บทที่ 3
ร้านราเมนคนโฉด เปิดบริการปุ๊บ ลูกค้าคนแรกที่มาอุดหนุนเป็นคนที่ตงหยางเห็นหน้าแล้วหางคิ้วถึงกับกระตุก!
หนุ่มหล่อหน้าตี๋ผิวขาวตัวหอมฟุ้งเดินเข้ามาในร้านด้วยท่าทีอ่อนน้อม มันมีชื่อว่า ‘เติม’ สองมือมันยกขึ้นพนมไหว้ทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมแบบที่เห็นแล้วตงหยางรู้สึกหงุดหงิดลูกตา
“ทำตัวให้เด็กมันเคารพ ไม่ใช่ทำตัวให้เด็กมันยกตีนให้” ยังไม่ทันที่ไอ้เด็กหนุ่มนั่นจะเดินเข้ามาพ้นประตูร้านดี นังเมียตัวดีก็พูดเสียดสีเขาซะแล้ว!
“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า”
“ไหว้พระเถอะจ่ะ”
ใครเป็นญาติมึงฮะ! ตงหยางไม่มองหน้าแขกผู้มาเยือนเพื่อนรุ่นพี่ของลูกสาวเลยสักนิด
แล้วนังเมียนี่ยังไง ไหว้พระทำไมที่นี่ไม่ใช่วัดโว้ย!
เท่านั้นยังไม่พอนังเมียตัวดีเสนอหน้าต้อนรับไอ้เวรนั่นเต็มที่ ไม่ช้าไม่นานอาหารก็พร้อมเสิร์ฟ ทั้งที่ร้านก็เพิ่งจะเปิดไม่กี่นาที!
สงสัยไอ้เชฟหลังครัวมันอยากจะเปลี่ยนงานใหม่วันนี้พรุ่งนี้! เส้นราเมนมันนวดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืนหรือไงทำไมมันเสร็จเร็วจังวะ ไหนเจ้าของร้านแม่งบอกว่าทำเส้นสดไง! โกหกผู้บริโภคฉิบหาย!
หยางขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ยิ่งเห็นเมียพะเน้าพะนอไอ้หนุ่มรุ่นลูก ตงหยางก็ยิ่งหงุดหงิดใจ เขาไม่ชอบ ไม่ชอบขี้หน้าไอ้ห่านี่ยิ่งกว่าไอ้บาสเสียอีก
“หยางคุณไปบอกในครัวให้เอาซอสมะเขือเทศมาเพิ่มหน่อยค่ะ เติมเขากินจิ๊กโฉ่วไม่ได้”
ก็ไม่ต้องแดก!! หยางตวัดสายตาขุ่นไปมองเมียตัวเองอย่างท้าทาย ทั้งยังไม่ลุกไปทำตามคำสั่งและนั่งทำหน้ากวนบาทาอยู่ที่เดิม
ใครจะมองว่าเขาทำตัวหาเรื่องเด็กก็ช่างเหอะ กูไม่ปฏิเสธ! ก็มาดิวะ!
สีหน้าและแววตาของตงหยางทำให้มือเท้าของคนเป็นเมียสั่นระริก หยางคิดในใจเอาดิ! ถ้ามึงลุกมาตบกูนะได้เห็นดีกัน! มึงอยากเข่าสึกใช่ไหม มา!
“พ่อคะ…มาทานข้าวพร้อมหลินไหม?” ไม่กิน! จะอดให้ตายไปเลย! เขาปฏิเสธเสียงเหิน
กับลูกเขาก็ไม่ได้อยากจะไปใส่อารมณ์อะไรจึงทำมองเมินไปทางอื่น คือมันทำได้แค่นี้ไง!
เมื่อไม่มีคนสนใจตงหยางอย่างที่ควรจะเป็น เขาจึงกดโทรศัพท์สาดคำพูดเป็นภาษาจีนแบบดังลั่นร้าน สักพักลูกน้องตัวเล็กตัวใหญ่ก็เข้ากันมาเต็มร้าน
ถึงตัวไม่ไปหยิบสิ่งที่เมียสั่ง ก็ส่งลูกน้องไปหยิบแทนไงจะอะไรอีกอะ!
“หลินบอกแล้วให้ไปเจอกันที่มอเลย พี่เติมก็ไม่ยอม” ลูกสาวถอนหายใจหันมาคุยกับเพื่อนรุ่นพี่เพราะรู้นิสัยคนเป็นพ่ออยู่แล้ว แต่เธอก็อยากจะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่ ๆ บ้าง จะเพื่อนหรืออะไรก็อยากจะพาคนที่เปิดใจคุยด้วยมาให้พ่อแม่เห็นหน้า
“ก็บอกแล้วว่าทางผ่านพอดี พี่ไม่มารับทุกวันหรอกน่าเปลืองน้ำมันแย่เลย”
เมื่อชายหนุ่มพูดจบก็ค้อมศีรษะให้กับแม่ของหญิงสาวที่ยื่นตะเกียบมาให้ และสักพักถ้วยซอสมะเขือเทศก็ถูกนำมาวางโดยผู้ชายร่างใหญ่ยักษ์ที่ทำหน้าตาถมึงทึงโกรธ
กิตติศัพท์ของพ่อหญิงสาวเรื่องหวงลูกสาวดังกระฉ่อนไปทั่วพระประแดง เติมรู้สึกเกร็งนิดหน่อยแต่ก็ใจดีสู้เสือสุด ๆ
เติมก็อยู่แถวนี้เหมือนกัน และเราฐานะระดับเดียวกัน สังคมเรียกว่าไม่ห่างชั้นกันมากนัก ตอนที่รุ่นน้องแนะนำให้รู้จักหลิน เขาก็รู้สึกชอบเพราะน้องน่ารักดี ยิ่งรู้ว่าเคยสนิทกับไอ้บาส เขาก็พุ่งเข้าใส่เธอเต็มกำลัง
“ขอบคุณค่ะ” หลินเงยหน้าขึ้นไปพูดกับลูกน้องพ่อเธอ ก่อนจะเหลือบสายตามองแม่อย่างขอความช่วยเหลือ
“มีอะไรไปทำก็ไปทำเถอะทางนี้จัดการเอง” หนิงบอกลูกน้องของตงหยางที่ยังยืนปักหลักคร่อมหัวพวกเราอยู่นี่
ไอ้หยางผัวเธอนี่มันยังไง มันจะบ้าหรือไงให้ลูกน้องหน้าโจรมาเสิร์ฟซอสมะเขือเทศ อยากจะทุบมันให้ตาย!
“พ่อหลินดุจริงด้วย…” เติมพูดกระเซ้าแววตาเป็นประกาย
ยิ่งเห็นหน้าของหลินแบบใกล้ ๆ จิ้มลิ้มน่ารักไปหมด ผิวขาวเนียนผ่องเป็นยองใย บ้านนี้หน้าตาดีทั้งบ้าน ดูคล้ายว่าเธอจะถอดแบบพ่อมาไม่มีผิดเพี้ยน แต่น้องชายของหลินคล้ายแม่มากกว่า
“พ่อเขาเป็นแบบนี้แหละค่ะ จริง ๆ ไม่มีอะไรเลย พ่อหลินใจดีที่สุด หล่อ สปอร์ตใจดีพระประแดง”
เมื่อลูกสาวเยินยอด้วยเสียงดังมีหรือไอ้คนพ่อมันจะไม่ได้ยิน หน้าบานเป็นจานดาวเทียมแล้วมั้ง หนิงอยากจะปาถ้วยราเมนใส่กบาลไอ้ผัวเวรจริง ๆ นั่งเก๊กหน้าทำตัวเหมือนผู้ใหญ่ไม่รู้จักโต
แล้วเด็กทั้งคู่ก็หัวเราะกัน หนิงที่เป็นแม่ทำทีเสิร์ฟอาหารไปแบบนั้น แม้ตาไม่ได้ดูแต่หูคือแอบฟังสุด ๆ
หลินหันไปมองหน้ารุ่นพี่หนุ่มที่อาสามารับเธอไปที่มหาวิทยาลัยเพราะเขาแวะกลับบ้านพอดี บ้านเธอเป็นทางผ่านบ้านของเขา อีกอย่างมีเพื่อนของเธออีกคนจะติดรถไปด้วย เราก็เลยมารอเพื่อนที่ร้านราเมนแม่แทน
“แล้วเพื่อนจะมากี่โมงให้แม่เตรียมข้าวให้ไหม?” หนิงมองหน้าลูกสาวและเหลือบสายตามองหน้าเพื่อนรุ่นพี่อย่างพินิจพิเคราะห์ จะว่าไปสเปกยัยหลินนี่มันไม่พ้นหน้าตี๋เลยหรือไง เชื้อไม่ทิ้งแถว! จะเหมือนใครได้ก็เหมือนเธอนี่!
“ก็ได้แม่ เอาราเมนแบบพี่เติมที่นึงค่ะ” หลินเห็นรุ่นพี่หนุ่มนั่งทำหน้านิ่ง ๆ แต่สองมือของเขาเอาถูกันไปมาอยู่ใต้โต๊ะ ก็เลยพูดเพื่อคลายบรรยากาศตึงเครียด
“ไม่ต้องเกร็งหรอกเติม แม่ไม่ได้ใจร้ายอะไร ใครเข้าบ้านมาแม่ก็ต้องถามเป็นธรรมดาจะได้รู้จักกันไว้” และก็นั่นแหละหนิงก็เริ่มปฏิบัติการสอบสวนรุ่นพี่หนุ่มของลูกสาวในทันที
เติมรู้สึกอึดอัดขึ้นมาแต่มาถึงขนาดนี้คงไม่ถอย ดีหน่อยที่หลินรับไมตรี เราคุยกันมาได้สักพักแต่ไม่ได้สนิทสนมถึงขั้นไปไหนมาไหนกันสองต่อสอง
อย่างวันนี้เติมจะชวนหลินไปดูหนังสองคน แต่เธอก็จะเอาเพื่อนสนิทไปด้วยซึ่งเขาก็ปฏิเสธไม่ได้
“เติมกินนี่สิ อันนี้ใครมาที่นี่ก็ต้องสั่ง” แม่เธอดันจานเกี๊ยวซ่าให้กับชายหนุ่มรุ่นพี่ เพราะซักฟอกเขาไปจนถึงต้นตระกูลเรียบร้อย
“แม่หลินใจดีจริง ๆ ด้วย” เติมกระซิบเบา ๆ และเอาตะเกียบถูกันไปมา ก่อนจะคีบเกี๊ยวซ่าเข้าปากตัวเองก่อนอันดับแรก และกินชิ้นต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกิน
หนิงได้ยินก็ได้แต่ยิ้มน้อย ๆ ไอ้เด็กนี่มันอยู่เป็นที่กล้าจะชมเธอต่อหน้า แต่หนิงก็ไม่ได้รู้สึกว่าชอบใจมากนัก ความจริงไม่ได้ชอบเพื่อนลูกสาวที่สไตล์นี้เท่าไหร่ เติมดูไม่เหมาะกับหลิน
เกี๊ยวซ่าหนึ่งเสิร์ฟมีหกตัว เพื่อนลูกกินไปสี่ตัวแล้ว…
เติมกินเกี๊ยวซ่าไปตัวแรกชมว่าอร่อย และก็คีบอีกตัวเข้าปากทั้งที่ตัวแรกยังไม่หมดคำดีเลยด้วยซ้ำ
หนิงเคยทานข้าวกับเติมแค่ครั้งเดียว ครั้งนั้นเราไปทานชาบูกันซึ่งมันแยกหม้อใครหม้อมันไม่ได้มานั่งหันหน้าชนกันและเห็นว่าใครกินอะไรแบบนี้ ดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ ก่อนจะก้มหน้าและยิ้มจาง ๆ
