Chapter 3 เอาคืน
นีน่าบอกผมแบบนั้นและเป็นผมเองที่รู้สึกไหววูบแปลกๆ มันเหมือนกับว่าผู้หญิงคนนี้ทำร้ายผมเลย
"ใคร..."
ผมถามซ้ำ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากรู้ว่าเธอเป็นใครอยู่ดี
"ปลายฟ้า..."
ในที่สุดนีน่าก็ตอบออกมา เธอลูบผมของผมแผ่วเบาแล้วพูดต่อ
"ผู้หญิงคนนี้เป็นคนทำร้ายนาย"
"..."
"นายเจ็บเพราะเธอ นายเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอ นายจำความรู้สึกนั้นได้มั้ย"
นีน่ายิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ถ้าถามว่าผมจำความรู้สึกได้มั้ย แน่นอนว่ามันเลือนลางแต่ผมก็รู้สึก แค่อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนั้นเพียงแค่ไม่กี่วินาทีผมก็รู้สึกแล้ว มันเจ็บปวดและ...
"ปลายฟ้า...เกลียดนาย เกลียดฉัน ผู้หญิงคนนั้นร้ายมากนะ"
"..."
"ต่อไปนี้ถ้านายเจอเธอห้ามเข้าใกล้เธอนะ วายุ"
ผมมองหน้าเธอนิ่ง ตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาที่หัวของผมว่างเปล่าถึงมันจะมีเรื่องราวผ่านเข้ามาเรื่อยๆ
ทั้งความทรงจำครั้งเก่าที่กลับมาบ้างและเรื่องราวใหม่ๆ สิ่งหนึ่งที่ผมรู้และพบเจออยู่ทุกวันก็คือนีน่ากับสิ่งดีๆที่เธอทำให้ผมและสมองผมสั่งให้เชื่อเธอ แต่ถึงอย่างนั้น...
ผมเลื่อนมืออีกข้างมาวางไว้บนหน้าอกตรงตำแหน่งที่มีรอยสักผ่านเสื้อยืดสีขาวของตัวเอง รอยสักบนแผ่นอกด้านซ้ายที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นคำๆหนึ่งไว้ คำนั้นมันสะกิดใจผมทุกครั้ง ไม่รู้ทำไม...
"ห้ามให้ผู้หญิงคนนั้นมายุ่งกับนายเด็ดขาด"
นีน่าเองก็เลื่อนฝ่ามือมาวางทาบกับมือข้างนั้นของผมพลางค่อยๆกุมมันไว้หลวมๆ
"สัญญานะ วายุ"
เธอมองตาผมด้วยสายตาเชิงอ้อนวอนและจริงจัง ผมมองแววตาที่หม่นลงเล็กน้อยของเธอไม่รู้ว่าสาเหตุที่ทำให้เป็นแบบนั้นคืออะไรแต่ผมก็อยากจะทำให้เธอมั่นใจ
"อืม ฉันสัญญา"
ผมยิ้มบางๆให้เธอ นีน่ายิ้มออกทันทีที่ผมสัญญา เธอก้มลงจูบริมฝีปากผมเบาๆก่อนจะแทรกตัวเข้ามาใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับผมแล้วกอดผมไว้
"ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว นอนพักเถอะนะ ที่รัก"
ตอนนี้ฉันกำลังมาที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งซึ่งมันตั้งอยู่ไม่ไกลกับมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่นัก ฉันมาที่นี่เพราะว่าเขาอยู่ที่นี่
ตึก ตึก ตึก~
ฉันเดินผ่านยามหน้าประตูรั้วเข้ามาโดยอ้างเหตุผลว่ามาหาเพื่อน โชคดีเพราะที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีการเข้าออกได้สะดวกกว่าที่อื่น ถ้าเป็นนักศึกษาที่นี่ก็แค่ยื่นบัตรแต่ถ้าเป็นบุคคลภายนอกก็อาจมีการตรวจตรากันนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เข้มงวดอะไรมากนัก และอีกอย่างหนึ่งคือฉันมารถแท็กซี่และเดินเข้ามาโดยมีแค่กระเป๋าสะพายใบเล็กกับหนังสือสองเล่มแค่นั้นด้วย
ถ้าถามว่าฉันได้รับความช่วยเหลือจากพี่ครามหรือเปล่า...ก็นะ ฉันทำร้ายเพื่อนเขาถึงแม้ว่าฉันจะไม่ตั้งใจ พี่ครามแค่ยอมบอกฉันว่าเขาเรียนอยู่ที่นี่ส่วนเรื่องที่ฉันจะต้องอธิบายก็ให้มาพูดกับเขาเอง ซึ่งพี่ครามก็ไม่แน่ใจหรอกว่ามันจะสายไปหรือเปล่าเพราะเขาความจำเสื่อมไปแล้วจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอยากจะทำอยู่
กึก~
ฉันหยุดยื่นที่ใต้ต้นไม้เมื่อก้าวเข้ามาในรั้วของคณะบริหารแล้วพลางสอดส่ายสายตามองหาเป้าหมายของฉัน ตลอดทางที่ฉันเดินผ่านมามีคนมองมาที่ฉันแต่ฉันไม่สนใจหรอกจนกระทั่งขณะนี้ก็ยังมีคนมองอยู่ ฉันเห็นด้วยหางตาแต่ก็บอกแล้วว่าไม่สนใจ
ประมาณสิบกว่านาทีผ่านไป ฉันก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมแล้วผู้ชายคนที่มองฉันก็ยังนั่งอยู่ที่เดิมเพิ่มเติมคือกลุ่มเพื่อนของเขาที่พากันมาช่วยมองฉันด้วยและในจังหวะที่ผู้ชายกลุ่มนั้นเลือกที่จะลุกขึ้นแล้วก้าวเข้ามาหาฉัน ไวเท่าความคิดฉันก็ก้าวออกจากตรงที่ยืนอยู่เพราะสายตาเห็นร่างสูงของคนที่ฉันมายืนรอพบเขาเดินลงมาจากอาคาร
ฉันก้าวเข้าไปหยุดยืนตรงหน้าเขาทำให้เขาหยุดชะงักพร้อมกับขมวดคิ้วจ้องมองมาทางฉันเลยทีเดียว
"วายุ"
"เธอ..."
"ฉันมารอนาย ฉันมีเรื่องอยากคุยกับนาย"
"แต่ฉันไม่..."
วายุพูดไปขมวดคิ้วไปเขาแทบไม่มองหน้าฉันด้วยซ้ำแต่มองเลยผ่านไปทางอื่น
"เหมือนมีคนอยากคุยกับเธอมากกว่าฉัน"
แล้วจู่ๆเขาก็พูดขึ้นมา สายตาของเขามองไปด้านหลังของฉัน และฉันเริ่มคิดอะไรได้นิดหน่อย
หมับ~
ฉันทำตัวหน้าด้านด้วยการเข้าไปคล้องแขนเขาไว้ วายุเบิกตากว้างพลางจะดึงแขนออกจากฉัน
"เฮ้..."
"ถ้าอย่างนั้น...แค่ช่วยพาฉันออกไปจากตรงนี้ที"
"..."
"นะ..."
วายุหลุบตามองฉันที่ส่งสายตาอ้อนๆไปให้เขา เมื่อก่อนนั้นวายุแพ้สายตาแบบนี้ของฉัน
"..."
วายุไม่ได้พูดอะไรเขาเบนสายตาหนีฉันก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาแล้วก้าวเดินออกไปจากตรงนี้ ฉันยิ้มและคิดว่าตัวเองอาจจะยังมีหวัง...ใช่มั้ย
ตึก ตึก ตึก~
หลังจากที่เราเดินออกมาจากตรงนั้นจนตอนนี้มาถึงที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัย วายุก็ดึงแขนออกจากฉันทันที
"เธอไปได้แล้ว"
เขาพูดโดยไม่มองหน้าฉันแต่ควักเอากุญแจขึ้นมาปลดล็อกรถของตัวเองแทน
"แต่ฉัน..."
"อย่ามายุ่งกับฉันเลย"
เขาพูดสวนกลับมาจนฉันสะอึก เขายกแขนข้างหนึ่งเท้ากับหลังคารถและฉันเห็นว่าเขากำมือแน่นมาก
"ไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นเธอกับฉันรู้จักกันแบบไหน..."
เขาพูดพลางก้มหน้าแล้วหลับตาลง
"แต่ตอนนี้...ฉันไม่อยากรู้จักเธอ"
"วะ วายุ"
"..."
"นายให้โอกาสฉันไม่ได้เหรอ นิดเดียวก็ได้"
"ให้เธอกลับมาทำร้ายฉันเหรอไง"
เสียงของเขาเข้มขึ้นตอนพูดประโยคนี้ เขากระชากประตูรถเปิดออกทันที
"แค่ตอนนี้ที่ฉันเห็นหน้าเธอ แค่ยังไม่ทันรู้จัก...เธอก็ทำร้ายฉันแล้ว"
ปึ้ง!
วายุทิ้งตัวลงนั่งบนเบาะรถแล้วปิดประตูรถทันที ฉันเบิกตาโตมองกิริยาของเขาที่ยกมือขึ้นนวดหัวตัวเองก่อนที่จะซบหน้าผากลงกับพวกมาลัยรถ
ขะ เขา ปวดหัวอีกแล้วเหรอ!
"วายุ..."
ฉันเรียกชื่อเขาแผ่วเบาอยู่นอกรถ เขาไม่ได้ยินเสียงฉันหรอกเพราะเสียงของฉันตอนนี้มันเบามาก ฉันแทบพูดอะไรไม่ออกเลยเมื่อเห็นเขาเป็นแบบนั้น
"ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายนาย...ไม่เคยคิดเลย"
ฉันพูดพลางมองวายุที่ดูท่าทางจะปวดหัวมาก แค่เห็นหน้าฉันเขาก็ปวดหัวขนาดนี้แล้วเหรอ...
บรื้นนน~
"ฮึก"
ฉันยืนมองรถของเขาที่ขับอออกไปในที่สุดโดยที่เขาไม่คิดจะหันกลับมาสนใจฉันสักนิดผ่านม่านน้ำตามือของฉันกำแน่นจนมันสั่น ฉันกลัวจัง...กลัวว่าฉันกับเขาจะเจอกันอีกไม่ได้ กลัวว่าฉันจะไม่ได้อธิบายกับเขา กลัวว่าเราจะกลับมาคบกันอีกไม่ได้
แค่เพื่อนก็คงยากเลย...
*Paradise Pub
เคร้ง~
ตอนนี้ฉันกำลังทำงานอยู่เหมือนเดิม ฉันวางแก้วกระทบกับโต๊ะแล้วเริ่มชงเครื่องดื่มใหม่อีกครั้ง การที่ฉันต้องคอยมานั่งระวังตัวกับพวกผู้ชายมือปลาหมึกทำให้ฉันลืมเรื่องของวายุไปชั่วขณะ ผู้ชายที่เรียกฉันมานั่งดริ๊งด้วยเป็นพวกนักธุรกิจพวกเขามาคุยธุรกิจกันแต่พอเหล้าเข้าปากเรื่องธุรกิจของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่นแทน
"เอาตรงๆนะคุณยุทธ ผมน่ะก็มีเด็กอยู่นะ"
ผู้ชายคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับฉันและคนที่ชื่อยุทธเขาคือคนที่เรียกฉันมานั่งดริ๊งด้วยและตอนนี้เขากำลังเลื้อยมานั่งเบียดฉันแบบเนียนๆ ฉันลอบถอนหายใจให้กับพวกนี้ที่เริ่มเมาขึ้นเรื่อยๆ
"เจอกันในที่แบบนี้แหละ ก็ทำงานเหมือนหนูฟ้านั่นแหละ ฮ่ะๆ"
"งั้นเหรอครับ แหม คงอ้อนเก่งน่าดูเลยสิครับ"
"ก็นะ เด็กมันน่ารักครับ พูดแล้วก็คิดถึง"
ฉันแอบกรอกตาเมื่อได้ยินพวกนี้คุยกัน พูดกันไม่พ้นเรื่องผู้หญิงแถมมีภรรยาอยู่แล้วยังคิดเลี้ยงต้อย เหอะ
หมับ~
แล้วในที่สุดมือหนาของคุณยุทธอะไรนั่นก็เลื้อยมารวบเอวฉันจนได้ เขาดึงฉันเข้าไปหาฉันหันไปมองหน้าเขาแต่สายตาดันไปสะดุดกับกลุ่มนักท่องราตรีกลุ่มหนึ่งที่เดินเข้ามาทางนี้
กลุ่มของวายุ...
"..."
แว่บหนึ่งวายุหันมาสบตากับฉันแบบไม่ได้ตั้งใจ เขาเหมือนมองดูรอบๆแล้วมาสะดุดกับฉันที่มองอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาคมของเขาหยุดอยู่ที่ฉันแล้วเลื่อนมามองเอวของฉันที่ถูกรวบไว้
ฟอด~
"อ๊ะ!"
พรึ่บ~
ฉันสะดุ้งแล้วดีดตัวออกจากอ้อมแขนนั้นทันทีที่ถูกโขมยหอมต้นคอ ฉันเผลอตวัดสายตาขวางใส่แขกวีไอพีคนนั้นมืออยากจะฟาดหน้าเขาแรงๆสักทีแต่เพราะคำว่าหน้าที่รั้งมันไว้ทำให้ฉันได้แต่กำมือแน่น พอฉันหันไปมองวายุอีกเห็นว่าเขามองอยู่แต่ก็ละสายตาไปจากฉันแล้วโอบเอวยัยนีน่าที่ก็เพิ่งหันมาเห็นฉันเหมือนกันเดินตามเพื่อนเขาไปนั่งอยู่ตรงมุมหนึ่งของชั้นไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่นัก
เขาเห็นแน่ๆ!
"โอ๊ะ ตกใจเหรอครับ"
ไอ้บ้ายุทธพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกริ่มใส่ฉัน ฉันขนลุกซู่และโกรธเขามากแต่ทำอะไรไม่ได้เลย
อึดอัด...
"ฟ้า ขอตัวสักครู่คะ"
ฉันพูดและไม่รอให้ใครตอบด้วยเพราะฉันลุกพรวดออกจากตรงนี้ทันที ฉันไม่ค่อยเทคแคร์ลูกค้าเท่าๆกับที่คนอื่นทำหรอก อะไรยอมได้ก็ยอมแต่ก็ไม่มากถึงขนาดให้กอดจูบลูบคลำได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่รู้ทำไมพวกลูกค้าหน้าหื่นนี่ถึงยังชอบฉันอยู่ได้
ปัง~
ฉันหนีความรู้สึกอึดอัดเข้ามาในห้องน้ำที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีผู้คนเท่าไหร่ ฉันปิดประตูห้องน้ำอย่างแรงเพื่อระบายอารมณ์แล้วทิ้งตัวลงนั่งบนฝาชักโครกจากนั้นก็ดึงกระดาษทิชชู่ออกมาจากม้วนจำนวนมาก ฉันเช็ดมันไปกับต้นคอข้างนั้นอย่างแรง ถูมันไปหลายครั้งจนแสบไปหมด
"อึก"
ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ฉันไม่เคยชินกับการถูกลวนลามแค่พยายามทำตัวให้ชิน ฉันไม่อยากทำงานแบบนี้แต่ชีวิตของฉันไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ฉันนึกน้อยใจโชคชะตาตัวเองทุกครั้งและที่สำคัญกว่านั้นคือวายุเห็นมัน...
กึก~
ฉันกลั้นสะอื้นพลางเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเมื่อหลุบตาลงมองตรงช่องว่างด้านล่างของประตูห้องน้ำที่ฉันอยู่ ด้านนอกเหมือนมีใครคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู...
ฉันเห็นรองเท้าส้นสูงสีแดงตรงนั้น
"ปลายฟ้า..."
ฉันลุกยืนขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงภายด้านนอกประตู ฉันจำเสียงนั้นได้
แอด~
และฉันเลือกที่จะเปิดประตูออกไป เมื่อฉันกระชากประตูเปิดออกก็เห็นใบหน้าของผู้หญิงที่ฉันไม่ได้เห็นมานานเป็นเธอยืนอยู่หน้าประตูจริงๆ
"..."
นีน่ากวาดสายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วพูดขึ้น
"เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันนะ..."
เธอช้อนตามองฉันอีกครั้งพร้อมยิ้มมุมปาก
"ตกสวรรค์ลงมา ดูท่าจะกระแทกพื้นแรงน่าดู..."
ฉันจ้องตอบเธอและกำลังฟังสิ่งที่เธอพยายามจะโจมตีฉันให้เจ็บปวด
แต่วินาทีนี้...ไม่มีอะไรทำให้ฉันเจ็บได้เท่ากับเรื่องนั้นแล้วล่ะ
"เจ็บมั้ยล่ะ?"
พรึ่บ~
ฉันปัดมือของนีน่าที่ยื่นเข้ามาทำท่าจะจับบ่าฉันออกไปอย่างแรง
"แหม ยังหยิ่งเหมือนเดิมเลยนะ"
นีน่าพูดพลางกวาดสายตามองฉันอีกครั้งแล้วกระตุกยิ้ม
"หายไปสองปี จากที่ดูๆภายนอกเธอก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยนะ แต่ว่าข้างใน...ดูแล้วคงจะเน่าน่าดู เหอะ"
เสียงหัวเราะและคำพูดยั่วยุทำให้ฉันกำมือของตัวเองแน่น
"พล่ามจบหรือยัง"
แต่ฉันก็นิ่งพอที่จะทนกับสิ่งที่เธอกระทำใส่
"อะไร ไม่เจอกันตั้งนานไม่คิดถึงฉันบ้างเหรอ?"
"จำเป็นต้องคิดถึงเหรอ..."
ฉันพูดพลางกวาดสายตามองเธอกลับบ้าง
"แต่ว่า ไม่เจอกันนาน...ดูสันดานจะออกนะ"
"...!"
นีน่าเบิกตาใส่ฉันเมื่อถูกโต้กลับบ้างแต่ก็ไม่คิดจะโวยวายออกมา เราสองคนค่อนข้างเสมอกัน ความอดทนมีพอๆกัน
ฉันกระตุกยิ้มพลางก้าวเข้าไปใกล้ๆเธอ ฉันเลือกที่จะพูดบางอย่างกับเธอเบาๆเมื่อมีเพื่อนรุ่นน้องที่รู้จักกับฉันพวกเธอเองก็ทำงานที่นี่เหมือนกันเดินเข้ามาในห้องน้ำ พวกนั้นมองมาเหมือนจะถามว่า'มีอะไรหรือเปล่า' แต่ฉันก็ส่ายหน้าให้และนี่น่าก็รู้ตัวว่าตอนนี้เธอเสียเปรียบแน่ถ้าทำอะไรลงไป
"แล้วก็อีกอย่าง..."
"..."
"ของๆฉัน ฉันไม่ยกให้หรอกนะ"
ฟึ่บ~
นีน่าตวัดสายตามาจ้องฉันพลางดันไหล่ฉันออกห่างจากเธอเล็กน้อย
"คงยากหน่อย"
เธอยิ้มด้วยท่าทางเป็นต่อ เธอคิดว่าเธออยู่เหนือฉันและตอนนี้วายุอยู่ข้างเธอ
แล้วไงล่ะ?
"ก็รู้จักนิสัยฉันนิ"
ฉันกับนีน่ายังพูดกันด้วยน้ำเสียงที่ได้ยินแค่สองคน ส่วนพวกที่เข้ามาในห้องน้ำก็ไม่ได้สนใจเรา พวกเธอแค่เหลือบมองก่อนจะหันไปทำภาระกิจส่วนตัวของตัวเองต่อไป
"อะไรที่ฉันอยากได้...ฉันจะต้องได้"
ฉันเน้นประโยคหลังพลางตบบ่าเธอเบาๆ
"ไม่มีทาง"
นีน่ากัดฟันพลางถอยออกห่างจากฉัน นี่มันยังไม่ใช่สงครามระหว่างเรา...มันก็แค่การเริ่มต้นเท่านั้น!
"ไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า ฉันต่อให้เลยนะ"
นีน่าปัดมือฉันออก ฉันยิ้มพลางเดินสวนเธอออกมาแต่ก่อนจะไปฉันก็พูดขึ้นอีกครั้ง
"เขาเป็นของที่หายไปและฉันอยากได้คืนมาก"
เขามีโอกาสจำฉันได้เหมือนกับที่จำทุกคนได้ ฉันเชื่ออย่างนั้น
"เพราะงั้น...ฉันเอาคืนแน่!"
