวิวาห์!” แล้วเจ๊ก็หันมาด่าฉันแทน
“เจ๊...อย่าด่าหนู หนูเจ็บอยู่” ฉันก็ได้แต่ทำหน้าหงอย
“เจ็บแล้วทำไมไม่จำ?! มึงจะโง่รักผู้ชายเหี้ยๆไปทำไมวะ?!”
“กดปุ่มเปลี่ยนเรื่องตรงไหน?” แล้วฉันก็แกล้งตัดบทเจ๊ทันที
“เจ๊ ดื่มเบียร์เย็นๆก่อนนะ อย่าเพิ่งขึ้น...เจ๊แก่แล้วเครียดมากๆเดี๋ยวเส้นเลือดในสมองจะแตกเอา” อบเชยรีบเอาเบียร์แก้วใหญ่ไปยื่นให้เจ๊
“มึงหลอกด่ากูแก่แหละ ดูออก” เจ๊ถลึงตาใส่อบเชย แต่แล้วก็รับเบียร์ไปกระดกรวดเดียวหมดแก้ว
“เจ๊สบายดีไหม? ช่วงนี้พวกหนูไม่ค่อยได้ไปหา...ไม่เหงานะ? พิงค์โรสส่งสายตาออดอ้อน
“พวกมึงไม่มาน่ะดีแล้ว มาหากูทีไร ชอบเอาเรื่องปวดหัวมาให้ตลอด คนนึงอยากจะรู้แต่เรื่องทางเพศ อีกคนก็ชอบให้เล่าเรื่องพิลึกๆ ส่วนอีกคน...” เจ๊สี่ถอนหายใจออกมาขณะที่หยุดมองหน้าฉัน
“อีกคนทำไมเหรอเจ๊?” ฉันยิ้มถาม จงใจกวนประสาทเจ๊
“อีกคนก็โง่ รักเขาแต่ปากอมสากไม่ยอมพูด...แล้วก็ต้องมานั่งเสียใจลับหลัง” พอได้ยินแบบนั้น ฉันก็หุบยิ้มทันที ยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม
“จริงของเจ๊ค่ะ หนูเห็นด้วย” อบเชยสมทบ
“งั้นก็ต้องอัปเดตกันหน่อยแล้วล่ะ...หนูบอกไปแล้วว่ารักเขา” ทันทีที่ฉันพูดออกไปแบบนั้น ทั้งเจ๊สี่ พิงค์โรสและอบเชยก็หันมองฉันเป็นตาเดียว คือ...เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน ฉันยังไม่ได้เล่าให้เพื่อนทั้งสองได้ฟังเลย
“จริงดิ?!” อบเชย
“นี่แกพูดจริงเหรอ?!” พิงค์โรส
“บอกรัก...แล้วมัันว่าไง?” เจ๊สี่
“ก็ไม่ว่าไง...เขาบอกว่ารักหนูไม่ได้ ให้ความรักหนูไม่ได้ ไม่มีวันจะรักหนู ที่เราคบกันมันเป็นเพราะผลประโยชน์ของผู้ใหญ่ เมื่อไหร่ที่แม่หนูกับพ่อเขาไม่มีผลประโยชน์ต่อกัน ถึงวันนั้นหนูกับเขาก็ต้องเลิก”
“เหี้ย! ทำไมหดหู่จังวะ?” พิงค์โรสถอนหายใจออกมา
“แล้วมึงเชื่อเหรอ? ไอ้ที่มันบอกว่ารักมึงไม่ได้ ไม่ได้รักเหี้ยอะไรนั่นอ่ะ?” เจ๊สี่เลิกคิ้วถามฉัน
“ทุกอย่างมันฟ้องอยู่แล้วป่ะเจ๊? ถ้าเขารักหนู...เขาจะทำให้หนูเสียใจทำไม?”
“มึงรู้ไหมคำนิยามของผู้ชายคืออะไร?” เจ๊สี่ถามฉันกลับ แล้วฉันก็ส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ผู้ชาย...เท่ากับ...หลุมดำ มึงไม่มีทางรู้ว่าในหลุมดำมีอะไร จนกว่ามึงจะตกลงไป...ถ้ามึงโชคดีมึงจะเจอความจริงว่าในหลุมดำนั้นมีหัวใจที่รักมึง แต่ถ้ามึงโชคร้าย...หลุมดำนั้นก็ว่างเปล่า”
“หนูไม่เข้าใจอ่ะเจ๊” อบเชยทำหน้างง
“แปลง่ายๆ อย่าใช้หู ใช้ตา เพื่อหาคำตอบ...ให้ใช้หัวใจ...ใช่ป่ะเจ๊?” พิงค์โรสทำหน้าโชว์เหนือ เมื่อสามารถไขปริศนาของเจ๊สี่ได้
“มึงฉลาดที่สุดในกลุ่ม อีพริ้ง”
“เจ๊...! พิงค์โรสไง...พิงค์โรสเอง ไม่ใช่อีพริ้งคนเริงเมืองนะ”
“ฮ่ะๆๆๆๆ” ฉันขำทุกครั้งที่เจ๊สี่เรียกพิงค์โรสว่าอีพริ้ง
“ที่หัวเราะเนี่ย...มึงเข้าใจแล้วเหรอวิวาห์?” เจ๊สี่หรี่ตามถามฉัน
“งื้อ! เจ๊อ่ะ...หนูหัวเราะก็ไม่ได้หรือไง?” ฉันทำหน้าน้อยใจ
“มึงอ่ะ อย่าเชื่อหูตัวเอง อย่าเชื่อแค่ที่ตาเห็น มึงหัดใช้ใจบ้างวิวาห์...ลองถ้าผู้ชายมันไม่รักมึงจริงๆ มันไปนานแล้ว...มึงบอกเองนี่ว่ารู้จักไอ้ฟีนิกซ์มันดี แล้วทำไมมึงถึงไม่รู้...ว่าคนอย่างมันน่ะ ไม่ได้เชื่อฟังพ่อตัวเองขนาดนั้น เหอะ! คบกับเพื่อผลประโยชน์เหรอ? กูว่าตอนแรกอ่ะใช่...แต่นี่มึงคบกันมาตั้งหลายปีแล้วนะ คนเราถ้าไม่รักกันเลย ไม่ทางอยู่กันได้หรอก แล้วมึงสวยขนาดนี้...ทำไมมันไม่เคยแตะต้องมึงเลยล่ะ? ทำไมต้องไปหาเศษหาเลยจากผู้หญิงข้างทาง? เพราะอะไรรู้ไหม?” หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นมาเหมือนกับว่ามันกำลังรู้สึกดีที่ได้ยินสิ่งที่เจ๊สี่พูด
“เพราะมึงสำคัญมากไง...สำคัญมากจนไม่กล้าแตะต้องมึง เพราะกลัว...ว่าถ้าเกิดต้องเลิกกันจริงๆ ความรู้สึกที่ถลำลึกไปแล้ว จะฉุดรั้งให้มันไม่กล้าปล่อยมึงไป...และอาจเพราะในสายตาของมัน มึงยังคงเป็นน้องสาวที่น่ารักของมันอยู่ ทั้งผลประโยชน์ของพ่อแม่ ทั้งน้องสาวที่น่ารัก ทั้งความกลัวมากมาย นี่แหละเป็นเหตุผลที่ทำให้มันไม่กล้าถามตัวเองด้วยซ้ำว่ารักมึงหรือเปล่า” หน้าฉันร้อนผ่าว หัวใจบีบรัดขึ้นมาอย่างหนัก เมื่อเจ๊สี่พูดคำคำเดียวกับที่ฟีนิกซ์เคยพูดกับฉัน...คำที่บอกว่าฉันสำคัญ...
“เพราะหนูสำคัญเหรอเจ๊?” น้ำเสียงของฉันสั่น ฉันควบคุมปฏิกิริยาในร่างกายไม่ได้เลย
“อืม จะมีไอ้บ้าที่ไหนวะ? มาคบกับผู้หญิงที่ไม่มีความสำคัญได้ตั้งนานหลายปี ไม่ต้องมาอ้างเหตุผลบ้าบอหรอก ฟังแล้วเชื่อไม่ได้! นี่มันชีวิตจริง! สติค่ะ!”
“เจ๊...พูดถูกใจหนูเวอร์...หนูคิดแบบนี้มาตลอด หนูว่ายังไงเฮียฟีนิซ์ก็รักวิวาห์ แต่แค่ปากหนักไม่ยอมพูด” พิงค์โรสออกโรงเสริมทัพ
“ถ้ารักแล้วทำไมไม่พูดอ่ะ? ไม่เห็นมีเหตุผลที่ต้องเก็บไว้เลย ในเมื่อวิวาห์ก็บอกไปแล้วรักเฮีย?” ขณะที่อบเชยตั้งข้อสงสัย
“ย้อนกลับไปที่นิยามของมัน...หลุมดำ...ผู้ชายพวกนี้น่ะ มันเองก็ไม่รู้ว่าในหลุมดำมีอะไร กูเดาว่าฟีนิกซ์มันไม่เคยถามตัวเองอย่างจริงจังหรอกว่ารักวิวาห์ไหม...พวกมึงเคยได้ยินประโยคที่บอกว่าเราจะไม่รู้ว่ารักใครจนกว่าจะเสียเขาไปไหม? นั่นแแหละเรื่องจริง”
“งั้นหนูต้องหายไปก่อนเหรอเจ๊? ฟีนิกซ์ถึงจะรู้ตัวว่ารักหนู...หรือไม่ได้รัก?” ฉันถามเจ๊สี่ ถามอย่างที่ตอนนี้นึกไม่ออกจริงๆว่าฉันควรจะทำถึงจะได้รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของเขา
“ถามตัวเองก่อน...ว่ามึงพร้อมจะหายไปไหม? มึงจะตายไหมล่ะ? ถ้าคำตอบที่ออกมามันอยู่ตรงข้ามกัับความต้องการของมึง” นั่นสิ...ฉันจะทนได้ไหมนะ ถ้าจะต้องหายไปจากเขาเพื่อได้คำตอบว่าจริงๆแล้วในหลุมดำนั้นไม่มีอะไร...
“เห้อ! ขนาดหนูไม่มีความรัก ยังรู้สึกว่ามันยากมากเลยอ่ะ...ทำไมความรักมันต้องยากด้วยอ่ะเจ๊?” อบเชยนิ่วหน้าถามเจ๊สี่
“มันไม่ยากหรอกถ้าพวกมึงใจตรงกัน แล้วพูดความรู้สึกออกมาตรงๆ”
“งั้นเปลี่ยนเรื่องเถอะ...หนูอยากพักเรื่องเขาสักสองชั่วโมงอ่ะเจ๊...มาชนแก้ว!” ฉันฉีกยิ้มชูแก้วเบียร์ขึ้นสูง ก่อนที่พวกเราสี่คนจะชนแก้วกัน
“แก้วนี้เพื่อ...หลุมดำ!” พิงค์โรสเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกวนประสาท
แก๊ง!
“สถานีต่อไป...เรื่องเซ็กส์...เจ๊ขาเล่าเรื่องเด็ดๆให้หนูฟังหน่อย...” อบเชยทำเสียงออดอ้อน
“อีนี่เอาอีกแล้ว...เป็นเหี้ยอะไรชอบถามเรื่องนี้กับกู อยากรู้ก็ไปลองเองสิวะ?!”
“ฮ่ะๆ อบเชยมันจะลองเองได้ยังไงอ่ะเจ๊...ชาตินี้จะหาแฟนได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย วันๆสนใจอยู่แต่กับวิ่งมาราธอน” พิงค์โรสหัวเราะเยาะเพื่อน
“ว่าแต่ฉัน...แกก็หาแฟนไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ เพราะแกชอบแต่ผู้ชายหล่อๆ แต่ผู้ชายหล่อๆไม่เอาแกไง!” อบเชยสวนกลับทันที
“จริง...ฮ่ะๆ” แล้วฉันก็หัวเราะออกมาได้อีกครั้ง
“พวกมึงนี่นะ...มีใครปกติกันสักคนไหมเนี่ย?”
“หนูปกตินะเจ๊...” ฉันยกมือขึ้นสูงพร้อมรอยยิ้ม
“ออกไปเต้นกันไหม? ดีเจเปิดเพลงน่าเต้นมากเลย...” พิงค์โรสโยกตัวไปตามเสียงเพลง
“ไปสิ...” อบเชยเห็นด้วย
“ไปกันเลย ฉันขอนั่งดูอย่างเดียวแล้วกัน ดื่มไปเยอะมากเลย...เหมือนจะเมา” ฉันว่า รู้สึกมึนจริงๆ ที่จริงฉันค่อนข้างที่จะเมาง่ายมากๆเลยล่ะ
“ตามใจแก...แต่เจ๊ห้ามนั่งนะ ออกไปเต้นกับพวกหนู...” ว่าแล้วพิงค์โรสก็ลากเจ๊สี่ออกไปที่แดนซ์ฟลอว์ โดยที่ฉันแค่มองตามก็มีรอยยิ้มออกมาแล้วล่ะ อย่างน้อย ในเวลาที่ฉันเศร้า ฉันก็ยังมีพิงค์โรส อบเชยและเจ๊สี่อยู่ข้างๆและทำให้ยิ้มออกมาได้
