บท
ตั้งค่า

บทที่7 ทุกอย่าง...ก็เพื่อผลประโยชน์

รถสปอร์ตคันหรูวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ ก่อนที่ร่างบางจะลงจากรถแล้วเดินเข้ามาในบ้านอย่างไม่พูดจา โดยมีร่างสูงเดินตามเข้าไป พอทั้งสองได้เจอกับวรรณวษา ผู้เป็นแม่ที่กำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นสอง วิวาห์ถึงได้เอ่ยขึ้นมาเป็นประโยคแรกของเช้าวันนี้

“แม่คะ”

“อ้าววิวาห์...ไหนว่าไปค้างกับฟีนิกซ์ ทำไมถึงกลับมาเช้าจังล่ะลูก?” พอเห็นว่าลูกสาวกลับมาบ้านแต่เช้า นักการเมืองสาวหม้ายผู้เก่งกาจก็เอ่ยถามขึ้นมา

“สวัสดีครับแม่” ขณะนั้นฟีนิกซ์ก็ยกมือไหว้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ของแฟน

“จ่ะ อยู่กินมื้อเช้าด้วยกันก่อนนะฟีนิกซ์”

“ครับ”

“ไม่ต้อง...ให้เขากลับไปเถอะค่ะ เพราะหนูมีเรื่องที่อยากจะถามกับแม่” วิวาห์แทรกขึ้นมา

“มีเรื่องอะไร? ถามมาเลยสิ...” วรรณวษาผู้ไม่รู้เรื่องราวเอ่ยขึ้นมา

“วิวาห์!” ซึ่งฟีนิกซ์รู้ดีว่าหญิงสาวจะถามเรื่องอะไร

“มีอะไรกัน? ทะเลาะกันมาหรือไง?”

“นายกลับไปซะ!” วิวาห์ไม่สนใจที่จะตอบคำถามของแม่ แล้วไล่ให้ฟีนิกซ์กลับไป

“วิวาห์! ไล่พี่เขาแบบนั้นได้ยังไง...แล้วนั่น...หน้าไปโดนอะไรมา?” วรรณวษาขมวดคิ้วมองหน้าลูกสาวเมื่อได้เห็นรอยช้ำจางๆที่มุมปาก

“เป็นความผิดของผมเองครับแม่” ฟีนิกซ์แทรกขึ้นมา

“จะมีวันที่หนูกับฟีนิกซ์ต้องเลิกกันใช่ไหม?” คำถามที่ค้างคาในวิวาห์มาทั้งคืน ได้โพล่งออกมาจากปากของเธอ ต่อหน้าผู้เป็นและฟีนิกซ์

“ถามอะไรแบบนั้นล่ะ?” วรรณวษาไม่เข้าใจคำถามของลูกสาว

“หนูถามว่า...ถ้าแม่กับคุณลุงฟาโรห์หมดผลประโยชน์ร่วมกัน แม่ก็จะให้หนูเลิกกับฟีนิกซ์ใช่ไหม?!” วิวาห์ถามย้ำด้วยน้ำเสียงแผดดังกว่าเดิม ซึ่งวรรณวษาก็ได้แต่นิ่งไป มองหน้าลูกสาวสลับกับฟีินิกซ์ สายตาแสดงความหนักใจที่จะตอบ

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ฟีินิกซ์รับรู้ถึงความลำบากใจของผู้เป็นแม่ดี

“นายไม่ต้องไปแล้ว! อยู่ฟังคำตอบของแม่ฉัน!”

“ใช่ ถ้าลูกสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่เกิดมีความขัดแย้งระหว่างแม่กับลุงฟาโรห์ขึ้นมา ลูกก็ต้องเลิกกัน...มันต้องเป็นไปตามที่แม่ตกลงไว้กับลุงฟาโรห์” คำตอบของผู้เป็นแม่ทำให้วิวาห์อึ้งไปในทันที

“เหอะ! เพื่อผลประโยชน์ แม่เอาความรู้สึกของหนูไปเดิมพันงั้นเหรอ?! แม่ทำได้ยังไง?!”

“แม่ทำดีที่สุดแล้ว เพราะ...แม่มั่นใจว่ายังไงแม่กับลุงฟาโรห์ไม่มีทางขัดผลประโยชน์กัน และแม่เชื่อ...ว่าถ้าไม่มีแม่ คนที่จะดูแลลูกได้ดีที่สุดก็คือฟีนิกซ์”

“เหลือเชื่อเลย...แม่จะรู้อนาคตได้ยังไง?! แล้วถ้าเกิดครั้งนี้แม่แพ้การเลือกตั้งล่ะ?! ลุงฟาโรห์จะไม่บอกให้หนูเลิกกับฟีนิกซ์หรือไง?!” น้ำตาไหลอาบสองแก้มของวิวาห์ เธอผิดหวังจากฟีนิกซ์มาแล้ว ยังต้องมาผิดหวังกับแม่อีกคน

“เพราะแม่จะชนะไงล่ะ ลูก...จะต้องได้แต่งงานกับฟีนิกซ์แน่ ถ้าลูกต้องการให้มันเป็นแบบนั้น อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย แม่รู้ว่าแม่กำลังทำอะไรอยู่ แม่ไม่มีทาง...พรากสิ่งที่รักไปจากลูกแน่”

“แล้วถ้า...หนูอยากจะเลิกกับเขาล่ะ? ถ้าหนูบอกว่า...ต่อให้มีผลประโยชน์บ้าบออะไรก็ไม่สนใจ! หนูอยากจะเลิกกับเขาแล้ว แม่จะว่ายังไง...?!” คำถามของวิวาห์ทำให้ฟีนิกซ์ขบกรามแน่นขึ้นมาในทันใด

“เรื่องนี้ลูกไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ ลูกกับฟีนิกซ์จะเลิกกันได้ก็ต่อเมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกันว่าให้เลิกเท่านั้น ตั้งสติซะวิวาห์...เรื่องของผู้ใหญ่ลูกไม่ต้องเข้ามายุ่ง ฟีนิกซ์เองก็เหมือนกัน...อย่าทำให้แม่ผิดหวัง ฟีนิกซ์รับปากแล้วนี่ว่าจะดูแลวิวาห์อย่างดี” วรรณวษาทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นแล้วเดินหายเข้าไปทางห้องอาหารชั้นล่าง จนที่ตรงนั้นเหลือเพียงฟีนิกซ์กับวิวาห์

“เป็นอย่างที่นายบอกทุกอย่าง...มันอาจมีวันที่เราต้องเลิกกัน ฉันเข้าใจแล้ว...แต่ก็แอบซะใจอยู่อย่างหนึ่ง...คือนายไม่มีสิทธิ์ไปจากฉัน จนกว่าจะได้รับคำสั่งจากพ่อกับแม่เราไงล่ะ” วิวาห์แสยะยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ส่วนฟีนิกซ์ก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินออกมาจากบ้านหลังใหญ่

ขณะที่กำลังจะขับรถออกไป เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาต้องรับสายนี้เพราะมันเป็นสายของฟาโรห์ผู้เป็นพ่อ

“ครับพ่อ”

[มีเรื่องอะไรกัน คุณวรรณโทรมาโวยวายยกใหญ่]

“ผมทะเลาะกับวิวาห์ครับ”

[แกสองคนทะเลาะกันทั้งปีทั้งชาตินั่นแหละ ดูแลน้องดีๆหน่อย...ช่วงนี้คุณวรรณกำลังจะเลือกตั้ง อย่าปล่อยให้วิวาห์สร้างปัญหา ถ้าคุณวรรณไม่ชนะเลือกตั้ง ผลเสียจะกระทบมาถึงเราด้วย...ถึงตอนนั้นแกรู้ใช่ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น?]

“ครับ...ผมต้องเลิกกับวิวาห์แล้วไปคบกับลูกสาวใครสักคนที่มีผลประโยชน์ให้พ่อ”

[เข้าใจแล้วก็ดี...โชคร้ายหน่อยนะที่เกิดมาเป็นลูกฉัน แกจะเกลียดฉันก็ไม่ว่า พ่อที่ไหนเอาชีวิตลูกชายมาหาผลประโยชน์...แต่ที่ทำไปทั้งหมดเพราะฉันต้องรักษาทุกอย่างที่เป็นของเราเอาไว้]

“ครับ...ผมเข้าใจ”

[ฉันเองก็หวัง...ให้คุณวรรณชนะการเลือกตั้ง วิวาห์น่ะ...เหมาะกับแกที่สุดแล้ว อย่าใจร้ายกับน้องให้มากนัก หัดเอาใจเขาบ้าง วิวาห์ก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ต้องการให้แกสนใจ อย่าทะเลาะกันอีก...]

“ครับ”

?????

สิ่งที่อาจารย์พูดในคลาสไม่เข้าหัวสมองฉันเลยสักนิด ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในหัวฉันมันมีแต่คำถาม...ว่าฉันจะเอาชนะฟีนิกซ์ได้ยังไง จะมีทางไหนบ้างที่ฉันจะทำให้เขาเสียใจเพราะฉันแม้สักครั้ง แค่ครั้งเดียวก็ยังดี...เมื่อไหร่ที่ฉันได้เห็นน้ำตาของเขา ฉันอาจรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นมาบ้างก็ได้

“เลิกคลาส!”

แล้วฉันก็ตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงอาจารย์บอกว่าเลิกคลาส

“เราจะจับคู่ยังไงวะ มีกันสามคน” เสียงพิงค์โรสพูดขึ้นมา

“นั่นสิ หรือจะให้ฉันไปหาคู่ใหม่ แล้วแกคู่กับวิวาห์?” อบเชยว่า

“มีอะไรกัน จับคู่อะไร?” ฉันถามอย่างไม่เข้าใจ

“แกไม่ได้ฟังเหรอ? ก่อนเลิกคลาสอาจารย์ให้เราจับคู่กันทำงาน ต้องไปหาวรรณกรรมอังกฤษมาอ่านแล้วก็เขียนวิเคราห์ตามหลักอ่ะ”

“แกสองคนจับคู่กันไปเถอะ เดี๋ยวฉันทำคนเดียว” ฉันว่า

“ไม่ได้ มันต้องวิจารณ์กันแบบสองคนถกเถียงกันอ่ะ ทำคนเดียวไม่ได้ อาจารย์บอกมา” อบเชยว่า

“งั้น เดี๋ยวฉันไปขออาจารย์ว่าให้เราทำกันสามคน” ว่าแล้วฉันก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปจากคลาส เพื่อจะตามให้ทันอาจารย์

“อาจารย์คะ!” พอฉันตะโกนเรียก อาจารย์ก็หันมา

“ว่าไงคะนักศึกษา?”

“คือกลุ่มหนูมีความคนอ่ะค่ะ หนูขอทำงานสามคนได้ไหมคะ?” ขอให้ได้...

“ไม่ได้ค่ะ อาจารย์บอกไว้แล้วว่าต้องทำงานสองคน” บ้าจริง!

“งั้นถ้าหนูทำคนเดียวได้ไหมคะ?” ต้องได้แล้วล่ะ...

“ก็อาจารย์เพิ่งบอกไปเมื่อกี้ว่าต้องทำสองคน นักศึกษาไม่ได้ฟังอาจารย์เหรอ?”

“ฟังค่ะฟัง แต่...”

“เอางี้สิ...เมื่อกี้ก็มีนักศึกษามาขอว่าจะทำคนเดียว พออาจารย์บอกว่าไม่ได้ เขาก็ไม่พอใจ จะดรอปวิชาเรียน ทำไมนักศึกษาไม่ลองไปชวนเขามาทำงานด้วยล่ะ?” ถึงขั้นจะไปดรอปเลยเหรอ?

“ใครคะอาจารย์?”

“ตัวสูงๆน่ะ น่าจะมาเรียนวิชาโทน่ะ เหมือนไม่ใช่เอกวรรณกรรม เมื่อกี้เขาเดินไปทางโน้นน่ะ” อาจารย์ชี้ไปทางด้านหลังตึกเรียน

“ค่ะ...งั้นหนูจะลองไปชวนเขาดูนะคะ” ว่าแล้วฉันก็ยกมือไหว้อาจารย์แล้ววิ่งไปทางด้านหลังตึกเรียนทันที

พอมาถึงที่ด้านหลังตึก ฉันก็ไม่เห็นใครอยู่แถวนี้เลย...นอกจากผู้ชายท่าทางเหมือนพวกนักเลงที่อยู่พิงกำแพงสูบบุหรี่อยู่...หรือว่าเป็นเขา? บอกตรงๆว่าฉันจำเพื่อนร่วมคลาสไม่ได้เลย

“นาย...ได้เรียนคลาสเดียวกับฉันหรือเปล่า?” แล้วฉันก็เดินเข้าไปถามเขา

“เธอเป็นใครวะ?” แล้วเขาก็ถามฉันกลับเสียงแข็ง ท่าทางเอาเรื่องสุดๆ

“?!!”

“ฉันจะจำได้ยังไงว่าเรียนคลาสไหนกับใครบ้าง?” กวนตีนจังวะ?!

“เอ่อ...นายเพิ่งออกจากคลาสวรรณกรรมอังกฤษหรือเปล่าล่ะ?!” ฉันเริ่มหัวเสียเพราะความกวนโอ๊ยของผู้ชายตรงหน้า

“อืม” อา...ใช่เขาจริงๆด้วย

“งั้นนายใช่ไหมที่บอกอาจารย์ว่าจะไปดรอปถ้าทำรายงานคนเดียวไม่ได้?”

“...” คราวนี้เขาไม่ตอบ แต่นิ่วหน้ามองฉัน

“มาทำคู่กับฉันไหม ไม่ต้องไปดรอปหรอก เสียเวลา...นายไม่ได้เรียนเอกนี้นี่...”

“ไม่” แล้วเขาก็ปฏิเสธฉันเสียงแข็ง

“นี่! คิดว่าฉันอยากจะมาทำงานกับพวกนักเลงอย่างนายเหรอวะ?! ถ้าเลือกได้ฉันก็อยากจะทำคนเดียว แต่อาจารย์ไม่ให้ไง! ฉันแค่...ไม่มีเพื่อนทำงานด้วยเท่านั้นแหละ! แต่ช่างเถอะอยากจะไปดรอปก็เรื่องของนาย น่ารำคาญเป็นบ้า กับอีแค่ทำงานคู่ จะอะไรนักหนา คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากไหนเหรอ? ถึงได้ทำงานคู่กับคนอื่นไม่ได้ หรือเป็นพวกกลัวสังคม?!”

“ผู้ชายคนนั้น...มองเธอไม่วางตามาห้านาทีแล้ว” และก็ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจสิ่งที่ฉันพูดเลยสักนิด ปลายสายตาไปที่ชั้นบนของตึกบริหาร พอฉันมองตามขึ้นไปก็เห็นฟีนิกซ์กับกลุ่มเพื่อนกำลังมองมาที่เรา

“ช่างเขาสิ...ตอนนี้ฉันสนใจแค่ว่านายจะมาทำงานคู่กับฉันไหม? ฉันไม่อยากดรอป...เอามาแค่ชื่อก็ได้ นายไม่ต้องทำก็ได้ เดี๋ยวฉันทำเอง”

“ทำไมเขามองเธอขนาดนั้น...จ้องเหมือนเสือรอตะครุบเหยื่อ?” ทว่าไอ้หมอนี่กลับสนใจแต่ฟีินิกซ์

“นี่! นายได้ฟังที่ฉันพูดบ้างหรือเปล่า?! จะไปสนใจเขาทำไม?! นายสนใจฉันก่อนได้ไหม? มาทำงานกัน...เอาแค่ชื่อนายมา...! เดี๋ยวฉันทำเอง!”

“อินทรีย์ พิพัฒนกุล ภาพยนตร์ปีสี่” แล้วเขาก็ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่สายตายังจ้องมองไปที่ตึกบริหาร

“ได้...ตามนี้ ต่อไปนี้ถ้าอาจารย์ถาม นายต้องตอบว่านายทำงานคู่กับฉัน จบนะ”

“อืม แล้วเธอชื่ออะไร?”

“วิวาห์”

“ที่แปลว่าแต่งงานน่ะเหรอ?” คราวนี้เขายอมละสายตาจากกลุ่มของฟีนิกซ์แล้วหันมาจ้องฉันแทน

“ใช่...”

“น่าสนใจดีนะ” แล้วเขาก็ยิ้มออกมา

“อะไรของนาย? ฉันไปล่ะ ทำงานเสร็จเมื่อไหร่ก็ส่งให้ อ่านด้วยล่ะ...เวลาพรีเซนต์จะได้ไม่โชว์โง่”

“แล้วเธอจะส่งให้ฉันทางไหน?”

“?”

“เอาเบอร์เธอมา...” ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือถือให้ฉัน

“คุยแค่เรื่องงานนะ ฉันมีแฟนแล้ว” ฉันรับมือถือจากเขามากดเบอร์ตัวเองลงไป

“นั่นใช่ไหม แฟนเธอ” เขาปลายสายตาไปทางฟีนิกซ์ แต่ฉันก็ไม่ได้ตอบอะไร ยื่นมือถือคืนเข้าแล้วก็เดินเข้าไปในตึกเรียน

?????

“คุยเหี้ยอะไรกันวะ นานสองนาน เหมือนแลกเบอร์กันด้วย” องศาเอ่ยถามขึ้นมา ขณะที่พวกเขากำลังมองวิวาห์และอินทรีย์มาจากชั้นสองของตึกบริหาร

“ไอ้เหี้ยนั่นแม่งหน้าคุ้นๆว่ะ” ตุลย์เอ่ยขึ้นมมา

“มึงรู้จักเหรอ?” แพททริคหันไปถามเพื่อน

“...อินทรีย์ป่ะวะ? นักแข่งรถไง...ใช่ๆ ไอ้เหี้ย...นักบิดที่กำลังมาในช่วงนี้อ่ะ มันเรียนมหาลัยเดียวกับเราเหรอวะ?” แล้วน้ำเสียงของตุลย์ก็ตื่นเต้นขึ้นมา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าผู้ชายที่คุยกับวิวาห์นั้นก็คืออินทรีย์ที่เป็นนักแข่งมอเตอร์ไซค์ ที่โด่งดังมากในวงการนักบิด

“เอาไง...ฟีนิกซ์?” องศาหันถามฟีนิกซ์ที่ยังคงยืนนิ่งเงียบ ทว่าเขาไม่ตอบอะไรทั้งนั้น หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างเฉยเมย

“ถามจริง...มึงเคยเห็นวิวาห์สำคัญบ้างป่ะวะ?!” แล้วแพททริคก็เดือดดาลขึ้นมา ก่อนที่จะเดินออกไปเพราะไม่อยากจะมีเรื่องขึ้นมา

“รอกูด้้วยไอ้แหี้แพท!” ตุลย์ตามเพื่อนออกไป

“ถ้ามึงเอาแต่เงียบ...ระวังนะ มึงอาจจะเสียวิวาห์ไปจริงๆ” องศาวางมือบนไหล่ฟีนิกซ์เพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่จะเดินตามตุลย์ออกไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel