บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ก่อเรื่อง

"สวัสดีค่ะลุงวิท  ไงธัน.."

"กาน"

ชายหนุ่มร้านเบเกอรี่ยิ้มอย่างดีใจที่เห็นกานพลูแวะมาที่ร้าน ทว่าหน้าตาท่าทางห่อเหี่ยวแถมเดินคอตกมาแบบนี้ คงจะมีข่าวร้ายมาแน่ๆ

"เป็นอะไรล่ะหนูนิด วันนี้ที่ทำงานใช้งานหนักเหรอ"

ลุงวิทเอ่ยถาม  แต่พอกานพลูถูกถามคำนี้ขึ้นมา เธอก็กัดริมฝีปาก ทำปากแบะ นัยตาเศร้าน้ำตาหยดแหมะ

"หนูโดนไล่ออกค่ะลุงวิท ฮือ"

"หาเป็นไปได้ยังไง เกิดอะไรขึ้น เหรอกาน"

ธันวาหนุ่มลูกชายเจ้าของร้านเบเกอรี่แสดงสีหน้างุนงง

กานพลูเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างออกรสจนธันวาเห็นภาพเลย อุตส่าห์ว่าจะไม่ขำแต่ก็เผลอขำจนได้

"นี่มันไม่ตลกนะ ธัน คิดดูสิฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย คนอะไรใจแคบ ขี้เก็ก แล้วยังเจ้าคิดเจ้าแค้น เอาเรื่องส่วนตัวมาปะปนกับเรื่องงานได้ยังไง"

"โอเค ผมไม่หัวเราะก็ได้นี่ดีนะเขาแค่ไล่ออก ไม่โดนเขาแจ้งความว่าทำร้ายร่างกายก็บุญแล้ว"

กานพลูมองหน้าเพื่อนทำสายตาดุ

"ตกลงนายเป็นพวกใครเนี่ย

เจอสายตาดุเข้าไป ธันวาถึงกับรีบหุบยิ้ม

"แล้วกานจะทำยังไงต่อไปล่ะ เอางี้มาทำงานที่นี่กับเราไหม"

ธันวาเอ่ยปากชวน เขาอยากให้กานพลูทำงานกับเขามานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสพูดสักที

ร้านของลุงวิทยาไม่ได้เป็นกิจการใหญ่โต ทำกันเองเป็นครอบครัวมากกว่า เท่าที่มีอยู่ในตอนนี้ก็เต็มทุกตำแหน่ง ที่จำเป็นแล้ว

"ไม่เอาล่ะเกรงใจน่ะ เราไม่อยากกลายเป็นภาระให้กับลุงธัน ค่าใช้จ่ายที่ร้านแบกรับอยู่ตอนนี้ก็มากโข นายไม่ต้องห่วงนะ ยังไงฉันไม่เลือกงานซะอย่างต้องได้งานแน่"

หลายวันต่อมา

"ถึงจะพูดว่าไม่เลือกงานแล้วจะหางานง่าย จริงๆแล้วมันง่ายซะที่ไหนเนี่ยทำไมงานมันหายากอย่างงี้นะ"

กานพลูเดินไปบ่นไปจนกระทั่งสายตาไปเห็นใบสมัครงานแปะอยู่หน้าร้านอาหารญี่ปุ่น

แม้เป็นตำแหน่งไม่ดีนัก แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีงานทำ

กานพลูใส่ชุดเป็นหมีสีน้ำตาลยืนอยู่หน้าร้านอาหารคอยโบกมือเรียกลูกค้าเข้าร้านแล้วแจกใบปลิวส่วนลดเพื่อจูงใจ

"ท่องไว้เพื่อค่าเช่าห้อง ค่าเช่าห้อง"

อย่างน้อยสวมหัวหมีก็ไม่มีใครจำได้ ตั้งแต่จบมาอย่าว่าแต่หาเงินส่งกลับบ้านเลย จะเลี้ยงตัวเองจ่ายค่าเช่าห้องยังไม่รอด

"วันนี้ร้านเรามีโปรโมชั่นใหม่นะคะ นี่เป็นบัตรส่วนลดสามารถนำไปใช้ในร้านได้เลยนะคะ"

กานพลูยื่นใบปลิวไปโดยไม่ได้มองหน้า มือผู้ชายคนหนึ่งน่าจะใส่ชุดสูทอยู่หยิบใบปลิวจากมือเธอ 

"โหมือสวยจัง มือใหญ่นิ้วเรียวยาว เล็บยังเป็นสีชมพู ผิวขาวชะมัด แหมเส้นเลือดบนมือดูเซ็กซี่จังแฮะ"

เธอคิดไปเรื่อยเปื่อยพลางส่งใบปลิวให้คนอื่นต่อ จนมาได้ยินเสียงทัก

"เสียงเธอคุ้นๆนะ เรารู้จักกันรึเปล่า"

กานพลูหันหน้าไปเจอเข้ากับโจทย์เก่าเต็มๆ 

"แว้ก นี่มันอีตาผู้จัดการโรงแรมขี้เก็กคนนั้นนี่ ซวยจริงๆเลยทำไมมาอยู่ที่นี่ได้"

กานพลูร้องลั่นในใจ แต่ไม่กล้าส่งเสียงได้แต่โบกไม้โบกมือปฏิเสธ แต่พอสังเกตุดีๆ ดูเหมือนเขาจะมีสาวสวยมาด้วยคนหนึ่ง

"คุณเต้ จะไปสนใจตัวมาสคอตอะไรนักหนาคะ คนอย่างคุณจะไปรู้จักคนระดับนี้ได้ยังไง เข้าไปเถอะค่ะ"

คำพูดน่าหมั่นไส่ออกจากปากสวยๆ แล้วมันช่างน่าขยุมหัวนัก ถึงจะรู้สึกหงุดหงิดที่โดนดูถูก แต่จะไปต่อปากต่อคำไม่ได้เดี๋ยวตกงาน

"โรสยา จะอาชีพอะไรมันก็คืออาชีพเหมือนกัน อย่าพูดจาแบบนี้ให้ผมได้ยินอีกผมไม่ชอบ"

เตชินกล่าวกับผู้หญิงที่ชื่อโรสยาที่มากับเขาด้วยน้ำเสียงขึงขัง ทำให้เธอหน้าจ๋อยสลดไปเลย

กานพลูพลอยนึกชมในใจ แม้เขาจะดูร้ายกาจแต่ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่

เตชินเดินนำหน้าโรสยาเข้าร้าน หญิงสาวยืนอิดออดด้วยความหงุดหงิด  แถมยังหันมาจ้องกานพลูในชุดหมีเขม็ง

"จำไว้เลยเพราะเธอคนเดียวทำให้คุณเต้ว่าฉัน ฉันจะร้องเรียน"

อยู่ๆ ก็มาคาดโทษกันเฉยเลย กว่าจะได้งานไม่ใช่ง่าย ยังจะมาพูดแบบนี้

"ขอโทษนะคะ คนของคุณว่าคุณไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันก็ยืนแจกใบปลิวดีๆ  ไม่ได้ไปทำอะไรพวกคุณเลยนะ ถึงกับจะร้องเรียนมันไม่เกินไปหน่อยหรือ"

"นี่เธอกล้าเถียงฉันเหรอ รู้มั้ยฉันเป็นใคร"

กานพลูมองโรสยาตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอใส่ชุดเดรสสั้นเข้ารูปสีเแดงสด รองเท้ายังแดง นี่ถ้าทำผมเป็นสีเขียวก็พริกดีๆนี่เอง

"ขอโทษนะคะ ดูไม่ออกจริงๆว่าคุณเป็นตัวอะไร พริกชี้ฟ้ารึเปล่าคะ ดูๆไปก็เหมือนอยู่"

โรสยาโกรธจนควันออกหูเธอเอื้อมมือจะไปดึงหัวหมีที่กานพลูสวมอยู่ออก

"ขอดูหน้าหล่อนหน่อยเถอะว่าเป็นใครกันแน่"

กานพลูพยายามยื้อยุดไม่ให้ถอด เตขินเห็นโรสยาไม่เข้ามาซักทีจึงรีบออกมาดู

"โรสยา นี่ทำอะไรอยู่เนี่ย"

เตชินจะเข้าไปห้าม แต่กลับถูกโรสยากับกานพลูพร้อมใจกันพลักซะจนเซถอยลงไปนั่งกับพื้น

เสียงทะเลาะกันดังเข้าไปถึงในร้าน พนักงานกับลูกค้าต่างพากันชะโงกออกมามองกันใหญ่

ความวุ่นวายนี้อยู่ในสายตาของชายคนหนึ่ง  ซึ่งเขาจดจ้องรอโอกาสมาได้สักระยะ   

โอกาสงามๆ แบบนี้ มีหรือจะพลาด เขาวิ่งเข้ามาคว้ากระเป๋าของโรสยาแล้วกระชากไปต่อหน้าต่อตา โรสยาถึงยอมปล่อยมือจากกานพลูเพราะแรงดึง

"พี่เต้! กระเป๋าฉันมันเอาไปแล้ว โจรค่ะโจรช่วยด้วยค่า"

เตชินรีบลุกจะวิ่งตาม หัวหมีขนาดใหญ่ก็ฟาดเข้าเต็มๆหน้า ทำเอาโลกหมุนหงายหลังล้มตึง

กานพลูถอดหัวชุดง้างมือเต็มแรงเหวี่ยงฟาดเข้าให้ก่อนจะขว้างเข้าใส่หัวของโจรอย่างแม่นยำ สมกับเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลหญิงมาก่อน

"เยส! เป็นไงล่ะ เห็นฝึมือเจ้รึยัง เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับคนอย่างกานพลู"

กานพลูยิ้มสะใจก่อนที่จะเดินเข้าไปดึงกระเป๋าออกจากมือโจรที่ล้มหน้าคว่ำ แล้วหันมาส่งให้โรสยา ไม่เพียงไม่ขอบคุณ โรสยายังกระชากกระเป๋า  ออกจากมือกานพลูอย่างไม่มีมารยาท

เต้ลุกขึ้นมาหันมามองเห็นหน้ากานพลูเต็มตา  เขาถึงกับเดินเข้ามาชี้หน้าเธอ

"นี่  นี่เธออีกแล้วรึนี่"

กานพลูเพิ่งนึกขึ้นได้ เวลานี้เธอไม่ได้สวมหัวหมีแล้ว จะหันกลับก็หันไม่ทันได้แต่ยิ้มแห้งๆโบกมือให้เตชินอย่างเสียมิได้

จังหวะนั้นเองโจรวิ่งราวลุกขึ้นมาได้ เขาคิดจะทำร้ายกานพลู แต่เตชินมือไวกว่า เขาดึงแขนกานพลูให้มาหลบข้างหลัง ก่อนจะเข้าไปสาวหมัดต่อยหน้าโจรเข้าเต็มข้อจนร่วงไปกองกับพื้น 

"อูย เจ็บมือเป็นบ้า"

"โอ้โห เห็นแบบนี้คุณก็หมัดหนักเหมือนกันนี่"

คำชมที่ไม่ได้อยากได้ก็พาเอาคนถูกชมหันมามองตาเขียวใส่อยู่เหมือนกัน

กานพลูเห็นหน้าที่แก้มมีรอยแดงๆเพราะฝีมือเธอ ก็พอจะรู้ตัวว่าเหตุใดเขาถึงหงุดหงิด  ก็เลยได้แต่รูดซิบปาก แล้วเดินเลี่ยงๆ ไม่กล้ายืนขวางทาง คนกำลังโกรธจัดเพราะเกรงรายต่อไปที่จะโดนต่อยอาจเป็นเธอซะเอง

หลังจบเหตุชุลมุน ผู้จัดการร้านเรียกตำรวจมาจัดการเอาตัวโจรวิ่งราวไป เหลือก็แต่กานพลู  ที่ผู้จัดการพามาก้มหัวขอโทษเตชินกับโรสยา

"ต้องขอโทษจริงๆ ครับคุณลูกค้า ที่เกิดเรื่องขึ้น ทางเรายินดีชดใช้ค่ารักษาพยายาลให้นะครับ"

เตชินเหลือบตามองกานพลูนิดหนึ่งก่อนจะบอกปัดผู้จัดการ

"เจ็บเล็กน้อยผมไม่ถือสาหรอกครับ อีกอย่างน้องเขาก็ช่วยจับโจรได้ แล้วยังเอากระเป๋ามาคืนอีกด้วย ควรได้รับคำชมมากกว่านะครับ"

กานพลูแอบยิ้มที่ได้ยินคำพูดนี้ของเตชิน แต่ทว่าที่ดูจะไม่พอใจมาก  ก็มีแต่โรสยานี่แหละ

"อะไรกันคะเต้ เขาทำคุณเจ็บตัวนะ  คุณพูดแค่เนี้ยหรือคะ ผู้จัดการคะ ต้องไล่มันออกเดี๋ยวนี้ค่ะ ไม่อย่างงั้นฉันไม่ยอม"

"โรสยา! เลิกก่อเรื่องได้แล้ว วันนี้ยังมีเรื่องไม่พอรึไง"

เตชินเค้นเสียงดุทำให้โรสยาถึงกับชะงัก กานพลูแอบสะใจนิดๆ ที่เห็นโรสยาจ๋อยเถียงไม่ออก เตชินหันมาทำตาดุใส่กานพลู

"เธอชื่อกานพลูใช่มั้ย ตอนนี้ผมจำชื่อคุณได้แม่นแล้ว หวังว่าคราวหน้าที่เจอกันคุณคงไม่ทำผมเจ็บตัวอีกนะ อ้อ อย่าได้เจอเลยเป็นดีที่สุด"

เตชินกล่าวจบก็เดินออกไป โรสยาไม่รู้จะทำยังไง เมื่อคนของตัวไม่อยู่ต่อจะอยู่เองก็กระไรอยู่  จึงรีบเผ่นตามเตชินไปติดๆ

กานพลูหัวเราะเบาๆแอบสะใจนิดๆ ทว่าก็ต้องหยุดชะงักเมื่อหันมาเห็นหน้ายักษ์ของผู้จัดการ

"อ่า...แหะ แหะ คงไม่ไล่หนูออกใช่มั้ยคะ"

"เธอคิดว่าไงล่ะ"

ร้านอิ่มใจเบเกอรี่....

"ไล่ออก! อีกแล้วเหรอ นี่ยังไปทำงานได้ไม่ถึงวันเลย สถิติใหม่เลยนะเนี่ย"

ธันวาพูดซะดังทำเอาอับอายคนทั้งร้าน กานพลูได้แต่ยิ้มแห้งๆ

"ก็เพราะอีตานั่นคนเดียวเลยอ่ะ ไปเจอที่ไหนซวยถึงที่นั่น ไม่รู้ไปทำเวรทำกรรมอะไรเอาไว้ถึงได้ไปเจออยู่เรื่อยก็ไม่รู้"

กานพลูบ่นโทษนั่นโทษนี่ไปเรื่อย ลุงวิทมองได้แต่ส่ายหน้า

"เอาอย่างงี้เดี๋ยวลุงให้ยืมเงินค่าห้องก่อนไหม เอาไว้หนูนิดหางานได้แล้วค่อยคืนลุง"

"ไม่เป็นไรค่ะ หนูจะหางานเอง คราวนี้หนูจะพยายามไม่ก่อเรื่องเด็ดขาด คนอย่างกานพลูไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้"

กานพลูยืนขึ้นกล่าวท่าทางจริงจัง ทว่าธันวาดูแล้วออกจะขำซะมากกว่า

"ขอให้มันจริงเหอะกาน เห็นพูดงี้ทีไร ไม่รอดสักที"

ปากเสียแบบนี้ ทำเอากานพลูหันมามองหน้าเพื่อนรักทันทีด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง

"ปากดีเหลือเกินนะนายน่ะ มานี่เลยอยากเจ็บตัวใช่มั้ย"

กานพลูวิ่งไล่ธันวาไปรอบร้านอย่างกับเด็กซนๆ ทำเอาคนทั้งร้านหัวเราะกันครื้นเครง

โรงแรมโอเรียนน่า เดอะแกรนด์โฮเทล

"เอกภพ มานี่หน่อยสิ"

เตชินกวักมือเรียกเอกภพเข้ามาในห้องทำงาน

"เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือครับผู้จัดการ อ้าวแล้วหน้าคุณไปโดนอะไรมาแดงเชียว"

"จะโดนอะไรมันก็เรื่องของผม นายไปหาแฟ้มประวัติพนักงานที่ชื่อกานพลูมาให้ฉันดูหน่อย ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกคุ้นๆหน้าจัง"

เตชินกล่าวจบก็นั่งลงที่โต๊ะทำงาน เปิดคอมฯ เช็คราคาหุ้น

เลขาเอกยังไม่ไป เอาแต่ยืนคิดทำสีหน้าฉงน งงว่าจู่ๆจะหาทำไม ก็ไล่ออกไปตั้งหลายวันแล้ว

"มีอะไรหรือเปล่าครับ เธอมีอะไรที่ไม่ปกติหรือครับคุณเต้"

เตชินเงยหน้ามองเลขาขี้สงสัย แล้วเม้มริมฝีปาก ก่อนจะกล่าวเสียงดุ

"นายเป็นผู้จัดการหรือฉันเป็น หือเอกภพ  ไปหามาได้แล้ว!"

เอกภพยิ้มแห้ง รีบคำนับเจ้านายแล้วออกจากห้องไปโดยไว

เตชินมองตามหลังแล้วถอนหายใจแรง 

"กานพลู เธอเป็นใครกันแน่นะ"

เขาพยายามทบทวนความจำพลางแตะริมฝีปากตัวเองอย่างลืมตัว เหมือนกับว่าสัมผัสถึงความรู้สึกบางอย่าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel