บท
ตั้งค่า

2. ฉันคือ GM

ณ. บริษัท

“ขออเมริกาโน่เย็นคั่วเข้มไม่ใส่น้ำตาลหนึ่งแก้วค่ะ” ฉันเอ่ยกับบาริสต้าร้านกาแฟใต้ตึกที่ทำงาน เพื่อสั่งกาแฟ

“วันนี้คุณฟ้าเปลี่ยนเมล็ดสินะคะ” บาริสต้าเอ่ยทักเพราะโดยปกติแล้วฉันจะทานคั่วกลางเป็นประจำ

“พอดีอยากได้รสชาติเข้ม ๆ ขม ๆ กว่าปกติหน่อยค่ะ”

“ได้ค่ะ เดี๋ยวคุณฟ้านั่งรอสักครู่นะคะ” ฉันส่งยิ้มให้ก่อนจะหาเก้าอี้นั่งเพื่อรอกาแฟ

บรรยากาศในบริษัท ผู้คนคึกคักเนืองแน่น เวลาแปดโมงเช้าเป็นเวลาที่พนักงานหลายคนกำลังทยอยกันเข้าบริษัท ฉันเองก็ไม่เคยขาดลามาสายเท่าไหร่ แม้ตำแหน่งที่เป็นอยู่จะสูง แต่ฉันก็เดินเตร็ดเตร่ไม่ต่างจากพนักงานทั่ว ๆ ไปจนพวกเขาชินตากันแล้ว

รูปลักษณ์ของฉัน ที่ใคร ๆ ในบริษัทต่างอธิบายกันปากต่อปากบอกว่าฉันเป็นคนหน้าดุ แต่ดวงตาก็คมสวย ผิวขาวค่อนไปซีด ผมยาวเกือบเอวสีดำขลับ หน้าม้าตัดตรงสวยเฉี่ยว นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนชวนให้ลุ่มหลงจนเผลอจ้องไม่กะพริบตา

ดูท่าคำพูดเหล่านี้สำหรับฉันมันออกจะเกินไปหน่อยละนะ ถ้าในเรื่องรูปลักษณ์ทุกคนก็พูดไปในทางที่ดีแหละ

แต่เมื่อเป็นเรื่องนิสัยใจคอล่ะก็คนละขั้วกันเลย บ้างก็บอกว่าฉันเป็นคนน่ากลัว เหี้ยมโหด ขึงขัง พูดกันปากต่อปาก จนทำให้พนักงานที่ไม่ได้คลุกคลีกับฉันต่างหวาดผวาทุกครั้งที่ต้องเข้ามาพบหรือโดนฉันเรียก

อันนี้ดูจริงอยู่หน่อย ฉันค่อนข้างจริงจังกับการทำงาน เน้นความเข้มงวดไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ปิดงานเร็ว เพื่อที่จะได้มีเวลาส่วนตัวไงล่ะ และเพราะฉันเป็นคนแบบนี้ แม้จะมีคนที่กลัวฉันอยู่มาก แต่พวกเขาก็ออกจะนับถือฉันในเรื่องความสามารถในการทำงานอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

‘ตื้ด............’ มือถือในกระเป๋าของฉันสั่น จึงทำให้ฉันต้องวางแก้วกาแฟลง พลางหยิบมือถือขึ้นมาดูปรากฏเป็นชื่อ ‘เพื่อนเวร’ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก มันคือท่าประธานของที่นี่นั่นแหละ

ฉันพิงพนักพิงเก้าอี้ นั่งไขว้ห้าง จากที่กำลังสบายอารมณ์ก็แปรเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดทันที ‘โทรมาแต่ละทีไม่เคยมีเรื่องดี ๆ สักครั้ง เฮ้อ’

“ว่าไง...”

(มาบริษัทรึยัง) ไอ้เพื่อนตัวดีเอ่ยวางมาดเจ้าของบริษัท

“มาแล้วค่ะ ท่านประธานมีธุระอะไรคะ” ฉันพูดหยอกไป

(คุณฟ้าครามพูดสุภาพกับผมแบบนี้ ผมขนลุกนะครับ)

“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ฉันกำลังดื่มด่ำกาแฟยามสายอยู่นะ เรื่องด่วนรึเปล่า” ฉันเปิดประเด็นเข้าเรื่องทันที ไม่อยากพูดอ้อมค้อม ไม่งั้นการสนทนาระหว่างฉันกับมันไม่จบแน่

(เดี๋ยวเข้ามาหาฉันที่ห้องหน่อย มีเรื่องด่วนต้องปรึกษากับแก)

“ได้ เดี๋ยวฉันขึ้นไป แค่นี้ใช่มั้ย”

(อืม)

ฉันวางสายจากการสนทนาไป ก่อนจะยกอเมริกาโน่ที่เหลือในแก้วดื่มให้หมด และเดินออกจากร้านกาแฟชั้นล่างในตึกทันที

‘ติ้ง...’ เสียงลิฟท์เปิดชั้น 32 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของตึกนี้ และเป็นห้องของท่านประธาน อย่างไอ้กรณ์เพื่อนฉัน

“สวัสดีค่ะคุณฟ้าคราม”

“สวัสดี กรณ์อยู่ด้านในใช่มั้ย ฉันมาพบเขา”

“ท่านประธานรอคุณฟ้าครามอยู่เลยค่ะ เชิญด้านในได้เลยค่ะ”

“คุณเลขาอยู่ด้านนอกนี่แหละ ฉันเข้าไปเองมีเรื่องสำคัญต้องพูดกับกรณ์มันด้วย”

“รับทราบค่ะ คุณฟ้าคราม”

ฉันเดินเข้าไปในห้อง พบร่างชายคนหนึ่งแอคท่ายืนหล่อ ทำเป็นมองทอดสายตาออกไปนอกตึก มือล้วงกระเป๋า (นึกว่าเท่มากรึไงฟ่ะ)

ฉันเดินลงนั่งเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานของมัน ก่อนจะเท้าคาง เคาะมือลงบนโต๊ะนั่นด้วยท่าทีเบื่อหน่าย

‘ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก’

“แกมีเรื่องด่วนจะคุยอะไรกับฉัน” ไอ้กรณ์ที่กำลังยืนแอคท่าค่อย ๆ หันหน้ามามองฉันพลางเสยผมสุดวางมาดเท่ ก่อนจะนั่งลงส่งยิ้มอันแสนสะอิดสะเอียดมา อึ๋ย!!!...เสียดายลูกตาชะมัด

“เฮ้ย!! ทำไมต้องมองฉันด้วยสายตาแหวะแบบนั้นวะ”

“ก็ใครใช้ให้มึงทำท่าทีขนลุกแบบนั้นกันเหล่าเก็บไว้ทำกับสาว ๆ ในสต๊อกมึงเหอะ จะอ้วกแล้วเนี่ย”

“แกล้งนิดแกล้งหน่อยก็ไม่ได้ ช่วยอ่อนหวานให้กันบ้างได้มั้ยเพื่อน”

“...” ฉันไม่พูดอะไร แต่มองค้อนใส่อย่างหาเรื่อง

“โอเคมาเข้าเรื่องกันดีกว่า เย็นนี้มึงไปคุยงานที่โรงแรมเป็นเพื่อนกูหน่อย”

“กู ?” ฉันชี้ตัวเองพลางเลิกคิ้วมองไอ้กรณ์

“ใช่” ไอ้กรณ์ปรับลุคให้กลับมาเข้มปกติ ให้สมกับท่านประธาน ฉันเองก็นั่งเผชิญหน้าด้วยท่าทีสุขุมพูดคุยด้วยความจริงจัง

เราสองคนแม้จะพูดไร้สาระ หรือแหย่กันไปมาบ้าง แต่เมื่อไหร่ที่ต้องคุยกันเรื่องงาน ก็จะจริงจังกันสุดขีดเช่นกัน นั่นจึงทำให้บริษัทนี้เติบโตก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

“มันไม่ใช่หน้าที่กูรึเปล่าวะกรณ์ ”

“ก็ใช่ แต่งานนี้มันสำคัญมาก กูไม่ไว้ใจคนอื่น”

“มึงไว้ใจกู ?”

“อืม อัตราความสำเร็จในการเจรจาธุรกิจของมึงมัน 100%”

“...” ฉันนั่งพิงพนักพิงเก้าอี้ กัดริมฝีปากจ้องมองเพื่อนตรงหน้าเพื่อครุ่นคิดบางอย่าง ดูท่าเรื่องนี้จะเป็นงานใหญ่จริง ๆ ท่าทีของไอ้กรณ์มันบอกฉันไว้หมด เพราะสนิทกันมากเลยแทบจะมองความคิดทะลุปรุโปร่ง “ขอฟังรายละเอียด”

คราวนี้ไอ้กรณ์ลุกขึ้นยืนอีกครั้งแถมยังเดินไปพูดไปจนทำเอาเวียนหัว

“งานนี้งานช้าง และมูลค่าก็สูงหลายร้อยล้านไม่สิอาจจะพันล้านเลยด้วยซ้ำ บริษัทเราต้องคว้าให้ได้”

“ห๊ะ...พันล้านงานอะไรวะเนี่ย ระดับนี้มันควรเรียกประชุมใหญ่ไม่ใช่รึไง” ฉันตกใจกับมูลค่างาน แถมยังจะให้ฉันไปดีลงานด้วยอีก

“มันไม่ง่ายขนาดนั้นน่ะสิโปรเจคนี้มีหลายร้อยบริษัทหวังที่จะรับโครงการนี้เลยนะ”

“ขอดูเอกสารโครงการนี้หน่อยได้มั้ย”

“อ่ะนี้” ไอ้กรณ์ยื่นเอกสารปึกหนึ่งให้ฉัน ฉันหยิบมันขึ้นมาก่อนจะเปิดอ่านเงียบ ๆ โดยที่ไอ้กรณ์โทรสั่งให้เลขานำเครื่องดื่มและอาหารว่างเข้ามาให้ ดูท่าเรื่องนี้เราสองคนคงต้องคุยกันอีกยาว

ผ่านไปสักพัก หลังจากที่ฉันอ่านเอกสารนี้พอเข้าใจโครงการนี้คร่าว ๆ

“งานหินจริง ๆ นะเนี่ย บริษัทที่จะทำการรีโนเวทโรงแรมร้างนี้ ลงทุนมากเท่าไหร่กันนะ กูจำได้ว่ามูลค่าก่อนหน้าที่จะร้าง เห็นว่าก่อสร้างกันเป็นหมื่นล้าน”

“กูก็คิดว่ามันบ้าบิ่นมากที่จะมาลงทุนกับโรงแรมร้างแบบนั้นเหมือนกัน เห็นว่าเป็นกลุ่มนายทุนเศรษฐีต่างชาติ ต้องการเอามาทำโรงแรมบวกบ่อนพนัน”

“บ่อนพนัน!!!”

“ใช่ ดังนั้น หากพวกเราได้ร่วมโครงการในส่วนออกแบบห้องพัก จำนวนห้องมากกว่าร้อยห้องนี้ล่ะก็รับรองผลกำไรปีนี้กระฉูด” ไอ้กรณ์เอ่ยพลางทำหน้าตาระยิบระยับ

“มันก็ดูน่าทำอยู่หรอก แต่เกี่ยวกับบ่อนด้วยแบบนี้ พวกเราจะไม่เดือนร้อนใช่มั้ย” ฉันพูดด้วยความระแวง

“ไม่หรอกฟ้า เรามีหน้าที่แค่ตกแต่ง ออกแบบห้องพักแค่นั้น อีกอย่างอิทธิพลของกลุ่มนายทุนเศรษฐีกลุ่มนี้ สามารถทำอะไรก็ได้เลยนะ ดังนั้นนอกจากจะไม่โดนกฎหมายเล่นงานแล้ว เงินเหลือ ๆ ในการจ่ายไม่มีเบี้ยวแน่นอน ประธานอย่างกูสืบมาดีแล้ว”

“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจยาว จริงอยู่ที่ว่าไม่ว่าครั้งไหนที่ฉันออกไปดีลหรือต่อรองฉันทำสำเร็จเสมอ แต่กับงานนี้ฉันรู้สึกแปลก ๆ ไปหมด แถมไม่มีความมั่นใจขึ้นมา แต่เมื่อฉันเองก็เป็นผู้ถือหุ้น และ ท่านประธานตรงหน้าต้องการให้ฉันทำขนาดนี้ ยังไงฉันก็ต้องรับอยู่แล้ว เพราะผลประโยชน์นี้ ฉันก็ได้รับเต็ม ๆ เหมือนกัน

“บริษัทเราต้องการงานนี้จริง ๆ ฟ้ามึงคิดว่าจะทำได้มั้ย” กรณ์จ้องมองฉันอย่างคาดหวัง

“เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วนนี่ ได้กูรับงานนี้”

“ดีมากเพื่อน งั้นค่ำนี้เจอกันที่โรงแรมแกรนด์ปาร์ค แต่งตัวสวย ๆ ด้วยล่ะ ต้องข่มบริษัทอื่นให้ได้ โครงการใหญ่นี้ต้องเป็นของพวกเรา”

“เอ่อ...รู้แล้ว”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel