บทย่อ
"ฟ้า..." "ตบฉันที" "ห๊ะ?" "ฉันฝันหรือเปล่านะยุ นายมาอยู่ตรงนี้กับฉันจริงๆเหรอ..." "ให้ตบใช่มั้ย" ฉันพยักหน้า วายุเลื่อนมืออีกข้างที่โอบฉันขึ้นมารั้งต้นคอฉันไว้ส่วนอีกข้างที่จับข้อมือฉันอยู่เขาก็ปล่อยให้มันเป็นอิสระ ก่อนจะเลื่อนมันขึ้นมาประคอบใบหน้าฉันให้เงยหน้าขึ้น "อะ อื้อ" เขากดจูบลงมาบนปากฉัน บดขยี้ค่อนข้างแรงจนฉันส่งเสียงออกมาเพราะรู้สึกว่าปากแตก "ตบด้วยปาก" พอถอนจูบออกวายุก็พูดขึ้น ฉันยังคงมองหน้าเขา ฉันเจ็บที่ปากแตก ฉันเจ็บและรับรู้ถึงรสสัมผัสริมฝีปากของเขา เรื่องจริง ฉันไม่ได้ฝันไปจริงๆ... ฉันโผเข้ากอดวายุ ใบหน้าฉันแนบกับแผ่นอกเปลือยเปล่าของเขา หูของฉันได้ยินเสียงหัวใจของเขา "ฟ้า..."
บทนำ
2 ปีที่แล้ว...
'เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้...'
ติ้ด~
'เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถ...'
ติ้ด~
ฉันกดตัดสายโทรศัพท์อีกครั้งเมื่อกดโทรออกไปตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้วก็ได้ยินเสียงเดิมๆตอบกลับมาทุกที ฉันถอนหายใจอย่างหงุดหงิดที่ติดต่อใครก็ไม่ได้เลยพลางโยนโทรศัพท์สุดหรูราคาแพงเครื่องเดียวที่เป็นสมบัติมีค่าชิ้นสุดท้ายที่ติดตัวฉันมาลงกับเบาะฟูกที่ฉันนั่งอยู่ด้วยอารมณ์ที่หลากหลาก
"ทำไม ทำไมติดต่อไม่ได้"
ฉันพึมพำพลางกำมือแน่นน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาทันที ฉันกำลังโทรติดต่อกับเพื่อนสนิทของฉันที่อยู่ที่ประเทศไทยเธอเป็นคนเดียวที่รู้ว่าทำไมฉันถึงมาโผล่อยู่ที่นี่แบบกระทันหันและฉันต้องการให้เธอติดต่อกับใครบางคนให้ฉันเพราะตอนนี้ฉันติดต่อเขาไม่ได้แล้วและฉันต้องการจะพูดทุกอย่างกับเขา...แต่ตอนนี้มันทำไม่ได้
ฉันติดต่อใครไม่เลย!
"คิดถึง...ฮึก"
ฉันพึมพำก้มหน้าลงมองฝ่ามือของตัวเองพลันน้ำตาก็ไหลออกมา ก่อนหน้านี้เราเคยจับมือกันทุกวันเวลาที่เราจับมือกันมันรู้สึกดีและอบอุ่นมากไม่จำเป็นต้องพูดอะไรแค่จับมือแล้วกระชับไว้แน่นๆแค่นั้นก็พอ
ฉันต้องการจะจับมือกับเขาแต่มันทำไม่ได้...
ครืด~
"ปลายฟ้า..."
เสียงเรียกชื่อฉันขาดหายไปเมื่อเห็นว่าฉันที่นั่งอยู่กำลังร้องไห้ ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่บังเกิดเกล้าของฉันมองฉันและเธอกำลังเดินมานั่งลงข้างๆ
ฟลุ่บ~
"ไหวมั้ยลูก"
คุณแม่ยกมือขึ้นลูบหัวฉันเบาๆ ฉันปาดน้ำตาออกจากใบหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปยิ้มให้
"ไหวค่ะ ฟ้า...สบายมาก"
ฉันพยักหน้าพลางคว่ำหน้ารูปใบหนึ่งลงบนตัก
"อดทนหน่อยนะลูก เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น"
"ค่ะ ขอให้มันเป็นอย่างนั้น"
ปัจจุบัน...
ครืด~
ฉันตั้งกรอบรูปที่หยิบมันขึ้นมาดูไว้ในลิ้นชักข้างเตียงตรงตำแหน่งเดิมที่มันเคยอยู่ ก่อนจะปิดมันลงแล้วถอนหายใจออกมาซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์ของฉันมีแจ้งเตือนดังขึ้น
ฉันหยิบโทรศัพท์จากหัวเตียงขึ้นมากดไปที่แจ้งเตือนนั้น มันเป็นแจ้งเตือนทางเฟสบุคจากกลุ่มๆหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มรวมของโรงเรียนเก่าที่ฉันเคยเรียนอยู่ไม่รู้ว่ามีใครดึงฉันเข้ากลุ่มทำให้รู้ว่าวันนี้มีงานเลี้ยงรุ่นที่นั่น
'แล้วเจอกันนะเพื่อนๆ คิดถึงทุกคนเลย'
และความคิดเห็นหนึ่งที่เด้งขึ้นมาทำให้ฉันรู้ว่าฉันควรจะไป
1 ชั่วโมงต่อมา...
พรึ่บ~
ฉันเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าสะพายพร้อมกับหมุนตัวตรวจดูความเรียบร้อยของชุดที่ฉันใส่ที่หน้ากระจก มันเป็นชุดเดรสสั้นที่ไม่ได้มีราคาแพงมากแต่ก็ดูหรูหราอยู่ซึ่งเชื่อมั้ยว่าถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันไม่มีทางลดตัวมาใส่มันแน่ๆแต่ว่ามันเป็นตอนนี้ไง ตอนที่มันเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปหมดแล้วและฉันไม่ได้รังเกียจเสื้อผ้าตามร้านขายของถูกๆพวกนี้เลย ความจริงการที่ฉันร่วงลงมาจากที่สูงจนรู้สึกเหมือนขาหักทั้งสองข้างแบบนั้นมันก็มีส่วนดีนะ มันทำให้ฉันรู้จักในสิ่งที่ไม่เคยมองเห็นคุณค่าของมันแม้แต่นิดเดียว มันทำให้ฉันอดทนและสู้ สู้จนถึงที่สุดได้
เมื่อสำรวจว่าตัวเองแต่งตัวเรียบร้อยแล้วก็เช็คเครื่องสำอางค์บนใบหน้าที่ถูกฉันแต่งแต้มลงไปจากนั้นจึงสวมใส่รองเท้าส้นสูงโทนสีเข้ากับชุดแล้วเดินออกจากห้องทันที
ฉันกำลังจะไปที่นั่น...งานเลี้ยงรุ่น ฉันไม่สนว่าใครจะจำฉันได้มั้ย ไม่สนว่าใครจะมองฉันเป็นยังไง และก็ไม่สนด้วยว่าจะมีใครอยากเข้ามายุ่งหรือพูดคุยกับฉันมั้ยเพราะว่าที่ฉันไปฉันมีจุดประสงค์ของฉันอยู่แล้ว

