บทที่ 4
“อร่อยมากเลยครับ แบบนี้พี่ขอฟรีกลับบ้านได้หรือเปล่า?”
ไม่ใช่แค่หลินที่อึ้งแต่หนิงที่เป็นแม่อึ้งกว่า เธอมองหน้าเพื่อนลูกในหัวคิดว่าเด็กมันอาจจะพูดเล่น ก็เลยตอบกลับเป็นมารยาท
“เติมจะกินอะไรก็สั่งได้เลยนะไม่ต้องเกรงใจ ป้าทำให้เอากลับไปกินบ้าน” หนิงพูดจบก็มองหน้าลูกสาว เมื่อเห็นว่าลูกไม่อะไรนั่งกินราเมนในชามตัวเองไปเงียบ ๆ เกี๊ยวซ่าของโปรดไม่ได้แตะเพราะแดกไม่ทัน!
ปกติหลินมันกินช้ากว่าใครเพื่อนอยู่แล้ว! กว่าจะละเลียดกินได้คนอื่นก็กินนำไปหมด!
สรุป! ไอ้เติมมันพูดจริง! เติมเพื่อนลูกมันสั่งราเมนกลับไปสามที่ เกี๊ยวซ่าอีกสามชุด หมูทอดทงคัตสึอีกสอง!
หนิงเดินกลับมาคีย์บิลโต๊ะเพื่อนลูก แม้เป็นเจ้าของร้านก็ใช่ว่าจะกินฟรี แต่ใจนี่เรียกว่าร้อนเป็นไฟ ไอ้เงินแค่นี้ไม่ใช่เลี้ยงเพื่อนลูกไม่ได้ แต่มันใช่เหรอ!
ขนาดบาสที่ว่าสนิทสนมกันมานาน แม้แต่ข้าวสักถ้วยมันก็ไม่เอา กินก็ไม่เคยกินฟรี ต้องช่วยเก็บจานเก็บชาม
ไปไหนก็เลี้ยงน้องตลอด หลินไม่เคยต้องเสียเงินสักบาทเพราะบาสออกให้หมด! แล้วเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กยันโต
จะกินอะไรกันลูกเธอต้องได้กินก่อน แม้จะไม่ให้กันโต้ง ๆ แต่ก็ขอจานแยกหยิบของที่ลูกเธอชอบแยกไว้ให้ แล้วไอ้เติมมันเป็นผู้ชายแบบไหน!
หลังไปส่งลูกที่รถของเพื่อนลูก หนิงก็ไม่ได้รู้สึกอุ่นใจเท่าไหร่ มันไม่สบายใจแบบที่ไม่ได้คิดว่าตัวเองคิดมากหรือกังวลมากไป เธอเดินกลับเข้าร้านมาเดี๋ยวลุกเดี๋ยวนั่งจนคนเป็นผัวถาม
“ถึงกับร้อนรนจนนั่งไม่ติด ชอบผู้ชายเฮง ๆ ก็ไม่บอก”
เมียเดินกลับเข้ามาในร้านผัวแสนดีก็ค่อนแคะทันที ตงหยางเห็นทุกอย่างและก็รู้ด้วยว่าคนเป็นเมียรู้สึกยังไง
“มันแปลก หนิงว่าไม่เหมาะเท่าไหร่ ลูกเรามันก็เงียบอยู่แล้ว อยู่กับคนแบบนี้โดนกดหัวตายชัก แล้วนี่ส่งคนไปดูลูกหรือยัง?”
แน่นอนผัวแสนดีของเธอสั่งให้ลูกน้องติดตามลูกอยู่ห่าง ๆ ไม่มีทางที่เธอจะปล่อยให้ลูกเดินทางตามลำพังกับผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก แม้จะมีเพื่อนไปด้วยในรถคันเดียวกันก็ตามที
“แน่นอนดิ คนอย่างหยางไม่ปล่อยให้หลินคลาดสายตาหรอก”
กว่าไอ้บาสมันจะพิสูจน์ตัวเองว่าดูแลลูกสาวเขาได้ก็ใช้เวลาเป็นสิบปี แล้วไอ้ห่าเติมนี่มันเป็นใครกัน!
“ก็ดี...” พูดจบหนิงก็หย่อนสะโพกนั่งลงบนตักตงหยาง สองมือยกขึ้นมากอดลำคอหนา ในร้านยังไม่มีลูกค้าผัวเมียจึงนั่งมองหน้าทำตาซึ้งใส่กัน
“ไม่ต้องมาอ้อนเลย เธอไม่ควรจะไปเห็นดีเห็นงามทั้งที่รู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เด็กมันแค่งอนกัน เธอไปเปิดทางให้ลูกแบบนั้นมันจะเคลียร์กันยาก หนิงก็รู้ว่าหลินมันแค่ประชดไอ้บาส และเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะฉันทำให้มันวุ่นวายเอง”
คนเป็นพ่อถอนหายใจและนึกไปถึงเหตุการณ์ก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะเป็นแบบนี้
ตงหยางเรียกบาสมาคุยเพราะรู้สึกว่าสายตาที่มันมองลูกสาวเขาชักไม่ชอบมาพากลจึงเรียกมาตักเตือน
น้ำมันกับไฟอยู่ใกล้กันก็ใช่ว่าจะดี ถึงบาสมันเข้าออกบ้านเขาดูแลลูกสาวเขามาเป็นสิบปีก็เถอะ
คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างเรามองออกว่าเด็กทั้งคู่ชอบพอกัน ตงหยางจะไม่อะไรเลยถ้าความสัมพันธ์ที่ดีแบบนี้จะค่อย ๆ ขยับและพัฒนาขึ้นอย่างไม่รีบร้อน แต่ในวันหนึ่งเขากลับไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นซะก่อน
ความรักของหนุ่มสาวมันร้อนแรงแผดเผาแค่ไหนตัวหยางนั้นรู้ดี ยิ่งเห็นไอ้บาสก็เหมือนเห็นตัวเอง
เขายังคงเชื่อว่าอะไรที่มันได้มายาก ๆ มันจะมีค่าเสมอ และเมื่อมันยากมากเข้ามันก็จะกลายเป็นท้าทาย เขาไม่อยากให้ลูกสาวที่รักต้องเป็นหนึ่งในความท้าทายของผู้ชายคนใดก็ตาม
ยิ่งน้ำมันอยู่ใกล้ไฟมากเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตราย วันนั้นเห็นไอ้บาสหยิบเสื้อลูกสาวเขามาดม ประกอบกับหลาย ๆ ครั้งสายตาของมันมองลูกเขาอย่างลุ่มลึกจนคนเป็นพ่อใจคอไม่ค่อยดี
ตงหยางไม่เคยกลัวอะไรในชีวิต แต่ในตอนนั้นเขากลัวว่าไอ้ห่าบาสมันจะงาบลูกเขาก่อนวัยอันควรเข้าสักวัน
หลินโตเป็นสาวแบบเต็มตัวโตกว่าเด็กสาวในรุ่นเดียวกัน เธอสูงเหมือนเขา รูปร่างหน้าตาจัดว่าดี ผิวกายเนียนสะอาด ใบหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา กิริยามารยาทไม่ต้องพูดถึง เรียนเก่ง พูดเพราะ เป็นนักกีฬาอีกด้วย จะจับจะทำอะไรก็เก่งไปทุกเรื่อง
ช่วงหลินอยู่มัธยมศึกษาตอนปลายเขาจึงเรียกไอ้บาสมันมาปราม ซึ่งก็ดีไปพักหนึ่งและมันก็เอาอีกแล้ว…ลูกเขานอนหลับอยู่ที่โซฟากลางบ้าน ส่วนไอ้บาสมันไปนั่งมอง แล้วจะให้คนเป็นพ่ออดทนอดกลั้นทนไหวได้ยังไงกัน!
ถ้าหยางไม่ปรามเขาว่าลูกครบสิบแปดปีบริบูรณ์ไอ้ห่ารากนี่มันเอาแน่! มันรวบลูกเขาแน่!
ส่วนลูกสาวเขาก็ชัดเจนมาตลอด ปักใจรักแต่ไอ้บาสนี่แหละ! ไม่ใช่จะอะไรยังไง แต่เพราะมันยังไม่ถึงเวลา! เด็กทั้งคู่ควรโตก่อน!
ใจคนเป็นพ่อเป็นผู้ใหญ่มันก็แกว่ง ๆ ไงไม่รู้ ไอ้บาสมันรักลูกเขาจริงหรือมันแค่ผูกพันกัน หลินมันจะยังไงต่อจะเลือกเรียนอะไร เรียนตามไอ้บาส หรือเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองรัก
หยางคิดว่าตัวเองไม่สามารถปล่อยวางเรื่องนี้ได้ เขาไม่ยุ่งไม่ได้ เขาต้องยุ่ง! จึงเรียกไอ้ตัวต้นเรื่องมาพูดกันอย่างลูกผู้ชาย
ถ้ามันรักลูกเขาจริงก็ต้องรอลูกเขาได้ พิสูจน์ตัวเองว่าจะไม่กั๊กลูกสาวเขาไว้
‘ถ้ามึงรักลูกกูจริงก็ถอยออกไปให้มันมีชีวิตที่เป็นชีวิตของมันบ้าง น้องมันเพิ่งอายุเท่าไหร่เอง’
‘มึงไม่รู้หรือไงไอ้ท่าทีของมึง มันทำให้หลินมันไปไหนไม่ได้ มึงกับกูก็รู้ดีว่าหลินอยากเป็นหมอ แต่เพราะมึงหลินมันเลยอยากจะไปเป็นนักบิน!’
‘อย่าเห็นแก่ตัวไอ้บาส พิสูจน์ให้กูเห็นว่ามึงไม่ได้แค่เล่น ๆ ถ้ามึงรักลูกกูจริงก็ต้องปล่อยน้องมันไปได้ดี! ส่วนมึงจะยังไงค่อยมาคุยกับกูใหม่แล้วกัน!’
จะอย่างไรเขาก็เลี้ยงลูกมาเป็นอย่างดี ไม่ได้เลี้ยงเพื่อให้เป็นของเล่นของใคร เขาเลี้ยงดูหลินมาเพื่อให้หลินมีชีวิตที่เป็นของตัวเอง มีความสุข มีสุขภาพที่ดี รายล้อมไปด้วยสิ่งดี ๆ
เขาไม่อยากให้ความรักฉาบฉวยชั่วครู่มาพรากวัยเยาว์ วัยสนุกของลูกสาวไป ถ้าไอ้บาสมันรักจริงมันก็ต้องรอน้องได้
