7 พลัง
“ท่านพี่…” เวลาเลยผ่านไปเนิ่นนานพอสมควร ขณะที่ยังคงนั่งคิดไม่ตกกับสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ จู่ๆ โจเซฟที่หายออกไปจากคฤหาสน์ก็กลับเข้ามาอย่างเงียบๆ และเอ่ยเรียกผู้เป็นพี่ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“เจ้าเป็นอะไร?” เซนรีบลุกและเดินดิ่งไปหาน้องชาย ที่ยืนเกาะขอบประตูอยู่ด้วยสีหน้าและท่าทางไร้เรี่ยวแรง เมื่อผู้เป็นพี่เดินไปถึงตัว ร่างของโจเซฟก็ร่วงผล็อยลงสู่พื้นในทันที แต่ดีที่เซนคว้าตัวเขาไว้ได้ทันทำให้โจเซฟไม่ได้รับบาดเจ็บ
“ข้า…รู้วิธีถอนคำสาปให้ท่านแล้ว…” โจเซฟเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน เซนค่อยๆ พยุงผู้เป็นน้องให้เดินเข้าไปนั่งยังโซฟาที่เขาพึ่งลุกออกมา
“ทำเยี่ยงไร?” ร่างสูงที่ยืนตระง่านเอ่ยถามด้วยความรู้สึกร้อนใจ
“คำสาปจะถูกถอนได้…เมื่อกลีบกุหลาบทั้งแปดแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม ท่านจะต้องมีความรู้สึกเจ็ดอย่างกับสตรีผู้เป็นที่รัก” โจเซฟเริ่มอธิบายในสิ่งที่ตนเองพึ่งได้รับรู้มา
“…” เซนนิ่งและตั้งใจฟังในสิ่งที่ผู้เป็นน้องกำลังอธิบาย เนื่องจากเขาพูดเสียงเบานัก เซนจึงจำเป็นต้องย่อตัวนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงตรงหน้าผู้เป็นน้อง เพื่อให้สามารถฟังได้อย่างถนัดและชัดเจนมากขึ้น
“ความรู้สึกแรก…ท่านจะต้องเป็นห่วงนาง”
“เป็นห่วง?” เซนทำสีหน้าครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้ยินจากปากผู้เป็นน้อง
“ความรู้สึกที่สอง…ท่านต้องรู้สึกคิดถึง”
“คิดถึง?”
“ความรู้สึกที่สาม…ท่านต้องมีความสุขกับสิ่งที่นางทำให้”
“ความสุข?”
“ความรู้สึกที่สี่…ท่านต้องหึงหวงนางจากชายใดก็ตามที่เข้ามาใกล้”
“หึงหวง?”
“ความรู้สึกที่ห้า…ท่านต้องเจ็บปวด”
“เจ็บปวด?”
“ความรู้สึกที่หก…ท่านต้องมีความรักให้นางอย่างลึกซึ้ง”
“รัก?”
“และความรู้สึกที่เจ็ด…ท่านต้องได้รับความทรมานที่เกินจะทนได้”
“ทรมาน?”
“หนึ่งความรู้สึก แลกกับหนึ่งกลีบของรอยจารึกรูปดอกกุหลาบบนอกด้านซ้าย”
“แล้วกลีบที่แปดเล่า?” เมื่อฟังดูแล้วมันยังไม่ครบทั้งแปดกลีบ เซนจึงรีบเอ่ยถามด้วยความสงสัยทันที
“กลีบสุดท้าย…ท่านต้องได้หัวใจของหญิงคนรัก อึก!” เมื่อโจเซฟพูดจบ เขาก็ยกมือทุบบริเวณหน้าอกแกร่งของตนเองอย่างรู้สึกอึดอัด สีหน้าของเขาเริ่มเหยเกด้วยความเจ็บปวด ทำให้เซนต้องรีบจับประคองผู้เป็นน้องเอาไว้ แล้วค่อยๆ พาให้เขาเอนตัวนอนลงบนโซฟา
“เจ้าเป็นอะไรไป โจเซฟ” เซนเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เริ่มดูร้อนใจกับท่าทางที่แปลกไปของน้องชาย
“ข้าเจ็บ…อึก! มันเจ็บข้างใน อ๊ากกก” โจเซฟนอนดิ้นทุรนทุรายไปมา มือทั้งสองข้างบีบหน้าอกของตนเองไว้แน่น และพยายามจะฉีกทึ้งเสื้อของตนเองออกจากร่างกาย
“เจ้าไปทำอะไรมา? บอกข้ามาเดี๋ยวนี้…วิธีถอนคำสาปเจ้าไปเอามาจากไหน!!”
“ข้า… ข้าไปหาฮันน่ามา นางบอกว่า…นางจะบอกวิธีถอนคำสาปให้ หากแต่ข้าต้องยอมเป็นปีศาจอีกตน” ร่างสูงที่นอนหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เอ่ยบอกสาเหตุความทรมานนี้แก่พี่ชาย
“เจ้าว่ายังไงนะ!!” เซนตะเบ็งเสียงสนั่นด้วยความตกใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นต่อ “ทำไมเจ้าช่างโง่เขลาเพียงนี้ เจ้าจะเสียสละตนเองเพื่อข้าทำไมกัน?” สีหน้าของเซนรู้สึกผิด ที่เป็นต้นเหตุให้น้องชายต้องได้รับความทรมาน
“ก็ท่านเป็นพี่ชายของข้า… อึก! อย่าลืมสิ เราเหลือกันแค่สองคนแล้วนะ หากข้าไม่สามารถช่วยท่านได้ อย่างน้อยๆ ข้าก็ยังอยู่เคียงข้างท่าน เพื่อแบกรับความทรมานนี้ไปพร้อมกัน” โจเซฟเลื่อนฝ่ามือมากุมมือแกร่งของพี่ชาย ที่กำลังกำแน่นด้วยความโกรธและรู้สึกผิด
“ทำไมเจ้าต้องทำให้ข้ารู้สึกผิดต่อเจ้าเช่นนี้ โจเซฟ…ที่ผ่านมาข้าไม่เคยอ่อนโยนหรือทำหน้าที่ของพี่ชายต่อเจ้าเลยสักครั้ง แถมยังเคยคิดอยากจะให้เจ้าตายไปให้พ้นๆ หน้าข้าอีก แต่เจ้ากลับ…ทำเพื่อข้า” เซนก้มหน้าและหลับตาลงด้วยความรู้สึกผิด มือใหญ่บีบมือน้องชายของตนเองไว้แน่น ก่อนที่น้ำตาลูกผู้ชายจะไหลออกมาจากดวงตาข้างหนึ่ง
“ไม่เลยสักนิด ท่านเป็นพี่ชายที่ดีที่สุด ข้ารู้…ว่าถึงแม้ท่านจะไม่แสดงออกมาว่าเป็นห่วงหรือรักข้า แต่การกระทำของท่านมันชัดเจนมากนัก ที่ผ่านมาเวลาข้าตกอยู่ในอันตรายหรือทำเรื่องที่เสี่ยงอันตราย ท่านก็เป็นคนช่วยข้าไว้เสมอ ท่านไม่เคยทิ้งให้ข้าต้องเดียวดายตั้งแต่ท่านพ่อกับท่านแม่ตายไป เพียงแค่นี้ข้าก็อบอุ่นหัวใจมากยิ่งนัก อึก!”
“น้องข้า… ข้าจะไปหานังผู้หญิงต่ำช้าคนนั้น ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าต้องได้รับความทรมานเช่นนี้!!” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นด้วยสีหน้าที่มาดหมายจะไปสังหารบุคคลต้นเหตุ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวเท้าออกจากห้อง ก็ปรากฏร่างของหญิงสาวที่เขากำลังพูดถึงอยู่บริเวณริมระเบียงด้านนอก
“หาข้าอยู่หรือ ที่รัก…” เทพีฮันน่าเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน นางค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องที่มีชายหนุ่มทั้งสองปักหลักอยู่
“นังผู้หญิงต่ำช้า! เจ้าถอนคำสาปให้น้องข้าบัดเดี๋ยวนี้ โจเซฟไม่ได้เกี่ยวข้องอันใด ไยเจ้าต้องลากเขาเข้ามาในเรื่องชั่วๆ พวกนี้ของเจ้าด้วย” เซนทำท่าจะเดินดิ่งเข้าไปหมายจะทำร้ายนาง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ อยู่ๆ ร่างของเขาก็หนักอึ้งราวกับถูกพลังบางอย่างกดไว้ ทำให้ร่างใหญ่ต้องทรุดลงและคุกเข่าอยู่กับพื้นต่อหน้านาง
“น้องเจ้าเป็นคนที่เข้ามาหาข้าเอง ข้ามิได้บังคับแต่อย่างใด โจเซฟยินดีที่จะรับข้อเสนอของข้า เพื่อแลกเปลี่ยนกับข้อมูลที่เขาอยากรู้” ร่างระหงเดินวนรอบกายชายผู้เป็นที่รัก ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า และค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วเรียวเชยคางของเซนขึ้นมาให้สบสายตากับนาง
บัดนี้ แววตาของเซนเต็มไปด้วยความรังเกียจ และโกรธแค้นนางอย่างมิอาจกั้น ฮันน่ารู้สึกเจ็บลึกเข้าไปในอก เมื่อได้รับรู้ความรู้สึกที่ส่งผ่านออกมาจากสายตาคู่นี้
“สักวัน…ข้าจะฆ่าเจ้าด้วยน้ำมือข้าเอง!!” เซนกัดฟันกรอดจนกรามคมขึ้นรูปเป็นสันด้วยความเคียดแค้น
“หึ! ข้าจะรอวันนั้น แต่อย่าลืมละกัน ว่าข้าเป็นคนที่ถอนคำสาปให้พวกเจ้าได้ เพียงแค่เจ้ายอมตกลงรักข้า… หากเจ้ายังคงดึงดันและดื้อรั้นต่อไป ก็มีแต่จะทำให้ตัวเองและน้องชายของเจ้าได้รับแต่ความทรมาน”
“ไม่มีวัน!! ผู้หญิงอย่างเจ้า…ไม่สมควรได้รับความรักจากข้า!!!”
“อ๊ากกกกกก” สิ้นเสียงของเซนที่เอื้อนเอ่ยปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว โจเซฟก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เซนรีบหันไปดูน้องชาย ก็เห็นว่าเขากำลังดิ้นทุรนทุรายไปมาอย่างเจ็บปวด
“เจ้าเป็นคนเลือกเอง!!” ร่างของฮันน่าค่อยๆ เลือนหายไปในความมืด ร่างกายที่หนักอึ้งของเซนก็ได้รับการปลดปล่อย เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปหาโจเซฟด้วยความเป็นห่วง ก็พบว่าบัดนี้ค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นกับร่างกายของน้องชายช้าๆ ผมสีน้ำตาลเข้มของโจเซฟค่อยๆ กลายเป็นสีแดงเพลิง เล็บมือสั้นสะอาดยาวออกมาจนเรียวแหลมดูน่ากลัว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ฟันเริ่มงอกออกมาจนเกิดเป็นเขี้ยวแหลมทั้งสองข้าง อุณหภูมิร่างกายเริ่มสูงขึ้น สูงขึ้น และสูงขึ้น อยู่ๆ โจเซฟก็ลุกจากโซฟาและยืนขึ้น ก่อนที่ร่างกายส่วนบนของเขาจะมีเปลวไฟลุกท่วม
“น้องพี่…” ดวงตาของเซนเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก เขากลัวว่าโจเซฟจะได้รับอันตรายถึงชีวิตก็ร้อนรนหัวใจไปหมด
“ท่านพี่…ข้ารู้สึก…รู้สึกดีมาก” โจเซฟเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะค่อยๆ แสยะยิ้มออกมาจนแลดูน่ากลัว เขาก้มลงมองร่างของตนเองที่มีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ หากแต่กลับไม่มีความรู้สึกร้อนหรือทรมานสักนิด มันเย็นสบายดุจสายน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขากลางป่าใหญ่ ซึ่งกำลังโอบล้อมไปรอบกาย โจเซฟพยายามควบคุมความรุนแรงของเปลวไฟลง เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายและความเสียหายขึ้นได้ จนในที่สุดมันก็ค่อยๆ มอดดับ จนเหลือเพียงผิวเนื้อที่ขาวเนียนของเขา
“เจ้าไม่เป็นอันใดเลยหรือ?” เซนเดินเข้าไปสัมผัสร่างกายของน้องชายด้วยความแปลกใจ โจเซฟไม่ได้ดูน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนกับเขา แต่กลับดูเหมือนมนุษย์ปกติทั่วไปที่สามารถใช้พลังได้ จะแปลกก็ตรงที่มีผมกับดวงตาสีแดงสด และเล็บกับเขี้ยวที่ยาวแหลมเพียงเท่านั้น
“ใช่ ข้ารู้สึกดีมาก รู้สึกเหมือนมีพละกำลังเหลือล้น ร่างกายแข็งแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเหมือนข้าจะควบคุมไฟได้…” โจเซฟพูดจบก็ลองใช้พลังควบคุมเปลวไฟจากเทียนที่ถูกจุดอยู่ทำให้มันดับลง และทำให้มันติดใหม่อีกครั้งด้วยเปลวไฟที่แรงกว่าเดิม ยังไม่พอ เขาสามารถเสกไฟขึ้นมาบนฝ่ามือตนเองได้อีกด้วย เปลวไฟสีน้ำเงินดูน่ามองและอ่อนโยน หากแต่กลับมีแรงทำลายล้างที่สูงยิ่ง
โจเซฟเดินดิ่งออกไปยังริมระเบียง ก่อนจะปาดวงไฟบนฝ่ามือนั้นไปยังต้นไม้ใหญ่เบื้องล่าง เกิดการระเบิดและเผาทำลาย ไม่นานนักต้นไม้นั่นก็เหลือเพียงแต่ซากที่ไหม้เกรียม
“หึๆ ด้วยอำนาจของพลังวิเศษนี่ จะไม่มีใครกล้าที่จะมาต่อกรกับเราได้…” โจเซฟเอ่ยออกมาเบาๆ พร้อมรอยยิ้มเย็นยะเยือก เหตุการณ์ทุกอย่างถูกเซนยืนมองด้วยความรู้สึกที่หวาดหวั่นเล็กๆ ในหัวใจ
น้องชายของเขาจะถูกด้านมืดครอบงำหรือไม่?
