บท
ตั้งค่า

บทที่5 สะกิดใจ

"นี่ช้าๆหน่อยสิขับแบบนี้ซื้อใบขับขี่มารึไง"

"อ่า คุณเต้กอดแน่นไปแล้วนะคะ กลัวเหรอคะเนี่ย"

เตชินร้องโวยวาย ก็แม่คุณเล่นขับปาดซ้ายปาดขวาน่าหวาดเสียวตลอดทาง จากที่จับแค่เสื้อของกานพลูกลายมาเป็นกอดเอวเสียแน่น

กานพลูเคยขับให้ธันวาซ้อนท้ายบ่อยๆ เขาก็ไม่เคยกอดถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ กานพลูเลยยิ่งประหม่า ยิ่งมือของผู้ชายค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับเอวเล็กๆของกานพลูแล้วก็แทบจะโอบชิดกับหน้าอกของเธอเลยทีเดียว

รถมอเตอร์ไซด์ของกานพลูวิ่งข้ามลูกระนาด เธอเลี้ยวเข้าซอยแคบด้านหลังโรงแรมซึ่งเป็นทางลัด

แต่ด้วยความที่รถมันเก่าจึงค่อนข้างสะเทือนมากเพราะแรงกระแทก

และแล้วอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด รถของเธอกระโดดเพราะลูกระนาดขนาดใหญ่และสูงไม่ค่อยได้มาตรฐาน มือของเตชินที่เคยอยู่ที่เอว บัดนี้เลื่อนมาอยู่ที่อกอวบอั๋นของกานพลูแบบไม่ได้ตั้งใจเต็มไม้เต็มมือ

ด้วยความที่กลัวเป็นทุนเดิมเตชินขยำสองปทุมเข้าเต็มแรงจนกานพลูสะดุ้งสุดตัว

"ก..กรี๊ด จับอะไรเนี่ย!"

กานพลูกรีดร้องลั่น ความตกใจทำให้ควบคุมรถมอเตอไซ์ไม่ได้ จนรถมอเตอไซด์เสียหลักเซลงต้นไม้รกๆข้างทางทันที

แม้ที่รกร้างข้างทางจะต่ำกว่าถนนแต่ยังโชคดีที่มีหญ้าขึ้นค่อนข้างหนาจึงไม่ค่อยเจ็บตัวเท่าไหร่ 

"ขับอะไรของเธอเนี่ย ว่าแล้วเชียวมีใบขับขี่รึเปล่าก็ไม่รู้"

เตชินลุกขึ้นนั่งพลางปัดเศษใบไม้ใบหญ้าออกจากตัว ปากก็ยังบ่นเธอไม่เลิก

กานพลูหันไปหาเตชินตั้งใจจะตอบโต้สักหน่อย ก็ความผิดนี้มันใช่ของเธอคนเดียวซะเมื่อไหร่

"ก็เมื่อกี้คุณเต้จับ  จับ เอ่อ..."

กานพลูจะโวยวายก็รู้สึกขายหน้า เพราะเจ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าไปจับอะไรเข้า งานนี้ก็ไม่ต่างจากน้ำท่วมปาก

" ฮึ  ก็ได้เพื่องาน ฉันจะไม่บ่น ไม่โวยวาย"

กานพลูคิดบ่นในใจ เตชินหันมองเธอนิดหนึ่งเหมือนสงสัยว่าเธอจะพูดอะไรกันแน่ ก่อนจะลุกขึ้นช่วยกานพลูจูงมอเตอร์ไซด์ขึ้นจากพงหญ้า ดูเหมือนล้อเล็กของรถเธอจะเบี้ยวไม่มีทางจะขี่ต่อได้

กานพลูค่อยๆ ลุกขึ้นตามเขามา  ทว่าความรู้สึกเจ็บแปล็บที่ข้อเท้ากะทันหัน ทำให้เธอเพิ่งจะรู้ว่าที่รถล้มเมื่อกี้  ทำข้อเท้าพลิกซะแล้ว กานพลูจึงเดินกะเผลก ออกมาที่ริมถนน

 เตชินหันไปเห็นเจอเข้าพอดี เขาจึงแสดงน้ำใจยื่นมือจะช่วยดึงเธอขึ้นมา

ขาที่เจ็บอยู่แล้วผนวกกับเนินสูง จึงทำให้สาวน้อยก้าวพลาดอย่างไม่ตั้งใจ เธอรีบฉุดแขนเตชินหวังจะใช้แรงดึงของเขาช่วยพยุงไม่ให้ล้ม

ด้วยความที่ไม่ตั้งตัวมาก่อน เตชินรับน้ำหนักไม่ไหวจึงเสียหลักล้มคว่ำใส่กานพลูซะอย่างงั้น 

ริมฝีปากบางรูปกระจับสัมผัสกับริมฝีปากอ่อนนุ่มชุ่มชื้นของสาวน้อยอย่างแนบแน่น เตชินทับอยู่บนร่างบางโดนที่มือหนึ่งทาบอยู่บนอกอิ่มนุ่มนิ่มเต็มมือ แต่คราวนี้รู้ตัวเต็มๆ

ทั้งสองเบิกตากว้าง เตชินรีบพลิกตัวออกไปนั่งข้างๆกานพลู ในขณะที่กานพลูเองนอนตัวแข็งทื่อ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

"ตาย อะไรกันเนี่ย ทำไมหัวใจเราเต้นแรงขนาดนี้ล่ะ"

กานพลูบ่นกับตัวเองแล้วเม้มปากเเน่น เธอรู้สึกอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ซะจริง

เตชินเองก็ทำตัวไม่ถูกไปเหมือนกัน เขามองมือตัวเองที่พลั้งพลาดไปสัมผัสร่างกายอันเย้ายวนของหญิงสาวไปเต็มๆ แล้วยังรู้สึกถึงไออุ่นที่มืออยู่เลย

"อ่า เอิ่ม ร....โรงแรมอยู่ไม่ไกล เราไป..."

"โรงแรม? อะไรเนี่ยจับหน้าอกเราไม่พอยังชวนเข้าโรงแรมอีก"

ดูเหมือนความคิดเธอจะแล่นไปไกลเกินไปแล้ว ไม่ทันไรสีหน้าก็แดงก่ำ เตชินหันมาช้อนร่างบางแล้วอุ้มขึ้นยืนเต็มความสูง

กานพลูจ้องหน้าเขาแล้วยิ่งรู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว

 "คุ..คุณเต้เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ทำแบบนี้มันไม่ค่อยดีนะคะ"

กานพลูกล่าวเสียงสั่น  เตชินมองหน้าเธอชักสีหน้างุนงงว่าเธอหมายความว่ายังไงที่พูดออกมาแบบนั้น

"ก็เธอขาเจ็บ เดินไม่ไหวไม่ใช่เหรอ ไม่อุ้มจะให้แบกไปรึไง  เดินไปไม่ไกลก็ถึงโรงแรมฉันแล้ว เดี๋ยวจะได้อาศัยรถเลขาเอกพาเธอไปหาหมอไง"

ไม่พูดกานพลูก็เกือบลืมไปแล้วว่ามานี่เพื่อส่งเตชินกลับที่ทำงาน เธอยิ้มแห้งๆให้เขา พลางนึกในใจว่าดีเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่รู้ว่าเธอคิดอะไร

ถึงจะบอกไม่ไกล แต่ก็ไม่ต่ำกว่า 200เมตร กานพลูมองหน้าชุ่มเหงื่อของเตชิน ที่กำลังอุ้มเธอมาตลอดทางจนถึงประตูทางเข้าลานจอดรถด้านหลังโรงแรม

แม้ท่าทางเขาจะเหนื่อยมาก แต่กลับก็ไม่บ่นสักคำ ทำให้เธอรู้สึกประทับใจอยู่ลึกๆ

รปภ.เองก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นเตชินกลับมาในสภาพนี้ แถมยังอุ้มสาวมาด้วย พวกเขารีบไปเปิดประตู แถมยังกดลิฟท์พนักงานเปิดให้เตชินเข้าไป

"อะไรน่ะเมื่อกี้ เห็นอย่างที่ข้าเห็นมั้ย"

รปภ.หันไปถามเพื่อนร่วมอาชีพซึ่งหันมามองตาแล้วพยักหน้าหงึกๆ เหตุเพราะร้อยวันพันปีไม่เห็นเตชินจะสนผู้หญิงมาก่อน จนใครๆคิดว่าเป็นเกย์ด้วยซ้ำ

"นั่งนิ่งๆตรงนี้ก่อนนะ"

เตชินวางกานพลูลงที่เก้าอี้รับแขกในห้องทำงานเขา แล้วกดโทรศัพท์ภายในไปหาเลขาเอก

"เอก ไปเอาน้ำมันนวดมาให้ฉันที่ห้องทำงานหน่อย อ้อแล้วก็บอกรปภ.ให้ไปรับมอเตอร์ไซด์สีแดง ที่จอดเสียหายอยู่ตรงซอยด้านหลังมาให้ที"

"ครับคุณเต้"

เตชินย่อตัวลงคุกเข่าตรงหน้ากานพลู ซึ่งท่าทางนี้ทำเอาเธอตกใจไม่น้อย

"จะ จะทำอะไรคะ"

"อยู่เฉยๆ"

เขาเอ่ยเสียงดุ พลางจับที่ขัอเท้าข้างที่เจ็บของเธอยกขึ้น แล้วค่อยๆบรรจงถอดรองเท้าออกเบาๆ

"โอ้ย! เจ็บ"

"เจ็บมากเหรอ ขอโทษที"

สีหน้าเขาดูเหมือนจะตกใจที่ทำเธอเจ็บ  เขาสบตากานพลูนิดหนึ่งก่อนจะค่อยๆถอดถุงเท้าออก

ข้อเท้าของกานพลูช้ำบวมแดงมาก เตชินถึงกับขมวดคิ้ว  ตอนแรกเขาไม่นึกว่าจะเป็นมากขนาดนี้จึงเผลอดุเธอไปซะเยอะ

 กานพลูมองดูคิ้วเข้มของเขาที่กำลังขมวดคิ้วอย่างกังวลแล้วรู้สึกว่าจริงๆ คนๆ นี้ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่คิดไว้ตอนแรกสักนิด

"คุณเต้ครับ ของที่สั่งไว้ได้...แล้ว"

เอกภพเดินเข้ามาถึงกับหยุดชะงักเมื่อเห็นเจ้านายที่ใครๆก็ตั้งฉายาให้ว่าเป็นรูปปั้นหินไม่สนสีกา  กำลังจับข้อเท้าสาว แถมอยู่ในท่านั่งคุกเข่าข้างเดียวอย่างกับกำลังขอแต่งงานยังไงยังงั้น 

เตชินหันมามองเอกภพ แล้วประหลาดใจในท่าทีก่อนจะเรียกสติเลขาตัวดีสักหน่อย

"จ้องอะไร ยาล่ะเอามานี่เร็ว"

เอกภพเหมือนโดนไฟช็อต สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบเอานัำมันนวดมาวางไว้บนโต๊ะ

"เดี๋ยวไปหาอะไรมาประคบเย็นให้กานพลูสักหน่อย แล้วก็โทรไปที่บ้านให้คนรถเอารถมารับฉันหน่อย รถฉันเข้าอู่อยู่"

"ด..ได้ครับคุณเต้  แล้วจะเอาอะไรอีกมั้ยครับ"

เอกภพเอาแต่จ้องกานพลู จนเตชินสังเกตุได้ เขามองหน้าเลขาอยู่นานจนต้องกระแอมไอให้รู้ตัวซะบ้าง

"ฮึ่ม ดูพอรึยัง เอกภพ ยังไม่ไปอีก รึจะยืนจนกว่าจะขึ้นเงินเดือนถึงจะไปได้"

"ถ้าได้แบบนั้นก็ดีเลยครับผู้จัดการ เอ้ยไปครับไป"

เอกภพรีบเผ่นออกไปอย่างเร็วก่อนจะโดนเตะออกไป  กานพลูรู้สึกเกรงใจ ที่ต้องให้เตชินใช้มือประคองเท้าเธอไว้แบบนั้น เธอพยายามชักเท้ากลับ แต่เขาใช้แรงจับขืนเอาไว้

เตชินเอาน้ำมันนวดมาทาให้กานพลูเบาๆ ความเย็นของยาช่วยบรรเทาอาการปวดได้อย่างดี เด็กสาวไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อนจึงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนพิเศษขึ้นมาเลยทีเดียว

เขาค่อยๆวางเท้าเธอลงอย่างสุภาพ พลางเงยหน้าขึ้นมามองเธอ ถึงเขาจะทำหน้านิ่ง แต่สายตาเขากลับดูอบอุ่นอย่างประหลาด

"เอนหลังนอนพักที่โซฟานี่แหละ อีกสองชั่วโมงรถน่าจะมาแล้ว  ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านเอง ส่วนรถของเธอน่ะส่งไปซ่อมเสร็จจะส่งกลับไปให้ ถ้าพรุ่งนี้ยังเจ็บอยู่ก็พักอีกสักสองสามวันค่อยไปทำงานฉันจะลางานให้เอง"

เตชินพูดจบก็โทรไปเรียกแม่บ้านให้เอาหมอนกับผ้าห่มขึ้นมาส่ง แม่บ้านมองเตชินแล้วหันมองกานพลู ด้วยสีหน้าแปลกๆ แถมอมยิ้ม

แต่ไม่ว่าจะคิดอะไร เวลาแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เรื่องผู้จัดการจอมเฮี้ยบพาสาวเข้าโรงแรมก็ถึงหูโรสยา ลูกสาวอาวัลลภซึ่งเป็นหนึ่งในทีมบริหารเพราะหุ้นที่พ่อของเธอมีอยู่ในมือ

"อะไรนะพี่เต้พาผู้หญิงเข้าห้อง มันเป็นใครกัน!"

เลขาส่วนตัวของโรสยารีบรายงาน ใส่สีตีไข่อย่างออกรสเกินจริง

"เห็นว่าอุ้มกันเข้ามากระหนุ๋งกระหนิงกันมาเลยนะคะ น่ากลัวจะเข้าไปทำอะไรในห้องรึเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ"

โรสยาได้ยินอย่างงั้นแล้วทนไม่ได้ต้องไปดูให้เห็นกับตา เธอรีบเดินออกไปทันที

"พี่เต้นะพี่เต้ทำเป็นไม่สนผู้หญิงที่แท้ก็ไปทำเจ้าชู้กับสาวๆเหรอเนี่ย อยากเห็นหน้านักว่าจะสวยสักแค่ไหนกัน"

กานพลูเอนหลังหลับไปเพราะความเพลีย วันนี้เธอยืนโบกธงท่ามกลางแดดร้อนทั้งวันยังมาเจ็บตัวอีก

เตชินตรวจเอกสารบนโต๊ะทำงานไปก็ชำเลืองมองกานพลูที่กำลังหลับไม่ระมัดระวังตัวสักนิด ผ้าห่มที่ห่มตัวอยู่ร่วงลงพื้น เธอนอนขดตัวเพราะแอร์ในห้องเย็นมาก

ผู้จัดการหนุ่มลุกขึ้นเดินมานั่งตรงที่พักแขนของโซฟาตัวที่กานพลูนอนหลับ มองเด็กสาวอยู่ชั่วครู่ก็เผลอยิ้มออกมา เขาขยับตัวไปไกล้ๆหน้าเด็กสาวแล้วเอื้อมมือไปใช้นิ้วเขี่ยเส้นผมที่ปิดหน้าเธอออกอย่างเอ็นดู

"หลับสนิทเลยนะ สงสัยคงเหนื่อยมากล่ะสิ อ๊ะ!"

เตชินคาดไม่ถึงว่ากานพลูจะละเมอดึงแขนเขาไปกอด จนต้องโน้มตัวลงไปตามแรงดึงจนหน้าเขาไปชิดกับเด็กสาวอย่างไม่ตั้งใจ

เขามองแก้มที่กำลังแดงเพราะมีไข้ของกานพลูในระยะประชิด พลางกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกขยับ  ริมฝีปากแดงหายใจเอาไอร้อนออกมา ขนตาเด็กสาวยาวงอน คิ้วโก่งได้รูปสวยงาม ผิวพรรณละเอียดช่างน่าสัมผัสเหลือทน

เขากลั้นใจพยายามทำใจให้สงบ  ก่อนจะค่อยๆดึงแขนออกแต่เธอยิ่งจับแน่น

"อือ  หนาวจัง"

เธอละเมอพึมพำ เตชินไม่รู้จะทำยังไงจึงยอมอยู่นิ่งๆไปก่อน เพียงแต่หัวใจเขานี่สิเต้นแรงจนจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว

"พี่เต้อยู่ในห้องใช่มั้ย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร หลบไปให้ฉันเข้าไปดูเดี๋ยวนี้"

เสียงโรสยาโวยวายลั่นหน้าห้องทำงานเตชิน เธอเปิดประตูเข้าไปไม่สนเลขาเอกที่ห้ามอยู่หน้าห้อง

เสียงเธอปลุกกานพลูให้ตื่นจากหลับไหล กานพลูเริ่มขยับตัวทำให้เตชินหันกลับไปหาเธอ

โรสยาเบิกตากว้าง ภาพตรงหน้าจะให้อธิบายอะไรได้อีก ดูยังไงก็เห็นทั้งคู่กำลังจูบกันชัดๆ

"กรี๊ด! พี่เต้"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel