ตอนที่ 2(2)
‘ Close ’
“...”
เอิ่ม...
ป้ายหน้าร้านเขียนว่าปิดจริง... แต่ว่า!
“ไหนล่ะพนักงานที่ว่า ไม่เห็นจะมีใครเลย” คาร์ลมองซ้ายมองขวาอย่างสงสัย ฉันเองก็สงสัยเหมือนกัน ก็ยัยใบบอนบอกฉันเองหนิว่าจะรออยู่หน้าร้าน
กึกๆ
ระหว่างที่ฉันกำลังวุ่นวายกับการโทรศัพท์หายัยใบบอนนั่น คาร์ลก็เอื้อมมือไปจับประตูแล้วผลักเปิดแต่ทำไม่ได้
“เธอล็อกก่อนออกไปเหรอ?”
“หืม เปล่านะ”
“...???”
ใช่สิ... ตอนนั้นคาร์ลคงมัวแต่สนใจคนเจ็บจนลืมเรื่องอื่นไป ฉันถอนหายใจเฮือก! ก่อนจะพูดออกมา
“ก็ ตอนที่นายรีบพาลีลาร์ไปที่รถฉันก็ฝากร้านไว้กับลูกค้าคนหนึ่งน่ะ สงสัยว่าเธอจะเป็นคนล็อกร้านอะ”
คาร์ลจ้องหน้าฉันนิ่ง... แล้วเอ่ยชื่อหนึ่งออกมา
“เคมี่?”
ฉันกะพริบตาปริบๆ
“ใครเหรอ?”
“บ้าจริง!” หมอนั่นสบถก่อนจะล้วงกุญแจออกมาไขประตูอย่างรวดเร็ว
จริงสิ... ประตูนี่ถ้าไม่มีกุญแจก็ล็อกจากข้างนอกไม่ได้ งั้นแสดงว่ามันล็อกจากข้างใน เฮือก! =O= อย่าบอกนะว่าเธอคนนั้นขังตัวเองเอาไว้ในร้านมาตลอดน่ะ
แอ๊ด!~
“...”
ปะเป็นอย่างที่ฉันสงสัยจริงๆ ด้วย ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในร้านมาตลอด!
“เคมี่” คาร์ลเอ่ยออกมา
“คาร์ลี่” เธอลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้หันมาเผชิญหน้ากับพวกเราทันทีโดยที่มีเศษหลอดแก้วแตกเมื่อเช้าคั่นอยู่ตรงกลาง ก่อนออกไปเป็นยังไงกลับมาก็ยังเป็นยังงั้น
ไม่คิดจะเก็บกวาดเลยเหรอ
ถึงจะไม่ใช่ร้านตัวเองก็เถอะแต่นั่งมองเศษแก้วแตกแบบนั้นไม่รำคาญตาบ้างหรือไง ขนาดฉันเห็นแล้วยังรู้สึกหงุดหงิดเลย ฮึ่ย
อะเด๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้คาร์ลเรียกยัยนี่ว่าเคมี่? แล้วยัยนั่นก็เรียกคาร์ลว่าคาร์ลี่ ตกลงว่าสองคนนี้เป็นอะไรกันแน่? ถ้าจำไม่ผิดคืนก่อนและคืนก่อนๆ โน้นก็ได้ยินหมอนั่นคุยโทรศัพท์กับคนชื่อนี้มาตลอดเลยนี่นา...
หระหรือว่า! O-O แฟน!?
กึก!
“เคมี่!”
ขณะที่ฉันกำลังประเมินสถานการณ์ระหว่างเคมี่กับคาร์ลอยู่นั่นเอง บุคคลที่สามก็พรวดพราดเข้ามาในร้าน เขาอยู่ในชุดนักศึกษาเรียบร้อยแต่กระดุมเสื้อสองเม็ดบนหลุดโชว์หน้าอกวับแวมไม่รู้ว่าตั้งใจหรือมันหลุดเองและสวมทับด้วยเสื้อกาวน์สีขาวสะอาดตาเกือบถึงเข่าอีกชั้นหนึ่ง
แวบแรกที่เห็นเป็นใครก็ต้องรู้สึกประทับใจและชื่นชมในตัวผู้ชายคนนี้กันทั้งนั้นเพราะเขาทั้งหล่อ เท่ สมาร์ต อบอุ่นและดูเป็นผู้ใหญ่แถมดวงตาคมเข้มสีดำนั่นยังส่องประกายความเจ้าเล่ห์นิดๆ ด้วย
อ๊างงงง!!! ผู้ชายในอุดมคติโผล่มาอีกคนแล้วสิ มินตราจะเป็นลม! .,
“...”
แต่รู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกๆ แฮะ... ฉันเหลือบมองคาร์ลกับเคมี่ที่ยืนเงียบอึ้งอย่างสงสัย
“เคมี่ ยังไม่เสร็จธุระเหรอ?”
ผู้ชายคนนั้นมองหน้าเคมี่ก่อนจะชำเลืองมองเศษหลอดไฟที่แตกเกลื่อนบนพื้น
“แล้วนี่... มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”
“มะไม่ใช่อย่างที่คิดหรอกดอม อุบัติเหตุนี่เกิดก่อนที่เคมี่จะมาถึงน่ะ” เคมี่ยิ้มเจื่อนๆ ให้ผู้ชายคนนั้น
...ชื่อดอมสินะ
“เคมี่มันหมายความว่ายังไง” คาร์ลโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ทำเอาทุกคนตกใจไปตามๆ กัน หมอนั่นเป็นอะไรเนี่ย จู่ๆ ก็อารมณ์เสียขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ ผีเข้าหรือไง
“อะ... คาร์ลโทษทีนะแต่ว่าฉันขอให้ดอมมารับหลังจากที่คาร์ลกับพนักงานออกไปจากร้านน่ะ แล้วก็ถือวิสาสะล็อกร้านด้วยเพราะไม่รู้จะรับมือกับพวกลูกค้าที่มาตามหาคาร์ลยังไง”
ลูกค้าที่มาตามหาคาร์ล? คิก! ฉันเกือบหลุดขำแหนะที่ได้ยินแบบนั้น บอกแล้วว่าหมอนี่น่ะฮอตมากๆ จนพักหลังๆ จุดประสงค์ของลูกค้าที่เข้าร้านก็เปลี่ยนไปจากมากินข้าวกลายเป็นมานั่งมองคาร์ลแทน เฮ้อ! เหนื่อยใจ
คาร์ลนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งก่อนจะขมวดคิ้วข่มเสียงพูดออกมาด้วยท่าทางไม่พอใจ
“แต่ผมเพิ่งจะเจอคุณเองนะ จะกลับไปทั้งแบบนี้งั้นเหรอ”
“งั้นก็รีบๆ พูดธุระของคาร์ลมาสักทีสิ”
คาร์ลชะงัก นัยน์ตาแข็งกร้าวขึ้นกว่าเดิม
“เคมี่ ช่วยให้ความสำคัญกับเรื่องของผมบ้างไม่ได้หรือไง”
“อะไรอีกล่ะ ก็อุตส่าห์มาหาแล้วนี่ไง มีอะไรก็พูดมาสักที ไม่งั้นจะได้กลับ รู้มั้ยว่าฉันต้องรอคาร์ลนานแค่ไหน”
“แล้วทำไมต้องเรียกหมอนี่มาด้วย!” จู่ๆ คาร์ลก็ชี้มือใส่ดอม ทำเอาดอมถึงกับชักสีหน้าขึ้นมาทันที
“ฉันต่างหากที่ควรตั้งคำถามว่านายเรียกแฟนฉันมาหาทำไม!” ดอมสวนกลับทำเอาคาร์ลถึงกับกัดฟันกรอด
อึ้ง! เคมี่เป็นแฟนดอม! แล้วคาร์ลล่ะเป็นอะไร? O_o
“ฉันจะเรียกมาทำไมมันก็เรื่องของฉัน ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันกับเคมี่เป็นอะไรกัน” คาร์ลตวาดใส่ดอมเสียงแข็ง
เอ่อ... ฉันงงไปหมดแล้ว
“คาร์ล! เรื่องของเรามันจบแล้วนะ เลิกพูดเหมือนเรายังคบกันสักที”
หา!! คาร์ลเป็นแฟนเก่าหรอกเหรอเนี่ย งั้นเขาเรียกเคมี่มาที่ร้านเพื่ออะไรล่ะ หรือว่ายังตัดใจไม่ขาด แต่ว่า... แบบนี้มันชักจะเป็นเรื่องไม่ดีแล้วแฮะ
“คาร์ลนายบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยกับเคมี่ใช่มั้ย งั้นคุณคะขอเวลาให้สองคนนั้นสักครู่ได้มั้ย? เดี๋ยวไปนั่งรอที่โต๊ะด้านในก่อนก็ได้ค่ะ ฉันจะเอาน้ำมาเสิร์ฟ” ฉันพูดขึ้นเพื่อจะช่วยไกล่เกลี่ยไม่ให้ใครต้องขุ่นข้องหมองใจ ซึ่งดูเหมือนแฟนใหม่ของเคมี่จะใจดีกว่าที่ฉันคิด เขาถอนหายใจและพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของฉันอย่างง่ายๆ
แต่ทว่า...
“ใครใช้ให้เธอมายุ่งกัน!!” คาร์ลตวาดใส่หน้าฉันเสียงดังลั่น! นัยน์ตาคมเข้มสีน้ำตาลแข็งกร้าวและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
อะไรกัน
คนอุตส่าห์ช่วย นายเป็นคนนิสัยยังไงกันแน่เนี่ย
“คาร์ลี่มีเหตุผลหน่อยสิ ดอมช่วยรอหน่อยนะ” เคมี่แทรกขึ้นมา
“ได้สิ ช่วยนำผมไปที่โต๊ะด้วยครับ” ดอมพยักหน้าอย่างคนใจกว้างก่อนจะหันมาพูดกับฉันในประโยคท้าย
ฉันกำลังจะเดินนำมาที่โต๊ะแต่ว่า...
“ฉันไม่ต้องการความสงสารหรือเห็นใจจากนาย เคมี่ให้หมอนั่นกลับไปซะ” คาร์ลตะคอกออกมา
“คาร์ลี่”
“เฮ้! ความอดทนของฉันมันก็มีขีดจำกัดเหมือนกันนะ” ดอมจ้องหน้าคาร์ลเขม็ง
“คาร์ล! นายมีเหตุผลหน่อยสิ ถ้านายไม่อยากให้เราได้ยินบทสนทนาของนายเราก็จะไปนั่งที่โต๊ะด้านหลัง หรือจะให้ออกไปรอที่หลังร้านก็ได้ ไม่เห็นจะต้องไล่เขากลับเลยนี่ เขาเป็นแฟนเคมี่นะ”
คาร์ลนัยน์ตาลุกวาวขึ้นมาทันที จ้องฉันยังกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เธอน่ะหุบปากไปเลย! เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเธอจะไปไหนก็ไป!”
ฉันอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าเขาจะตวาดและไล่ฉันซึ่งพยายามช่วยต่อหน้าต่อตาคนอื่นแบบนี้ ความโกรธระคนอับอายพุ่งปี๊ดขึ้นมาจุกแน่นที่หน้าอกทันที
โธ่เอ๊ย!! ไอ้คนเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจ
ฉันสบถด่าหมอนั่นในใจ จ้องหน้าเขานิ่ง เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะตัดสินใจเดินออกมาจากร้านด้วยอารมณ์ที่ยังคุกรุ่น
ไม่รู้ไม่ชี้ด้วยแล้ว! นายจะทำอะไรมันก็เรื่องของนาย วันนี้ที่ร้านจะเป็นยังไงก็ช่าง ฉันขอลาหยุด
