บท
ตั้งค่า

Chapter 3 คู่ปรับเก่า

หลังจากจอดรถเสร็จเรียบร้อยดารกาก็เดินควงกุญแจรถเข้าไปในสำนักงานของเพื่อน วางถุงขนมของฝากบนโต๊ะทำงานของอรอินทร์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ดารกามักซื้อขนมมาฝากเสมอ เมื่อเห็นถุงขนมวางเจ้าของโต๊ะทำงานก็เงยหน้าขึ้นมา

“สวัสดีค่ะคุณดาว”

“ยัยโซดากลับมาแล้วใช่มั้ยอร”

“กลับมาเมื่อวานค่ะ” อรอินทร์ตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ดารกาสนิทคุ้นเคยกับคนที่นี่เป็นอย่างดี

“อยู่ข้างในใช่ป่ะ”

“ค่ะ”

“โอเค ขอบคุณมาก” ดารกาเดินผ่านหน้าอรอินทร์ไป โดยลืมถามไปว่าสถานะอารมณ์ของเพื่อนพร้อมที่จะรับแขกหรือเปล่า

“ฮัลโหลลล...ดาร์ลิ้ง”

ฉันเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง ในจังหวะที่เจ้าของเสียงเปิดประตูห้องทำงานเข้ามา

“แกรู้ได้ไงว่าฉันกลับมาแล้ว” เจ้าของบ้านถามอย่างแปลกใจ เพราะยังไม่ได้บอกใครสักคนว่ากลับมาแล้ว

“ฉันมีญาณวิเศษย่ะ”

“มาทวงของฝากหรือไง”

“ไปเที่ยวมา หิ้วผู้ชายใส่ถุงกลับมาฝากเพื่อนบ้างหรือเปล่าล่ะ” ดารกาทำหน้าล้อเลียน นั่นทำให้เจ้าของบ้านหน้าหงิกมองเพื่อนสาวอย่างไม่สบอารมณ์

หนอย...ยังมีหน้ามายิ้ม ทำหน้าล้อเลียนอีก ทริปท่องเที่ยวของฉันทำให้พลาดกิจกรรมสำคัญในชีวิตของเพื่อนไปถึง 2 คน

“พูดเรื่องผู้ชายแล้วของขึ้น ฉันยังไม่สะสางกับพวกแกเลย ฉันแค่ไปเที่ยว 3 เดือน กลับมาเมื่อวานก็ได้ข่าวว่ายัยป่านแต่งงานแล้ว ส่วนแกก็ประกาศแต่งงาน พวกแกไม่คิดจะบอกกล่าวกันล่วงหน้าบ้างหรือยังไง ฉันไม่สำคัญเลยใช่มั้ย” ฉันบอกอย่างน้อยใจกึ่งโมโห เงยหน้ามองเพื่อนสาวอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ

“ได้ข่าวว่าแกประกาศแต่งงานแย่งซีนในงานแต่งยัยป่านด้วยไม่ใช่เหรอ แต่งงานมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะแก”

ฉันแอบเห็นแม่เพื่อนตัวดีลอบถอนหายใจ “รินนี่คาบข่าวไปบอกแกอีกแล้วล่ะสิ ไหนบอกว่าไปเที่ยวต้องการความอิสระ ไม่ติดต่อใครไง รู้ทุกอย่างเลยนะแก”

“อรเพิ่งบอกฉันเมื่อเช้าย่ะ ยังไม่เจอรินนี่เหมือนกัน ไม่รู้ว่ายัยเพื่อนสาวในร่างหมีขาวจะมีข่าวเซอร์ไพรส์ฉันอีกคนหรือเปล่า”

“นี่งอน” ดารกาทำเสียงล้อเลียนฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกสนุกไปกับเพื่อนรักด้วย

“ก็แหงล่ะ…ฉันเป็นเพื่อนกับพวกแกมากี่ปี”

“จะให้ง้อยังไง ถ้าฉันให้บัตร VIP ที่สปาในโรงแรมสักปีจะหายโกรธมั้ยยู”

“ฉันไม่ใช่คนเห็นแก่ได้ขนาดนั้นนะยะ”

“แล้วจะเอาไหมล่ะ”

“เอา” ฉันรีบตอบทันที

ดารกาหัวเราะออกมา “ผู้หญิงงกอย่างแก ง้อยากที่ไหนล่ะ”

คนงอนมองเพื่อนตาคว่ำ ทำปากขมุบขมิบที่โดนจับไต๋ได้

“แหม! ผู้หญิงรวยอย่างแกให้ฉันตลอดชีวิตขนหน้าแข้งก็ไม่ร่วง เรื่องอะไรฉันจะไม่รับล่ะ แต่แกต้องเหลามาให้หมด ฉันต้องรู้แบบละเอียดยิบเท่านั้น เกิดอะไรขึ้นกับพวกแกกันบ้าง แล้วจะรีบมีผัวกันไปไหนฮึ!”

“มันผ่านไปแล้วน่า” ดารกาพยายามบ่ายเบี่ยง

“ที่แกประกาศเพราะไม่อยากเสียหน้าใช่มั้ย”

“เปล๊า!” ดารกาปฏิเสธเสียงสูง

“ฉันรอฟังอยู่ เล่า!” ฉันจ้องหน้าบอกอย่างคาดคั้น

ดารกายอมเล่าเรื่องของป่านฝันให้ฟัง รวมถึงแผนการที่เธอกำลังจะทำด้วย

“เฮ้อ! อายุเท่าไหร่กันแล้วเนี่ยดาว”

“ไม่รู้ล่ะ ฉันต้องได้รู้ความจริงเรื่องของยัยป่านให้ได้”

“เอาเรื่องของตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ได้ข่าวว่าอีกเดือนจะแต่งงานไม่ใช่เหรอ”

“อือ...” คนตอบไม่ได้แสดงพิรุธออกมาทางแววตา

“ฉันอยากให้แกช่วยจัดงาน” ที่จริงเธออยากช่วยเพื่อนหารายได้เข้าบริษัทมากกว่า เจ้าของโรงแรมอย่างดารกา เพียงแค่บอกรายละเอียดกับลูกน้อง ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบ

“หมายความว่าแกจะมาใช้บริการจัดงานนอกสถานที่ของบริษัทฉันเหรอ”

“อือ ดิ!”

“โอ้! ว้าว! มันเยี่ยมยอดมากเลยซาร่า เจ้าแม่โรงแรมอย่างเกร็ดดาวจะใช้บริการบริษัทจัดอีเว้นท์เล็กๆ ของสาวพราวเสน่ห์อย่างนรานิลเนรมิตงานแต่งงานให้”

ดารกาส่งค้อนให้ฉันอย่างหมั่นไส้ เพราะรู้ว่าถูกแซว ปกติเพื่อนในกลุ่มจะเรียกชื่อเล่นแบบเต็มยศตอนที่ต้องการจะล้อเลียน คนอะไรชื่อเล่นเต็มๆ ว่าเกล็ดดาว แถมมีชื่อเล่นย่อๆ ว่าดาวอีก

“โจทย์ง่ายๆ งานแต่งของฉันจะต้องเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี สถานที่โรงแรม ใช้แค่ทีมงานกับมันสมองของแกก็พอ รับงานมั้ยล่ะ” ว่าที่เจ้าสาวป้ายแดงบอก

ฉันหัวเราะออกมาเสียงดัง ทุกอย่างที่พูดมาหมายถึงเงินที่จะเข้าในบัญชีก้อนโตด้วย “ไม่รับก็บ้าแล้วแก เงินทั้งนั้น แต่แกต้องทุ่มไม่อั้นนะเว้ย สงสารบริษัทเล็กๆ ของฉันบ้าง”

“จ้ะ แม่เกลือดองเกลือ”

“วันงานแกเตรียมรับมือเอาไว้ดีๆ ด้วยนะ ฉันจะแต่งตัวสวยๆ ไปแย่งซีนเจ้าสาว”

“เอาที่สบายใจ” ดารกาเหน็บแนม

ฉันส่งยิ้มล้อเลียนว่าที่เจ้าสาว “ว่าแต่...แกมีชื่อเจ้าบ่าวหรือยังล่ะ อย่าใช้คนเขียนบทคนเดียวกันกับยัยป่านล่ะ ละครฉายซ้ำมันไม่สนุก”

ไม่คิดว่าคำหยอกเย้าอย่างนึกสนุกของฉันจะกระแทกตรงขั้วหัวใจของว่าที่เจ้าสาวอย่างจัง

“ปากแกนี่นะ”

“แกจะแต่งงานกับใครวะ อันนี้ถามจริงๆ อยากรู้จริงๆ แล้วก็ตอบมาตรงๆ”

“เออ...ถึงวันนั้นก็รู้เองแหละน่า รู้จักคำว่าเซอร์ไพรส์มั้ยแก”

เฮ้อ! จะมีใครรู้บ้างว่า การไม่รู้เรื่องอะไรเลยมันผิดวิสัยกูรูอย่างฉันมาก กำลังจะคาดคั้นเพื่อนสาวต่อ แต่อรอินทร์ก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาก่อน

“แย่แล้วค่ะ แย่แล้วคุณโซดา”

“แค่กองงานสูงท่วมหัวที่เธอเอาไว้ให้ฉันสะสางยังไม่แย่พออีกเหรออรอินทร์” ฉันเรียกชื่อเต็มยศเหลือบหางตามองลูกน้องสาว

อรอินทร์ยิ้มแหยส่งให้ฉันสลับกับดารกา “แต่อันนี้ใหญ่กว่าจริงๆ ค่ะ”

“ก็ว่ามาสิ มัวแต่อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ”

“ตำรวจกำลังยกรถของคุณดาวไปโรงพัก”

“ห่ะ! ว่าอะไรนะ” ดารกาตกใจลุกขึ้นพรวดวิ่งถลาไปที่หน้าบ้านก่อนทุกคน แต่เธอก็เห็นเพียงท้ายรถของตัวเองที่ถูกรถของตำรวจลากออกไปต่อหน้าต่อตา

“มันคืออะไรหรือโซดา” ดารกาหันมาถามฉันที่วิ่งตามออกมา คนที่มีคดีกันมาก่อนรู้ได้ในทันที

ฉันโมโห นึกถึงใบหน้าของคนข้างบ้านที่ชอบหาเรื่องฉันอยู่เรื่อยๆ ตลอดระยะเวลาที่อยู่ร่วมรั้วติดกันมา

“เราจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว” เขาทำให้แม่สิงห์สาวอย่างฉันแทบจะพ่นไฟ รีบเดินไปที่หน้าบ้านของคู่กรณี

ผู้ชายแต่งตัวสุภาพในชุดเสื้อผ้าสะอาดสะอ้านยืนส่งยิ้มฟันขาวรออยู่ จากรูปลักษณ์ภายนอกที่คนอื่นมองอาจจะเห็นว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีแรงดึงดูดมหาศาล สูง หล่อ เท่ห์ รอยยิ้มมีเสน่ห์ แต่สำหรับฉัน...เขามันก็แค่ถังขยะดีๆ นี่เอง

แม่สิงห์สาวที่ถูกกระตุกหนวดเดินเข้าหาเขาอย่างเอาเรื่องพร้อมกับเท้าสะเอวและชี้หน้า

“ฝีมือของนายอีกแล้วใช่มั้ย”

เจ้าของร่างสูงทรงเสน่ห์ส่งยิ้มลอยหน้าลอยตาตอบกลับอย่างท้าทาย ไม่เกรงกลัวแววตาอำมหิตของฉันสักนิด

“ถ้าทำถูกต้องตั้งแต่แรก ก็ไม่มีอะไรต้องเดือดร้อนนี่” เพราะไม่ได้ตอบรับหรือตอบปฏิเสธ ทำให้คนอคติคิดไปเอง

แม้เขาจะไม่ได้เป็นคนทำ แต่ถ้าจะปฏิเสธกับคนอคติอย่างเธอก็คงไม่เป็นผล อีกอย่าง ประธานนิติบุคคลหมู่บ้านอย่างเขาก็ต้องรักษากฎเพื่อลูกบ้านส่วนรวม

“อย่าบอกนะว่า เขาแจ้งตำรวจให้มายกรถของฉันไป”

“เออสิ! หมอนี่คู่ปรับตลอดกาลของฉัน วันไหนไม่มีเรื่องกันถือว่าแปลก นี่เพิ่งจะกลับมาก็จัดฉลองให้เลย เดี๋ยวต้องเจอดีกับฉัน”

ดารการู้นิสัยของนรานิลดีว่าแรงชัดจัดเต็มแค่ไหน หากได้โกรธ นรานิลเป็นคนรักเพื่อนรักพวกพ้องมาก ดารกาก็ยิ่งกลัวว่าเรื่องราวจะเลยเถิดบานปลาย

“ฉันไม่ได้จอดรถกีดขวางการจราจรของคุณนะคะ”

“แล้วไง ถ้าไม่กีดขวางทำความเดือดร้อนคนอื่น ก็ไม่มีใครแจ้ง” เขาย้อนกลับทันควัน กระตุกต่อมเดือดของดารกา

‘โฮะ! หมอนี่ ใจแคบแล้วยังไม่พอยังมาหลอกด่าฉันอีก’

“แต่ตรงนี้มันเป็นพื้นที่ถนนนะคะ”

“แล้วไง” เขาถามหน้าตายประโยคเดิม หันมาจ้องหน้าฉัน

ตำแหน่งประธานนิติของหมู่บ้านก็มักมีเรื่องขัดแย้งกับลูกบ้านแบบนี้เสมอ เพราะต้องยึดถือส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว เมื่อมีเรื่องร้องเรียนและบ่อยครั้งที่เขาต้องขัดแย้งกับข้างบ้านเพราะหน้าที่รับผิดชอบ ทุกครั้งนรานิลก็มักจะเข้าใจว่าทุกอย่างเกิดจากเขาเสมอ

“เรื่องทุกอย่างไม่ได้เกิดขึ้นจากคน แต่เกิดจากตัวของพวกคุณเอง” หน้าตายียวนกับน้ำเสียงกดต่ำทำให้ฉันโมโห มันจะอะไรนักหนาก็แค่จอดรถ แต่หางตาที่เขามองมาก่อนจะเดินกลับเข้าบ้านยิ่งทำให้ฉันโมโหมากขึ้นกว่าเดิม

“ไอ้!...” หมัดถูกกำแน่นเข้าหากัน ดิ้นเร่าด้วยความโมโห ฝากแววตาคาดโทษเอาไว้ตามหลัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel