Chapter 2 หมดเวลาเที่ยวของเธอแล้ว
“เฮ้อ! หมดเวลาท่องเที่ยวของเธอแล้วสิ ยัยโซดา” ฉันถอนหายใจออกมาหลังจากที่ล้อแท็กซี่ชะลอจอดหน้าบ้าน ศีรษะยังพิงกับเบาะทอดสายตามองบ้านที่เป็นอ้อมกอดอันอบอุ่นของฉัน
ฉันหยิบธนบัตรส่งให้ค่าแท็กซี่ก่อนจะเดินลงจากรถ
“ไม่ต้องทอนนะคะลุง”
“ขอบคุณมากครับ” คนขับตัวผอมเกร็งยิ้มร่ากับธนบัตรแบงก์ 500 ที่ฉันยื่นให้ รีบเปิดประตูรถวิ่งกุลีกุจอมาเปิดท้ายรถและพยายามยกกระเป๋าของฉันออกมาจากท้ายรถอย่างทุลักทุเล
“ให้ฉันช่วยมั้ยลุง” ฉันเดินเข้าไปและยื่นมือเข้าไปช่วยยกกระเป๋าที่น้ำหนักน้อยกว่ากระสอบข้าวสารไม่มาก
“ไม่เป็นไรหรอกหนู ยืนเฉยๆ เถอะ”
ใครๆ ก็มักจะคิดว่ากระเป๋าเดินทางของผู้หญิงแต่งตัวเก่งและชอบบริหารเสน่ห์อย่างฉันจะอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ แต่ในกระเป๋าเกือบ 80% เป็นโบนัสของลูกน้องและของฝากเพื่อนๆ ทั้งนั้น ตัวตนและความสุขที่แท้จริงของฉันคือการได้ก้าวขาออกนอกประเทศ การได้ใช้ชีวิตอิสระโดยไม่สนใจ สื่อโซเชียลที่ฝังแน่นอยู่ในชีวิตประจำวันจนเป็นปกติ การได้อยู่กับตัวเองโดยไม่ต้องสร้างภาพเป็นเรื่องที่ฉันมีความสุขที่สุด
อะอะ...อย่าคิดว่าฉันเป็นคนขี้โกหกชอบสร้างภาพนะ ที่ต้องทำก็เพราะงานทั้งนั้นแหละ
3 เดือนสำหรับทริปท่องเที่ยวทั่ว 24 ประเทศนับว่าคุ้มค่ามาก ในช่วงที่บริษัทอยู่ในช่วงที่ไม่มีปัญหาติดขัด ฉันจะใช้ช่วงเวลานี้เซ็นใบอนุมัติลาพักร้อนให้ตัวเอง ลั้นลาบินท่องเที่ยวไปรอบโลก
ฉันชอบที่จะได้เจอผู้คนใหม่ๆ แวะทักทายเพื่อนเก่าตามประเทศต่างๆ บ้าง ในช่วงเวลาพักผ่อนฉันชอบใช้เวลาอย่างคุ้มค่า โดยไม่เสียเวลาที่จะสนใจโลกออนไลน์ เพื่อนจะรู้ว่าฉันอยู่ที่ไหนก็ต่อเมื่อฉันส่งโปสการ์ดกลับมาให้เท่านั้น
งานของฉันสามารถทำได้ทุกที่ในโลกที่มีคลื่นสัญญาณอินเทอร์เน็ต ฉันสามารถเปิดระบบและเช็กข้อมูลต่างๆ ออนไลน์ได้ตลอดเวลาโดยไม่ติดขัดหากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ช่วยของฉันจะอัปเดตและรายงานเรื่องราวของบริษัทผ่านอีเมล ฉันก็ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่น หากไม่มีกรณีเร่งด่วนหรือร้ายแรงอะไรฉันก็จะปล่อยให้พวกเขาจัดการ นั่นหมายถึงว่าช่องทางการติดต่อสำหรับฉันมีเพียงอีเมลซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเท่านั้น
ผู้ช่วยในบริษัทรู้นิสัยของฉันเป็นอย่างดี ตลอดระยะเวลา 3 เดือนพวกเขาปล่อยให้ฉันท่องเที่ยวได้อย่างมีความสุขโดยไม่รบกวนเวลา แต่หัวใจของฉันกลับเต้นตึกตัก ลุ้นอยู่ในใจตลอดการเดินทาง...กลับมาจะเจออะไรบ้าง
ฉันแหงนหน้ามองป้ายชื่อที่ติดอยู่หน้าบ้านอย่างภูมิใจ ยืนมองนิ่งๆ เหมือนต้องการบอกว่าฉันกลับมาแล้ว
บ้านหรูใจกลางกรุงคือสมบัติชิ้นสุดท้ายที่แม่ทิ้งเอาไว้ให้ก่อนตาย ฉันก็ใช้บ้านหลังนี้ชุบชีวิตของตัวเองสร้างธุรกิจขึ้นมา ย่านและทำเลรวมถึงความหรูหราเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจเล็กๆ ของฉันเป็นอย่างดี
‘หนูกลับมาแล้วนะคะแม่’ ฉันระลึกถึงเจ้าของบ้านในใจ เพราะเชื่อว่าแม่ยังอยู่ในบ้านหลังนี้
ไม่น่าเชื่อว่า...คนที่ไม่เชื่อเรื่องความรักอย่างฉันจะเป็นกูรูแก้ปัญหาในเรื่องความรักทุกรูปแบบให้กับคนทุกเพศทุกวัย
แต่ก็นั่นแหละนะ...ตราบใดที่เพศทางเลือกที่สังคมไทยยังไม่เปิดกว้างและยอมรับ
ตราบใดที่ยังมีผู้หญิงหนีคาน ตราบใดที่ยังมีคนรักชีวิตโสดแต่ต้องการคู่ควงบางเวลา
ตราบใดที่มนุษย์บ้างานไม่มีเวลาที่จะใส่ใจคนรัก ธุรกิจของฉันสามารถตอบโจทย์ให้คนกลุ่มนี้ได้อย่างลงตัว ฮักยิ่งขยายตัวและเติบโตขึ้นอย่างเรื่อยๆ เอาแค่กลุ่มเพื่อนของรินนี่ที่บอกต่อกันปากต่อปาก ฉันก็มีลูกค้า VIP เพิ่มขึ้นนับ 10 ในรอบเดือน
สายตาของฉันเหลือบไปมองบ้านข้างๆ เพราะความเคยชิน แต่ก็แทบหันกลับไม่ทันเมื่อเจอสายตาคู่คม กับรอยยิ้มกว้างกวนประสาท เจ้าของร่างสูงกำยำยืนอยู่บนระเบียงบ้านในชุดนอนสบายๆ เหมือนเพิ่งตื่นนอน ในมือมีแก้วกาแฟที่ฉันเห็นบ่อยจนชิน
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ คิดถึงผมมากเลยใช่มั้ย มาถึงปุ๊บก็มองหาปั๊บเลย” เขายังเป็นเพื่อนบ้านปากเสียสำหรับฉันเสมอ
สีหราชจงใจหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นนรานิลสะบัดหน้าพรืด ลากกระเป๋าใบเขื่องเข้าบ้านโดยไม่สนใจเขา
“อาการแบบนี้ แถวบ้านเรียกว่าเขินนะคุณ” เขาตะโกนตามหลัง ยั่วประสาทไม่เลิก
“คุณไม่อยู่ตั้งนาน ผมคิดถึงคุณมาก ปากมันเหงา”
‘ไอ้ปากมอมเอ๊ย!’ ฉันสบถในใจ หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมฉันถึงเกลียดเขามากขนาดนี้ ก็เพราะนายนั่นทำให้ฉันต้องย้ายออฟฟิศเล็กๆ แยกจากกัน
หึ! อย่าให้ฉันเล่าถึงความร้ายกาจของผู้ชายข้างบ้านคนนั้น ผู้ชายที่มีดีแค่หล่อแต่จิตใจคับแคบติดลบ
เริ่มต้นจากฉันต่อเติมบ้านเพื่อเปิดตั้งบริษัทใหม่ๆ เขาก็มาถามหาใบจดทะเบียนพาณิชย์ ถามหาเอกสารประกอบธุรกิจ พอฉันแสดงใบจดทะเบียนพาณิชย์เขาก็เงียบไป
ธุรกิจของฉันดำเนินการเกี่ยวกับสื่อออนไลน์และไม่มีเจ้าหน้าที่มากนัก การทำกิจการอยู่ในบ้านจึงไม่มีผลกระทบ
หลังจากนั้นบริษัทก็ขยายโดยรับบริการจัดอีเว้นท์ มีเจ้าหน้าที่เพิ่มมากขึ้น เขาก็เริ่มเข้ามาวุ่นวายกับฉันอีกครั้ง เขาใช้อภิสิทธิ์ความเป็นประธานนิติบุคคลหมู่บ้านหาเรื่อง ตั้งแต่มีปัญหาเรื่องเสียง ที่จอดรถหน้าบ้าน ซึ่งฉันได้รับการตักเตือนจากเจ้าหน้าที่ว่าบ้านของฉันสร้างความรบกวนอยู่บ่อยๆ
อย่างนี้จะไม่ให้ฉันเกลียดเขาได้อย่างไรล่ะ...นายทนายกวนประสาท
“กลับมาแล้วเหรอคะคุณโซดา” เสียงแจ๋นของกะทิดังออกมาจากห้องกระจก เจ้าตัวยิ้มแป้น รีบกุลีกุจอเปิดประตูออกมารับกระเป๋าจากมือของฉัน
“ยินดีต้อนรับกลับเมืองไทยนะคะ”
“ที่นี่เป็นไงบ้าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“ถ้าไม่นับความวุ่นวายและเรื่องมากของลูกค้าเจ้าประจำก็ไม่มีอะไรติดขัดค่ะ” กะทิบอกอย่างอารมณ์ดี
ลูกค้าเจ้าประจำที่กะทิกำลังพูดถึง ทุกคนในสำนักงานต่างรู้กิตติศัพท์ของเธอเป็นอย่างดีโดยไม่ต้องเอ่ยชื่อ
อันที่จริงฉันไม่ต้องกังวลกับเรื่องบริษัทเพราะมีผู้ช่วยฝีมือดี ทั้งมือขวาและมือซ้ายคอยดูแลแทนและสามารถเชื่อใจได้เป็นอย่างดี เพื่อนๆ ของฉันมักแซวว่า...ทำเป็นขบวนการ
อรอินทร์ เป็นมือขวาและกูรูความรักที่ฉันให้ความไว้วางใจเป็นพิเศษ เธอดูแลฐานข้อมูลของลูกค้าที่เป็นความลับสุดยอด นัดเดต คิดธีมเซอร์ไพรส์ จัดฉากสร้างความรัก จนกระทั่งความรักลงตัวและส่งต่อให้กับทีมอีเว้นท์
พิมฐา เป็นเจ้าแม่อีเว้นท์ เธอมีหน้าที่ดูแลติดต่อประสานงานกับบริษัทข้างนอกเพื่อจัดงานให้สมบูรณ์ พิมฐาสามารถจัดการแทนฉันได้ทุกอย่าง เพียงแค่บอกความต้องการเพียงประโยคเดียวเธอก็สามารถเนรมิตงานได้ตรงใจลูกค้า
การเติบโตแบบก้าวกระโดดทำให้บริษัทคู่แข่งขยันหาเรื่องก่อกวน แต่ถึงอย่างนั้นทุกอย่างก็ผ่านมาด้วยดี เพราะฉันมีหุ้นส่วนฝีมือดีอย่างภูผา
เล่ามาถึงตรงนี้คุณคงจะอยากรู้จักหุ้นส่วนคนสำคัญสุดหล่อของฉันแล้วใช่ไหม
ภูผา คือหนุ่มหล่อดีกรีดอกเตอร์จากอเมริกาทายาทเพียงคนเดียวของธนาคารเบอร์ต้นๆ ของประเทศ เขาเป็นท็อปเท็นหนุ่มในฝันที่จัดอันดับโดยนิตยสารชื่อดัง แม้สาวๆ หลายคนจะอยากออกเดตกับเขา แต่ก็มีเพียงฉันที่มีสิทธิ์ได้ควงผู้ชายคนนี้
...ชีวิตของฉันน่าอิจฉาใช่มั้ยล่ะ ถ้ารู้จักฉันมากกว่านี้ คุณจะอิจฉาฉันมากขึ้น
...ถ้าคุณอยากเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉาแบบฉัน ฉันก็ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะ อุ๊บ!
“HUG บริษัทจำกัดรัก” ป้ายชื่อตัวน่ารักติดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ในโครงการหมู่บ้านหรูหราใจกลางเมือง บ้านแต่ละหลังในโครงการแห่งนี้สนนราคาเริ่มต้น 8 หลักขึ้นไป
ดารกามาหานรานิลหลังทราบข่าวว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่มีรถจอดเต็มหน้าบ้าน ดารกายืดคอมองบ้านข้างๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีรถจอดและประตูของบ้านถูกล็อกเอาไว้ เธอจึงเลื่อนรถไปจอด
ดารกาไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าของบ้านเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเพื่อนรัก จนมีเหตุการณ์เปิดศึกกันอยู่บ่อยๆ
“จอดแค่ข้างรั้ว คงไม่กีดขวางการจราจรนะ แป๊บเดียวเองไม่เป็นไรหรอก” เธอบอกอย่างเข้าข้างตัวเองเสร็จสรรพ เพราะมารยาทเธอจึงยื่นหน้าไปขออนุญาต
“ฉันขอจอดรถหน้าบ้านคุณหน่อย คงไม่เกะกะหรือกีดขวางการจราจร” ดารกาตะโกนบอกคนในบ้าน
“ได้สิ! จอดได้เลย” ไม่ใช่เสียงตอบกลับจากคนในบ้าน แต่เป็นเสียงของเจ้าของรถตอบกลับอนุญาตเองเสร็จสรรพ
‘เห็นพื้นที่ตรงนี้ทิ้งว่างเอาไว้ตลอด มาบ่อยๆ ก็ไม่เคยเห็นเจ้าของบ้าน จอดตรงนี้คงไม่เป็นไร’