บทที่ 7
“ผมขอยกเลิกงานนี้” เมื่อเอกรัฐรับสาย อธิเมศร์ก็เอ่ยขึ้นทันที เขาไม่เคยยกเลิกงานที่รับทำมาก่อน นี่คือครั้งแรกเพราะไม่อยากทำ ของที่ต้องไปส่งเป็นคน มันจะสร้างความวุ่นวายแก่เขาไม่จบสิ้น
“ไม่ได้…นายรับเงินกับของไปแล้ว ต้องส่ง” เอกรัฐที่ตอนนี้นั่งรออยู่หน้าห้องผ่าตัดเดินเลี่ยงรังสิณาออกมาคุยไกลหน่อย คนที่อยู่ภายในห้องผ่าตัดตอนนี้คือสุทิน ถ้าอธิเมศร์โทรมาแบบนี้ก็แสดงว่ารู้แล้วว่าของที่ต้องไปส่งคืออะไร
“แต่พี่ไม่ได้บอกว่าของที่ต้องส่งคือคน”
“นายเองที่ไม่ได้ถามให้แน่ชัด” คำพูดของเอกรัฐทำให้อธิเมศร์หัวเสียเข้าไปใหญ่ สุดท้ายเขาก็มาตกม้าตายเพราะความสะเพร่า ไม่น่าเลย ทั้งๆ ก่อนรับงานทุกอย่างเขาจะถามให้ละเอียดแท้ๆ แต่ทำไมงานนี้ถึงได้รับทำง่ายๆ
“ผมจะเอาของไปคืนที่เดิม”
“ไม่ได้นะเสือ นายรับทำงานนี้แล้ว ห้ามยกเลิก” เอกรัฐเอ่ยห้ามทันที เป็นแบบนั้นไม่ได้
“แต่ผมไม่ได้รับส่งคน แถมยังให้ผมเฝ้าเธออีก” อธิเมศร์ยืนพิงกระโปรงรถ ชายหนุ่มยกมือขึ้นเสยผมดกหนาสีดำขลับของตัวเอง แววตาสีสนิมครุ่นคิดจนสมองแทบระเบิด
“ช่วยหน่อยเถอะ เพราะพี่ให้เธอกลับบ้านตอนนี้ไม่ได้จริงๆ เธอคนนั้นเป็นลูกสาวของเจ้านายพี่ เธอจะกลับมาบ้านได้ก็ต่อเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เมื่อนั้นพี่จะติดต่อนายไปเอง”
“ผมไม่มีทางเลือกอื่นใช่ไหม?” คนรับงานไม่อยากเซ้าซี้ต่อ ถึงปฏิเสธยังไงเขาก็คงเขี่ยงานนี้ทิ้งไม่ได้อยู่ดี อธิเมศร์ไม่ถามว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เพราะถึงยังไงเธอก็เป็นแค่ของที่เขาต้องเอาไปส่งและนั่งเฝ้าเท่านั้น
“ใช่…พี่อยากให้นายทำงานนี้ ไม่ใช่งานฆ่าคน ไม่ใช่ส่งของเถื่อนหรือผิดกฎหมาย แต่เป็นแค่การส่งหญิงสาวธรรมดาคนหนึ่งไปที่กระบี่ และนายก็ทำหน้าที่จับตามองเธอเท่านั้น จำไว้ ว่าห้ามเธอกลับมาบ้าน”
“ทำไงได้ ผมโง่เองที่ไม่ได้ถามรายละเอียด” จังหวะที่พูดคุยกับเอกรัฐ อธิเมศร์เห็นรถกระบะคันหนึ่งขับผ่านและจอดอยู่หน้าเขาเลยไปไม่ไกลกันนัก แต่คิดว่าไม่มีอะไร ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ประมาท คอยจับตามองอยู่
“นายไม่ได้โง่ เพราะถึงจะถามพี่ก็ไม่ตอบ”
“ถ้างั้นผมขอเงินเพิ่มให้สมกับงานหน่อย” ชายหนุ่มไม่ชอบงานนี้ จึงโก่งราคาขึ้นไปให้สมตัว
“เท่าไหร่”
“อีกสิบล้าน”
“พี่ให้คำตอบเรื่องนั้นไม่ได้ในตอนนี้ แต่จะบอกคนที่สั่งการเรื่องนี้ทีหลัง ซึ่งน่าจะเป็นข่าวดี เสือ…เรื่องนี้ปิดเป็นความลับไม่ต้องบอกอะไรของทั้งนั้น” ก่อนวางสายเอกรัฐเอ่ยย้ำสิ่งสำคัญ เพราะไม่อยากให้ณชาณัธฐ์ต้องกังวล อยู่แบบไม่รู้น่าจะดีกว่า ชายหนุ่มผู้กุมความลับยืนมองโทรศัพท์ก่อนจะเดินไปยังห้องผ่าตัดอีกครั้ง
อธิเมศร์ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น เขาวางโทรศัพท์ทันทีเมื่อไม่มีธุระจะคุยอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มกลับมาเปิดท้ายรถอีกครั้ง แวบแรกที่เห็นคือน้ำตาของหญิงสาวคนนี้ที่ไหลอาบแก้ม แต่มันกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรแม้แต่น้อย
“ของ…ก็อยู่ในนี้ต่อไปแล้วกัน”
“อ้าย…อาว” ณชาณัธฐ์พยายามส่ายหน้าปฏิเสธ แต่สุดท้ายความมืดก็ค่อยๆ เข้ามาแทนที่ความสว่าง หญิงสาวน้ำตาไหลพรากเพราะความกลัวและสับสน ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่
“รถเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” จังหวะที่อธิเมศร์กำลังปิดท้ายรถให้สนิท ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินเข้ามาถาม เหมือนพลเมืองดี แต่สำหรับนักฆ่าอย่างชายหนุ่มแล้วมันไม่ใช่ พลเมืองดีทำไมต้องจอดรถไว้ตั้งไกลแล้วถึงเดินมาถามแบบนี้กัน แถมยังซุ่มอยู่นานกว่าจะมาถามว่ารถเขาเป็นอะไรหรือเปล่า ท่าทางเหมือนกำลังรอเวลา
“เปล่า” น้ำเสียงนิ่งๆ ของอธิเมศร์เอ่ยตอบ เขาก้าวออกมาจากท้ายรถจนเกือบถึงด้านหน้าประตูคนขับ สายตาก็คอยสังเกตทุกอย่างรอบตัวไปด้วย
“อ้วย…อ้วย” ณชาณัธฐ์พยายามพูดว่าช่วยด้วย หวังให้อีกคนที่เข้ามาช่วยเธอออกไปจากที่นี่ เสียงอู้อี้ฟังชัดบ้างไม่ชัดบ้างจากท้ายรถทำให้เข้มยิ้มเหี้ยมออกมา ในที่สุดเป้าหมายก็อยู่ในรถคันนี้จริงๆ
“เสียงอะไร เหมือนผู้หญิง”
“ถามทำไม” น้ำเสียงทุ้มๆ ของอธิเมศร์เอ่ยถาม ถึงชายคนนี้จะสงสัยแต่ถ้าเขาไม่ให้ดูซะอย่างจะทำอะไรได้ แต่แปลกใจที่มันเจาะจงว่าเป็นผู้หญิง งานนี้ดูท่าทางจะไม่ใช่หมูๆ เสียแล้ว
“เปล่า ก็แค่อยากรู้ แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรให้ช่วย” เข้มชะเง้อมองไปยังหลังรถที่ตอนนี้เสียงตึงตังดังเล็ดลอดออกมาอยู่ สักพักท้ายรถก็เปิดออกโดยที่ณชาณัธฐ์ใช้เท้ายันขึ้นไปนั่นเอง
“อ้วย…อ้วย” เสียงขอความช่วยเหลือของณชาณัธฐ์ยังคงดังขึ้นมาอีกครั้ง แต่อธิเมศร์ก็ไม่ได้สนใจหันกลับไปมองแม้แต่น้อย ชายหนุ่มยังคงเอื้อมมือไปเปิดประตูเพื่อจะเข้าไปในรถ
“ไอ้หน้าอ่อน เผอิญพี่เป็นตำรวจ ขอตรวจรถหน่อยได้หรือเปล่า?” เมื่อเห็นว่ามีคนเดียว เข้มจึงเข้ามาขวางหน้าไว้และสวมรอยเป็นตำรวจให้ชายหนุ่มคนนี้หวาดกลัว
“บัตรประจำตัวตำรวจอยู่ไหน ขอดูก่อน” อธิเมศร์ยื้อเวลา ตำรวจอย่างนั้นเหรอ น่าหัวเราะ
“ไม่จำเป็นต้องดูก็ได้มั้ง ไว้เราไปคุยกันที่โรงพักก็ได้”
“ธุระไม่ใช่” เมื่อเห็นท่าทีของอธิเมศร์ไม่ได้หวาดกลัว เข้มก็ของขึ้น
“ไอ้นี่” เข้มไม่รีรอปล่อยหมัดใส่ใบหน้าของอธิเมศร์ให้ได้สำนึกเสียบ้างที่กล้าไม่ยอมทำตามที่สั่ง แต่ชายหนุ่มก็เร็วกว่าที่จะรับหมัดนั้นด้วยมือของเขา
“ตำรวจสันดานต่ำ” อธิเมศร์ผลักชายตรงหน้าให้ออกห่าง นี่หรือตำรวจ ท่าทางเป็นได้แค่ไอ้กุ๊ยข้างถนนเสียมากกว่า
“มึงว่าใคร แส่หาที่ตาย” ตำรวจก็เป็นแค่ข้ออ้างที่เข้มหวังทำให้อธิเมศร์กลัวเท่านั้น แต่พอได้ยินคำพูดด่าทอก็ทำให้เข้มเลือดขึ้นหน้า เขาก็ปรี่เข้าไปทำร้ายอธิเมศร์ทันที แต่หมัดของมันก็ทำอะไรคนอย่างอธิเมศร์ไม่ได้ด้วยซ้ำ กลับถูกชายหนุ่มสวนด้วยหมัดและศอกไปจนเลือดกบปาก
“มึงไม่ไช่ตำรวจ มึงเป็นใคร”
