บท
ตั้งค่า

Chapter 4 เนื้อคู่มาเคาะประตู

ดารการีบเดินเข้าไปหาเพื่อนและกระซิบถาม

“โจทย์แกเหรอ”

“อือ...หมอนั้นเป็นทนายและเป็นเจ้าของสำนักงานทนายความ ถึงได้หัวหมอยกกฎหมายมาขู่ฉันตลอดเวลาไงล่ะ” คนอคติความคิดก็อคติอยู่วันยังค่ำ

“ถ้าบอกฉันดีๆ ฉันก็เข้าใจนะ ไม่น่าทำขนาดนี้เลย” ดารกาบ่น

“หมอนั่นตั้งใจแกล้งฉัน คอยดูเถอะฉันจะเอาคืนอย่างสาสม เลือดมันต้องล้างด้วยเลือด” ความโกรธทำให้ฉันโพล่งออกไปอย่างเดือดดาล แม้ว่าฉันจะกำลังโกรธมาก แต่ดารกากลับยื่นหน้ามายิ้มทะเล้น

“แกล้งกันไปแกล้งกันมาแบบนี้ ถ้าตกหลุมรักกันสักวันฉันจะขำให้ปลายลิ้นเริงระบำเลย เห็นมาหลายรายแล้วนะแก คู่ปรับจับมารักเนี่ย”

“แหวะ! ไม่ไหวหรอกย่ะ ฉันไม่มีวันเอาหมอนั่นมาทำผัวเด็ดขาด ผู้หญิงทรงเสน่ห์แห่งปีอย่างฉันไม่ตาต่ำขนาดนั้นหรอก สาบานได้ว่าฉันจะตามจองล้างจองผลาญหมอนั่นไปตลอดปีตลอดชาติ”

“อาฆาตแรงขนาดนั้นเลยเหรอวะแก”

“เรียกว่ากรวดน้ำคว่ำขัน เผาพริกเผาเกลือสาปแช่งกันเลยดีกว่า”

“โห ขนาดนั้นเลย แบบนี้หรือเปล่าแกถึงต้องย้ายสำนักงานไปอยู่ข้างนอก”

“อือ...ฉันถอยมาก้าวนึงแล้วนะ แต่หมอนั่นก็ไม่ยอมหยุด ไม่ยอมอะลุ่มอล่วยในฐานะเพื่อนบ้านที่จะพึ่งพาอาศัยกันได้เลยสักนิด”

ฉันหันหน้าไปมองรั้วบ้านเจ้ากรรมและบอกออกมาอย่างโกรธแค้น หันไปมองอรอินทร์ตาขวาง พายุเปลี่ยนทิศ

“ทำไมเพิ่งจะมาบอก”

“อรก็เพิ่งจะเข้ามาเจอตอนที่รถถูกยกเหมือนกันค่ะ” อรอินทร์ตอบเจ้านายเสียงอ่อย

ฉันหยิบกุญแจรถไปที่โรงพักอย่างหัวเสีย ในใจก็คิดหาแผนการและหาวิธีการเอาคืนหนุ่มทนายความข้างบ้านไปด้วย

เมื่อกลับมาถึงบ้านด้วยความหงุดหงิดทั้งเหนื่อยและร้อน ฉันก็เห็นผู้ชายกวนอารมณ์ข้างบ้านผิวปากยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ข้างริมรั้วอย่างอารมณ์ดี เหมือนเขาจงใจยั่วฉัน

เสียงกรี๊ดของกะทิดังลั่นออกมาจากหลังบ้าน

“งู...กรี๊ด ช่วยด้วยค่ะ งูเข้าบ้าน”

ฉันรีบวิ่งตามเสียงเข้าไป เห็นกะทิยืนตัวสั่นก้าวขาไม่ออกอยู่ข้างบ้านที่เป็นส่วนของครัว

“ไหนๆ! มันอยู่ไหน” อรอินทร์วิ่งตามออกมาส่งเสียงร้องบอกเหมือนผู้พิทักษ์ แต่พอเห็นตัวงู เจ้าตัวกลับรีบกระโดดขึ้นยืนบนเก้าอี้

“อ้าย...”

“ส่งเสียงมาเหมือนจะมาจับงูด้วยตัวเอง เล่นใหญ่แต่ใจปลาซิว” ฉันบอกอย่างหมั่นไส้

“งูนะคะคุณโซดา ใครจะไม่กลัว” อรอินทร์หันมาบอกฉัน

“จะทำยังไงดีคะ เรามีแต่ผู้หญิง” แตงไทยถามเสียงสั่น ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เธอยืนจ้องหน้ากับงูเขียวตัวใหญ่ ไม่กล้าที่จะก้าวออกมา

กะทิกับแตงไทยกำลังทำอาหารอยู่หลังบ้าน ออฟฟิศมีงบซื้ออาหาร แต่ทุกคนต้องช่วยกันทำกินเอง

“ไหน! มันอยู่ไหนล่ะ” ฉันถาม

กะทิชี้มือไปที่จุดที่ผู้บุกรุกจับจองพื้นที่อยู่ มันคงกลัวเสียงจนไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน พอฉันเห็นตัวต้นเหตุก็รีบกระโดดขึ้นบนเก้าอี้แย่งกับอรอินทร์ จนคนบนเก้าอี้แทบร่วงลงมา มันตัวใหญ่กว่าที่คิด

ลืมไปว่าเมื่อครู่ตัวเองก็หมั่นไส้อรอินทร์ไม่น้อย

“คุณโซดา เบียดทำไมคะ”

“ฉันก็กลัวนี่”

ในสถานการณ์ที่ทุกคนกำลังหวาดกลัว แต่ทุกคนกลับหัวเราะขำเมื่อมองเห็นหน้าซีดของฉัน

“นึกว่าจะเก่งนะคะ เล่นใหญ่ แต่ใจปลาซิวอนุบาล” อรอินทร์กระซิบบอก

“เดี๋ยวฉันตัดเงินเดือน” ฉันบอกพร้อมกับส่งแววตาอำมหิตปราดไปมองคนพูด

คำประกาศิตที่ออกจากปากเพียงแผ่วเบาก็ทำให้อรอินทร์รูดซิปปากสนิท

“แล้วเราจะทำยังไงคะ” กะทิถามด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว เธออยู่ใกล้ผู้บุกรุกมากที่สุด ทั้งสองฝ่ายต่างจ้องตากันหยั่งเชิง ไม่กล้าขยับเขยื้อนทั้งคนและงู

“ฉันไม่จับนะ” ฉันรีบปฏิเสธทันที

“ฉันก็ไม่จับ” อรอินทร์บอกตามมาติดๆ

“ฉันก็กลัวงูจนฉี่จะราดอยู่แล้ว” แตงไทยยืนตัวสั่นตอบออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นไม่แพ้กับตัว

“โทรฯ ไปสายด่วน 199” เสียงเข้มของคนข้างบ้านตะโกนข้ามกำแพงมาบอก

ความโมโหที่สะสมเมื่อตอนกลางวันยังไม่เลือนหายไปจากหัว ทำให้ฉันตอบกลับไปทันที

“ถามคนข้างบ้าน...นั่นเสือกใช่มั้ย” ฉันตอบกลับแรงชัดจัดเต็มตามอารมณ์ของความโมโห

“เขาช่วยเราต่างหาก” อรอินทร์กระซิบบอกฉันเสียงเบา

“ฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา ฉันเกลียด!” ฉันย้ำเข้มด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความโกรธเต็มพิกัด

“แต่ตอนนี้เรามัวแต่ถือทิฐิไม่ได้นะคะ ถ้าเกิดงูตัวนั้นมันเลื้อยเข้าบ้านจะทำยังไง”

“โทรฯ ไป 191 ฉันจะแจ้งความจับ งูมันต้องเลื้อยมาจากต้นไม้ข้างบ้านแน่ๆ เพราะเป็นเจ้าของมันสิ! ถึงได้เดือดร้อนรีบบอกเบอร์ติดต่อขนาดนี้” ตั้งใจจะบอกอรอินทร์ แต่ตะโกนเสียงดังให้คนข้างบ้านได้ยินด้วย

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะที่ข้างกำแพงเบาๆ นรานิลเหมารวมว่านั่นเป็นเสียงหัวเราะของการเยาะเย้ย

สีหราชขำคนมีทิฐิอย่างนรานิลจะโทรฯ เรียก 191 มาจับงู

“อย่าคิดว่าฉันจะเอาเรื่องนายไม่ได้นะ” นรานิลตะโกนข้ามกำแพงบอกไป

“เอาเรื่องผมเรื่องอะไร”

“ก็นายปล่อยงูมาเพ่นพ่านที่บ้านฉัน”

“งูเข้าบ้านตัวเอง คิดได้ยังไงว่าจะเอาเรื่องคนอื่น”

“งูมันต้องมาจากบ้านนายแน่ๆ”

“ผมไม่ได้เลี้ยงงู”

“แต่บ้านนายมีต้นไม้ งูมันก็ต้องอยู่กับต้นไม้ เพราะฉะนั้นมันต้องเลื้อยมาจากบ้านนายแน่นอน”

“บ้าไปกันใหญ่แล้ว”

“ไม่รู้ล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็โทรฯ เรียก 191 มาจับงูก่อนนะ ถ้าจะเรียกร้องอะไรก็ส่งหมายศาลมาก็แล้วกัน ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ” เขาบอกและเดินกลับเข้าไปในบ้าน

“คิดว่าเป็นทนายแล้วฉันจะไม่กล้าเหรอ นายทนายหัวหมอ” คนพาลตะโกนตามหลังไป

“ผมไม่กล้าคิดว่าคุณจะไม่กล้าทำหรอก”

“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันจะเอาเรื่องนายให้ถึงที่สุด”

“ฮ่าๆ” เขาหัวเราะขำเสียงดัง

“ขำอะไรไม่ทราบ”

“ขำคนพาลอย่างคุณน่ะสิ ผมรอรับหมายศาลที่บ้านก็แล้วกัน ช่วยหาทางพิสูจน์ด้วยนะว่างูตัวนั้นเป็นงูบ้านผมจริงๆ” เขาบอกอย่างอารมณ์ดี

หลังจากที่ได้ยินเสียงปิดประตูบ้าน เข้าใจว่าสีหราชเดินเข้าบ้านไปแล้ว อรอินทร์จึงกระซิบบอกฉัน

“โทรฯ ไป 191 แล้ว เขาไม่รับจับงูค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็โทรฯ ไป 199 สิ” ฉันตอบกลับทันที

“อ้าว! ไหนเมื่อกี้บอกว่าไม่ให้โทรฯ ”

“ไม่รู้หรือไงว่าเมื่อกี้ฉันแค่กลัวเสียหน้า ตอนนี้หมอนั่นไม่อยู่แล้ว โทรฯ ได้”

“ค่ะ”

คนที่ยืนอยู่หลังกำแพงบ้านยิ้มขำ ใจจริงเขาก็อยากไปช่วย แต่เธอคงไม่คิดว่าเขาอยากช่วยจริงๆ ขนาดบอกเบอร์โทรศัพท์เจ้าหน้าที่มาจับงู เธอยังคิดว่าเขาเสือกเลย

ท้องฟ้าสดใสต้อนรับเช้าวันทำงานใหม่ที่สดชื่น หลังจากที่เมื่อวานวุ่นวายอยู่กับการจับงู และต้องหัวเสียตลอดเย็นเมื่อรู้ว่าไม่สามารถเอาผิดเจ้าของงูที่อยู่ข้างบ้านได้

เสียงกริ่งออดหน้าบ้านเรียกให้ฉันต้องเดินออกไป เจ้าหน้าที่จากร้านดอกไม้ยืนรออยู่หน้าบ้าน ในขณะที่ผู้ชายปากร้ายใจดำข้างบ้านกำลังจะออกไปทำงานพอดี

“มีกุหลาบมาส่งคุณนรานิลครับ” เสียงนุ่มสุภาพบอก ฉันยิ้มกว้างและเดินออกไปหา เริ่มต้นวันใหม่ของฉันด้วยช่อกุหลาบสีขาวช่อโต

“ขอบคุณค่ะ”

“ช่วยเซ็นรับด้วยนะครับ” เจ้าหน้าที่จากร้านดอกไม้ยื่น สมาร์ทโฟนมาให้ฉันเซ็นชื่อรับช่อดอกไม้ในนั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel