6 คำสาป
เมื่อไฟแห่งสวาทมอดดับลง ร่างบางที่นอนหายใจหอบถี่ ก็ค่อยๆ ขยับศีรษะที่นอนราบกับพื้นหญ้าในตอนแรก ขึ้นมาอิงแอบยังอกแกร่งของชายหนุ่มที่มอบสัมผัสเร่าร้อนให้กับนาง
“อย่าสัมผัสข้า…” ประโยคเดิมเอื้อนเอ่ยออกจากริมฝีปากหยัก ที่พึ่งมอบความสุขให้กับหญิงสาวข้างกาย ก่อนจะลุกนั่งพร้อมขยับกางเกงให้เข้าที่ และโยนอาภรณ์ที่ถูกเหวี่ยงทิ้งอยู่ข้างๆ ให้นางเอาไปสวมใส่ เทพีฮันน่ามีใบหน้าที่เจือความแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ปรับให้กลับมาเป็นปกติดั่งเดิม เสมือนไม่ได้ยินประโยคเมื่อครู่
“หวงตัวจังนะ” นางว่าพลางค่อยๆ บรรจงสวมใส่เสื้อผ้าให้กับร่างบางของตน
“ท่านต้องการอะไรจากข้าอีก?” เซนเอ่ยถามอีกครั้ง ก่อนจะหันหน้ามามองนางด้วยสายตาที่กำลังประเมินบุคคลที่กำลังสนทนาด้วย
“เซน…ข้ารักเจ้า”
ปัจจุบัน
ร่างสูงใหญ่ถูกปล่อยให้นอนซมหมดสติหลังจากถูกคำสาป อยู่กับพื้นหญ้านุ่มข้างบึงน้ำเป็นเวลาเนิ่นนานพอสมควร จากตอนแรกที่ดวงอาทิตย์ยังส่องสว่าง ก็ค่อยๆ เริ่มอัสดงลงทางทิศตะวันตก แต่ก็ยังมีแสงสว่างอยู่รำไร อยู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าอาชาควบมาแต่ไกล ก่อนจะมาหยุดอยู่ใกล้ๆ ร่างที่ไร้สติของเซน
“ท่านพี่!!” โจเซฟกระโดดลงจากม้าด้วยความรีบร้อนและตื่นตระหนก ยิ่งเมื่อเขาได้รูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของพี่ชายตนเอง ก็ยิ่งรู้สึกตกใจและทำอะไรไม่ถูก
“…” ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากร่างใหญ่ที่นอนแน่นิ่ง
“ท่านพี่! ท่านเป็นอะไรไป ใครทำท่านเช่นนี้” ผู้เป็นน้องชายพยายามยกร่างพี่ชายของตน ให้ลุกขึ้นนั่งอิงอกแกร่งของเขาเอาไว้ ก่อนจะหันมองไปรอบข้าง เพื่อหาความช่วยเหลือแต่ก็ไร้ซึ่งผู้ใด
โจเซฟจึงรีบวิ่งไปจูงม้าสีดำของพี่ชาย และค่อยๆ ลากเซนเข้าไปใกล้ๆ อาชาตัวนี้มีความเฉลียวฉลาดเหมือนดั่งเจ้าของ มันรับรู้ได้ว่าเจ้านายของตนกำลังได้รับอันตราย และต้องการความช่วยเหลือ มันจึงรีบคุกเข่าย่อตัวลงเพื่อให้โจเซฟพยุงเจ้านายของมันขึ้นมาพาดบนหลัง
เมื่อร่างของเซนถูกพาดไว้บนหลังม้าเรียบร้อยแล้ว โจเซฟก็รีบขึ้นม้าสีขาวของตนที่พึ่งจะขี่มา พร้อมจับบังเหียนม้าของเซนเอาไว้ ก่อนจะควบตะบึงกลับบ้านในทันที
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ แสงตะวันก็ลาลับขอบฟ้าไปกลายเป็นดวงจันทราที่ปรากฎ ร่างสูงใหญ่ของเซนที่กำลังนอนสลบไสลอยู่บนเตียงใหญ่ภายในห้องของตน เพื่อรอหมอมือดีที่โจเซฟกำลังไปเชิญเพื่อมาดูอาการของผู้เป็นพี่ ก็ค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น
เซนกะพริบตาเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงจากเชิงเทียน ที่ตั้งอยู่บริเวณโต๊ะหัวเตียงใกล้ๆ ก่อนจะหันมองไปรอบๆ เพื่อดูว่าตนเองอยู่ที่ใด และเมื่อรับรู้ได้ถึงความรู้สึกคุ้นเคยของข้าวของเครื่องใช้ภายในห้อง เขาก็ค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง บัดนี้ ร่างกายของเขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เลือดร้อนๆ ไหลเวียนสูบฉีดในร่าง เสมือนคนที่พึ่งผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก พละกำลังในตัวเขามันล้นหลามซะจนเขาอยากทำลายข้าวของในห้องนี้ ให้พินาศย่อยยับเพื่อปลดปล่อยความรู้สึกดิบเถื่อน
ร่างใหญ่ค่อยๆ ลุกจากเตียง และเดินไปยังริมประตูกระจกบานใหญ่ที่เปิดอยู่ แสงจันทร์นวลส่องสาดกระทบลงมา ผ่านผ้าม่านผืนหนาที่กำลังพลิ้วไหวไปกับสายลม มือใหญ่ค่อยๆ แหวกผ้าม่านออก และเยื้องย่างร่างกายไปยังริมระเบียงเพื่อทอดมองทัศนียภาพยามค่ำคืน
มันช่างงดงามยิ่งนัก…
เซนคิดขึ้นภายในใจ เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่า ทิวทัศน์ยามค่ำคืนใต้แสงจันทร์จะงดงามและน่าพิสมัยถึงเพียงนี้ ทำไมคืนนี้ถึงกลับได้รู้สึกแบบนี้กันนะ
มือหนาเลื่อนขึ้นมาสัมผัสใบหน้าที่รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ก่อนจะนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ได้เกิดขึ้นกับเขาบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ริมบึง ร่างสูงที่มีสีหน้าสบายอารมณ์ในตอนแรก เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างรู้สึกวิตกกังวล ก่อนจะหมุนกายและเดินดิ่งไปยังกระจกเงาบานใหญ่ที่ตั้งอยู่มุมห้อง เซนค่อยๆ พินิจพิจารณาเงาของตนเองในกระจก พลางเลื่อนไล้มือไปสัมผัสยังส่วนต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลง เขามองดูมือทั้งสองข้างที่มีเล็บเรียวยาวแหลมดูน่ากลัว ผมที่ยาวตรงสยายไปกับแผ่นหลัง และใบหน้าที่โหนกแก้มด้านหนึ่งแหลมขึ้น รับกับดวงตาโตใหญ่จนดูน่าเกลียดน่ากลัว ก่อนจะฉีกเสื้อของตนออกเพื่อดูร่องรอยประหลาดที่บริเวณผิวเนื้อบนอกด้านซ้าย
กุหลาบสีดำ…
ดอกกุหลาบสีดำปรากฎอยู่บนหน้าอกด้านซ้าย ย้ำเตือนให้เขาได้รับรู้ว่าทุกสิ่งนี้มิใช่ความฝัน แต่มันคือความจริงอันเลวร้าย…เขาโดนคำสาป สาปโดยไร้ซึ่งวิธีแก้
‘หากเจ้าสามารถทำให้ดอกกุหลาบทั้งแปดกลีบ แปรเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีแดงได้ครบเมื่อใด คำสาปนี้จะสูญสลายลง’
ประโยคที่สตรีชั่วช้าผู้นั้นได้เอ่ยไว้หลังจากสาปเขา อยู่ๆ ก็ลอยเข้ามาในโสตประสาท แม้นจำได้ทุกถ้อยคำแต่ก็ไม่กระจ่างในความหมาย
ต้องทำอย่างไรเล่า…เขาถึงจะเปลี่ยนสีกลีบของดอกกุหลาบได้?
แล้วต้องใช้เวลานานเพียงใด…กว่าที่มันจะครบทั้งแปดกลีบ?
แล้วนานแค่ไหน…เขาถึงจะกลับเป็นปกติ?
เปรี้ยง!! โครม!! ตึง!! เพล้ง!!
เซนระเบิดอารมณ์เกรี้ยวโกรธของตนเองออกมาอย่างฉุดรั้งไว้ไม่ได้ ตอนนี้เขากำลังโมโหและคลุ้มคลั่ง พายุอารมณ์แห่งความโกรธกำลังโหมกระพืออยู่ภายในห้องของเขา เงาสีดำทะมึนแผ่ขยายออกจากร่างกายและกระจายไปตามส่วนต่าง ๆ ของห้อง ก่อนที่เงาดำพวกนั้นจะทำให้ทุกสิ่งรอบข้างพังพินาศย่อยยับไปกับตา เชิงเทียนบนโต๊ะหัวเตียงและบนเพดาน ถูกลมพัดจนดับก่อนจะสั่นไหวและร่วงหล่นลงพื้นกระจัดกระจาย กระจกต่าง ๆ ภายในห้องก็พากันสั่นระรัวก่อนจะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ตอนนี้ร่างสูงดูน่ากลัวราวกับอสูรร้ายที่พร้อมจะพรากชีวิตทุกคนที่มาประจันหน้า
ในขณะที่เซนกำลังขบคิดอย่างไม่ตกด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ หน้ากระจกเงาที่แตกออกเป็นเสี่ยงอยู่บนพื้น โจเซฟก็วิ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมกับชายที่ดูมีอายุ ทั้งคู่มีสีหน้าตกใจและแปลกใจกับสิ่งที่เห็นเบื้องหน้า เมื่อได้สบกับดวงตาสีแดงดั่งเลือด ชายแก่ผู้นั้นก็ร้องออกมาด้วยความตื่นกลัว ก่อนจะวิ่งล้มลุกคลุกคลานออกไปทันที ปล่อยให้ผู้เป็นพี่ชายยืนจ้องหน้าน้องชายต่างมารดาของตนเอง ด้วยสายตาที่หมายจะขย้ำคอเขา ไม่นานนักร่างเซนก็หายวับและมาปรากฏเบื้องหน้าของโจเซฟ มือใหญ่ยกขึ้นคว้าเข้าที่ลำคอยาวแกร่งของผู้เป็นน้อง ก่อนจะยกร่างสูงของโจเซฟลอยขึ้นกลางอากาศและออกแรงบีบด้วยมือเพียงข้างเดียว
“ทะ ท่านพี่…ข้าเอง โจเซฟ” โจเซฟที่เห็นท่าทางของพี่ชายดูน่ากลัวและอันตราย จึงเอ่ยขึ้นเพื่อเรียกสติของพี่ชายตนเอง มือทั้งสองข้างก็พยายามแกะนิ้วเรียวยาวของเขาออกจากลำคอของตน
แววตาของเซนไหววูบเมื่อถูกเรียกจากผู้เป็นน้อง เหมือนสติทั้งหมดที่ถูกความโกรธครอบงำจะกลับคืน เขาค่อยๆ คลายมือออกทำให้ร่างของโจเซฟทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง
“แค่กๆ” โจเซฟไอออกมาพลางยกมือลูบที่คอตนเองเบาๆ
“ข้าขอโทษ ข้าไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังทำสิ่งใดอยู่” เซนเอ่ยอย่างรู้สึกผิดที่เขาได้ลงมือทำร้ายน้องชายตนเอง
“พอจะเล่าให้ข้าฟังได้ไหมว่ามันเกิดสิ่งใดขึ้นกับท่าน? ท่านพี่” โจเซฟเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยถามเซนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
“ข้า…โดนคำสาป” เซนกำมือแน่นอีกครั้งเมื่อเอ่ยถึง ก่อนจะหันหลังและเดินไปยังริมระเบียง เพื่อทอดสายตามองออกไปยังภายนอกที่มืดมิดสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเขากลับมองเห็นทุกสิ่งได้อย่างชัดเจนดั่งเช่นเวลากลางวัน
โจเซฟค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนจะเดินตามไปยืนเคียงข้างพี่ชายด้านนอก เพื่อรอฟังรายละเอียดต่อไปที่ผู้เป็นพี่กำลังเริ่มเล่า เซนค่อยๆ เล่ารายละเอียดทุกอย่างให้โจเซฟได้ฟัง ก่อนที่ทั้งสองจะมีสีหน้าที่ปรากฏความวิตกกังวล
“ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยท่านหาวิธีถอนคำสาปให้ได้” ผู้เป็นน้องชายเอ่ยให้คำมั่นสัญญาอย่างมั่นเหมาะ แววตาของเขาดูมุ่งมั่นและจริงจังที่จะช่วยเหลือผู้เป็นพี่ ไม่นานนักโจเซฟก็เดินลิ่วออกไปจากห้องของเซน ก่อนที่เขาจะเห็นว่าผู้เป็นน้องลงไปยังด้านล่าง และกระโดดขึ้นม้าซึ่งผูกเอาไว้หน้าคฤหาสน์และขี่ออกไปภายในความมืด
โจเซฟไปไหน?
แม้นสงสัยแต่ก็มิได้ตามออกไป เวลานี้เขาไม่ควรออกไปภายนอกคฤหาสน์ของตน ด้วยใบหน้าและรูปลักษณ์ที่ดูน่ารังเกียจและน่าหวาดกลัวนี้ บวกกับอารมณ์ที่เขายังมิอาจจะควบคุมได้ หากออกไปอาจทำให้ผู้คนหวาดหวั่นและได้รับอันตราย จึงตัดสินใจเลือกที่จะอยู่รอน้องชายของตนกลับมาที่คฤหาสน์ดีกว่า
โจเซฟเป็นบุรุษที่มีร่างกายกำยำแข็งแกร่ง ฝีมือต่อสู้ก็ถูกฝึกกันมาอย่างดี ไม่น่ามีอะไรมาทำร้ายเขาได้ง่ายนัก เมื่อคิดได้ดังนั้น เซนจึงเดินกลับเข้าไปนั่งที่โซฟาตัวหรูซึ่งตั้งอยู่บริเวณปลายเตียง และใช้สมองขบคิดหาวิธีแก้คำสาปในระหว่างที่รอน้องชายของตนกลับมา
