3. แรกพบ
ณ.โรงแรมแกรนด์ปาร์ค
ฉันขับรถส่วนตัวมาจนถึงโรงแรมหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ก่อนเดินเข้าไปในโรงแรม และแวะเข้าห้องน้ำก่อน
ฉันมองตัวเองสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนเข้างาน
“แต่งโป๊ไปรึเปล่านะ แต่ไม่หรอก ชุดก็ไม่ได้เปิดอะไรมากซะหน่อย ผู้หญิงที่ผ่านตาในงานยังชุดแหวกกว่าฉันซะอีก” ฉันส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำหยิบมือถือต่อสายหาไอ้กรณ์ทันที
“ฉันมาแล้ว ท่านประธานอยู่ไหนคะ” ฉันเข้าสู่บทละคร ในฐานะ ลูกน้องของท่านประธานฝืนใจชะมัด
“อยู่ด้านใน ฟ้าครามคุณเข้ามาได้เลย” ทุกคนอาจจะสงสัยทำไมฉันถึงต้องสุภาพกับไอ้กรณ์ในขณะโทรศัพท์ตอนนี้ใช่มั้ย แน่นอนว่า งานนี้เป็นดีลที่มีมูลค่าสูงมาก แต่ตอนนี้รอบตัวของกรณ์ ก็คงรายล้อมไปด้วยซีอีโอบริษัทคู่แข่ง ดังนั้นการสร้างภาพลักษณ์ของซีอีโอให้ดูน่าเกรงขามจึงสำคัญมาก ๆ เพื่อชักจูงให้ดูเป็นที่น่าเชื่อถือ และนี่คือสาเหตุที่ฉันไม่ชอบไปดีลงานไหนกับไอ้กรณ์ เพราะสุดท้ายต้องคอยทำเป็นนอบน้อมให้ตัวมันนั้นดูสง่าราศีที่สุด ถ้าไม่ใช่เพื่อบริษัทที่ฉันก็ได้รับผลประโยชน์ล่ะก็ ไม่มีทางที่ฉันจะมาอ่อนหวานต่อหน้ามันแน่
ภายในงานเต็มไปด้วย คนชนชั้นสูง และเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจทั้งนั้น ฉันต้องพยายามสำรวม สุภาพ กิริยาอ่อนหวานเข้าไว้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอดทนได้สักแค่ไหน แต่เพื่องานล่ะก็ทำได้อยู่แล้ว
“ขออภัยค่ะ ท่านประทานที่มาสาย” ฉันเดินเข้าไปโค้งคำนับให้ไอ้กรณ์ที่กำลังคุยกับนักธุรกิจคนอื่น ๆ แถมยังเป็นคู่แข่งซะด้วย
“ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าคุณรถติด อ่ะนี่ คุณพิชัย ประธานบริษัท M กรุ๊ป”
“สวัสดีค่ะ คุณพิชัย”
“ไม่ต้องพิธีรีตอง คนกันเองทั้งนั้น ไม่นานนี่ก็เจอกันมาก่อนไม่ใช่หรือไงคุณฟ้าคราม” ฉันได้ยินดังนั้น ก็ค่อนข้างหงุดหงิดเล็กน้อย แท้จริงแล้วเมื่อเดือนก่อนฉันเพิ่งดีลแย่งงานของบริษัท M กรุ๊ปไป ดูท่าจะแค้นฝั่งหุ่นไม่น้อยจนตอนนี้
“นั่นสินะคะ งั้นฟ้าขออนุญาตคุยกันเองกับคุณพิชัยแล้วกันค่ะ” สิ้นคำ ไอ้กรณ์หันมาสะกิดมือฉันให้ระงับท่าที แต่ระดับฉันใครจะกลัว
“คราวนี้คุณฟ้าคงไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรมาแย่งงานผมหรอกนะครับ” แน่นอนว่าคุณพิชัยนั้นเริ่มเปิดศึกก่อนอย่างตรงไปตรงมา ไอ้กรณ์เองก็ดูท่าไม่ดีซะแล้ว แต่ฉันน่ะไม่ใช่คนให้ข่มกันได้หรอก ไม่งั้นทุกครั้งที่ฉันเจอบริษัทเขา จะแย่งงานได้มาทุกครั้งได้ไงล่ะ
“แหม เล่ห์เหลี่ยมอะไรคะ เป็นเพราะแผนสาวงามของคุณพิชัยมันไม่ได้ผลมากกว่ามั้ง” ฉันพูดไม่อ้อมค้อมเช่นกัน แถมเบนสายตาไปยังเลขาเขาอย่างเปิดเผยว่าฉันหมายถึงอะไร
“คุณฟ้าครามก่อนพูดอะไรช่วยไตร่ตรองด้วยนะครับ ไม่ใช่พูดอะไรไม่มีหลักฐาน” คุณพิชัยตีโพยใหญ่ หึ
“หลักฐาน คุณอยากให้ฉันเอามากางให้ดูตรงนี้จริง ๆ เหรอคะ แน่ใจนะ” ฉันแสยะยิ้ม
“เอ่อ...ล้อเล่นครับล้อเล่น หวังว่าคุณฟ้าครามจะไม่ถือสาผมที่พูดอะไรไร้สาระ”
“งั้นเหรอคะ อดให้คุณพิชัยดูเลย อ่ะ จริงสิ แทนที่เราจะมาเขม่นกันแบบนี้ คุณพิชัยอย่าลืมนะคะ ว่าโครงการนี้เป็นโครงการใหญ่เกือบพันล้าน ไม่ใช่มีแต่บริษัทของเราทั้งสองร่วมเสนอ แต่ลองมองออกไปให้กว้างนะคะ จะพบว่ามีอีกหลายบริษัทยักษ์ใหญ่กว่าเราจ้องจะงาบโครงการนี้เหมือนกัน”
“นะ...นั่นสินะครับ” คุณพิชัยหันยิ้มเจื่อน ๆ ให้ฉัน หึ ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าคนอย่างฉันจะให้ใครข่มได้ง่าย ๆ ส่วนไอ้กรณ์เองแทนที่จะทำตัวขึงขังให้ดูสมาร์ทหน่อยก็ทำไม่ได้ เบื่อชิบต้องคอยมาตามเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ตลอด
“ว่าแต่ตอนนี้กลุ่มนายทุนเศรษฐีต่างชาติยังไม่มาเหรอคะ ท่านประธาน” ฉันหันไปเอ่ยกับไอ้กรณ์ที่ยืนมองไปมาราวกับกำลังสำรวจอะไรบางอย่าง
“ยังเลย แต่นี่มันก็เลยกำหนดการที่ทางบริษัทเขาจะกล่าวแถลงเปิดตัวโครงการรีโนเวทโรงแรมบนเกาะนั่นนินา” ฉันก็ยืนมองดูไปรอบ ๆ อย่างสงบเหมือนกัน เท่าที่เห็นก็มีแต่บรรดานักธุรกิจที่ต้องการร่วมดีลงานกับโครงการนี้ทั้งนั้น แต่ตัวของกลุ่มนายทุนกลับไม่เห็นเลย รู้สึกแปลก ๆ ชอบกลจริง ๆ
ไม่นานนัก บนเวที ก็มีคนสูงสง่าเดินขึ้นก่อนกล่าวบนเวที
“ก่อนอื่นต้องของกล่าวสวัสดีทุกท่าน ณ. ที่แห่งนี้ด้วยครับ แต่เนื่องจากท่านประธานของเราติดภารกิจสำคัญจนไม่สามารถออกมาตอนรับ และขึ้นชี้แจงเรื่องโครงการได้ ด้วยเหตุสุดวิสัย ทางเราจึงจะเปลี่ยนวิธีการโดยให้แต่ล่ะบริษัทนำเอกสารแนวความคิดที่มีต่อโครงการของเรา เพื่อให้ทางเราได้พิจารณา และจะมีการติดต่อส่วนตัวไปในภายหลัง บริษัทไหนเตรียมเอกสารมาแล้ว ก็สามารถยืนให้ผม ตรงโต๊ะด้านขวาได้เลยนะครับ จากนั้นเชิญทุกท่านเพลินเพลินกับ เสียงเพลง และอาหารชั้นเลิศตามอัธยาศัย ขอบคุณครับ” หลังจากชายคนหนึ่งกล่าวเสร็จแล้ว ภายในงานก็ยังคงดำเนินต่อไป
“เอกสารนี้ เราแค่ต้องไปยื่นให้เขาใช่มั้ยฟ้าคราม” ไอ้กรณ์หันมามองฉัน
“ค่ะ และท่านประธาน ควรเป็นคนนำเอกสารไปยื่นให้บริษัทนายทุนนั้นด้วยตัวเองนะคะ เพื่อแสดงความจริงใจ ส่วนดิฉันขอตัวกลับก่อน ดูเหมือนวันนี้คงไม่มีอะไรอีกแล้วน่ะค่ะ” ฉันยืนพูดกับไอ้กรณ์ได้สักพัก คุณพิชัยก็หัวเสียที่ไม่ได้คุยกับกลุ่มนายทุน และปลีกตัวออกไป ทำให้ฉันและไอ้กรณ์ ผ่อนคลายกลับมาเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ตามเดิม
“แย่ว่ะมาเสียเที่ยวซะแล้ว” ไอ้กรณ์สถบขึ้น
“ช่างเถอะ ยังไงซะขอให้เขาได้เอกสารเราไปก่อน จากนั้นก็มาสวดมนต์ให้เขาสนใจสิ่งที่เรานำเสนอไปบ้าง”
“ก็นั่นแหละ แล้วนี่จะไปคลับดื่มต่อกับกู หรือกลับเลย”
“กูขอตัวกลับก่อนล่ะไม่ไหว ช่วงนี้ไม่ค่อยได้นอน” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธมันไป
“โอเค กลับดีๆ ล่ะ”
“อืม กูไปก่อนนะ ไว้เจอกันที่บริษัท”
ฉันโบกมือให้ไอ้กรณ์ ก่อนจะเดินออกจากงานไปตามโถงทางเดิน แต่จู่ ๆ จิตสัมผัสของฉันก็รับรู้ได้ถึงแรงอาฆาตอย่างรุนแรง จนทำให้ฉันรู้สึกปวดหัวอย่างหนัก
“อั่ก...นี่มันอะไรกัน ระ...รุนแรงชะมัด” ฉันยืนสูดอากาศหายใจให้เต็มปอดก่อนจะเดินตรงไปตามเงาดำเพื่อหาจุดกำเนิดของแรงอาฆาตนี้
“นี่มันชั้น VIP ของโรงแรม ฉันเข้ามาได้รึเปล่านะ แต่ทางมันก็โล่งแปลก ๆ คงเดินเข้ามาได้อยู่ละมั้ง” ฉันเดินไปบ่นไป ใจก็ไม่อยากจะเข้ามายุ่งวุ่นวายหรอก แต่แรงอาฆาตนี้เหมือนกำลังเรียกฉัน หากกลับไปดื้อ ๆ มีหวังว่าความสุขในชีวิตจะถดถอยไปอีกจากที่เป็นแน่
ฉันเดินมาจนถึงประตูห้องหนึ่ง รังสีอาฆาตรุนแรงกว่าเคย ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งรู้สึกไม่ดี จนอยากจะอ้วก
‘ในห้องนี้มีผีกี่ตนกันแน่เนี่ย’ ฉันรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่ผีตนเดียวแน่ ๆ คนที่ถูกตามจองล้างจองผลาญเขาทนอยู่มาได้ไงนะ
‘จะเคาะห้องเขาดีมั้ย เขาจะหาว่าเราเสือกรึเปล่าวะ’ ฉันคิดในใจพลางเดินวนไปวนมาอย่างครุ่นคิดจนสุดท้ายก็เลือกที่จะเคาะประตูนั่นไป
“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน” ฉันกุมหน้าอกตัวเอง ทำใจที่จะเสือกกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ก่อนจะยกมือเคาะประตูนั่นไป
‘ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก’ ฉันเคาะประตูไป ทันใดนั้นฉันได้ยินเสียงตะโกนแผดออกมาดังมาก
“เข้ามา” เสียงอันดุดันนั้นทำให้ฉันก้าวขาไม่ออก ใครจะเดินเข้าไปห้องของคนที่ไม่รู้จักกันละ ฉันแค่มาตามเสียงเรียกของผีก็เท่านั้น
“ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก” ฉันยังคงเคาะประตูอยู่ที่เดิม จากนั้นเสียงสถบดังก็แผดแรงมาอีกหน
“พูดไม่รู้เรื่องรึไงวะ” เหมือนเสียงอันดุดันนี้จะดังมากกว่าเดิมราวกับเจ้าตัวนั้นอยู่ด้านหน้าเพียงแต่ประตูนั้นยังกั้นไว้
ประตูเปิดขึ้นอย่างเร็ว แต่ฉันยังไม่ทันได้มองคนตรงหน้า มือของเขาก็ปรี่เข้ามาจับต้นคอฉันก่อนอย่างจัง
เมื่อสองสายตาประสานทั้งฉัน และ เขา เราทั้งคู่ต่างตกอยู่ในภวังค์หลุมอากาศอะไรสักอย่าง สำหรับฉัน รูปร่างที่ดี ใบหน้าที่หล่อคมกริบตรงหน้า หากผู้หญิงที่ไหนพาลมาสบตารับรองได้ว่าสามารถตกอยู่ในภวังค์แห่งการลุ่มหลงได้ไม่ยาก
แต่มันไม่ใช่สำหรับฉัน เพราะตอนนี้สิ่งที่ทำให้นัยน์ตาคู่สวยของฉันเบิกตาโพลงมากกว่า คือกลุ่มผีจำนวนมากที่อัดแน่นไปทั้งห้อง โดยที่ไม่มีใครมองเห็นนอกจากฉัน
