บทที่ 3
เพียะ!! เพียะ!!
พจมาศมองใบหน้าคมคายของนพคุณที่สะบัดไปตามแรงตบ เสียงฝ่ามือหนาที่กระทบลงบนผิวหน้าของชายหนุ่ม แก้มทั้งซ้ายและขวาขึ้นริ้วแดงเป็นแถบ
เสียงร้องไห้ของหญิงสูงวัยอีกคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างโซฟาหลุยส์ที่เจ้าของบ้านนั่ง แต่นั่นก็ไม่ทำให้ความกรุ่นโกรธในใจพจมาศบางเบาลงไปได้
“คุณนาย คุณนายได้โปรดตีดิฉันเถอะค่ะ อย่าตีเจ้านพมันเลย” นพคุณมองเห็นภาพนั้นก็ได้แต่กำมือแน่น เขาพยายามกะพริบเปลือกตาเพราะรู้สึกถึงความอุ่นร้อนที่ไหลเข้ามาในดวงตา เลือดสีแดงชาดไหลหยดลงมาเปื้อนกางเกง
มารดาของเขากำลังขอร้องผู้มีพระคุณของพวกเราอยู่ แต่นพคุณรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ ความผิดเขาใหญ่หลวงนัก และจนกว่าคุณนายสาแก่ใจ นพคุณต้องนั่งอยู่ตรงนี้เพราะไม่ต้องการให้มารดาเดือดร้อน
“แม่ออกไปก่อนนะ...ผมขอร้อง” นพคุณเอ่ยบอกมารดาที่นั่งคุกเข่าพนมมือขอร้องผู้มีพระคุณของเราจนน้ำตาจะเป็นสายเลือด แต่มันก็ไม่เคยเป็นผล...ไม่เคยเลยสักครั้ง
“ลูกแกมันเนรคุณ! และคนที่กล้าจะเนรคุณฉันมันก็ต้องโดนแบบนี้!” นพคุณหลับตาเกร็งใบหน้า ปล่อยให้ฝ่ามือลูกน้องอีกคนของผู้มีพระคุณฟาดเข้ามาที่ใบหน้าซ้ำ ๆ โดยไม่ปริปากใด ๆ อีกเลย
พจมาศรับทั้งนพคุณและมารดามาเลี้ยงดู บุญคุณเรียกว่าท่วมหัวใช้ทั้งชาติก็คงไม่มีวันหมด แต่นพคุณคิดว่ามันต้องแยกกันกับเรื่องที่เขาปล่อยอินอรและลูกในท้องไปเมื่อสามปีที่แล้ว
หากเป็นเรื่องอื่นนพคุณจะทำอย่างไม่ปริปาก แต่นี่มันชีวิตคน...คนที่เป็นเลือดเนื้อของคุณาธรรมคุณ
เรื่องราวในอดีตที่นพคุณกลบฝังไว้ ปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่อพวกเราได้เจอกับอินอร และยิ่งชัดเมื่อเธอบอกว่ามีลูกสาว
พจมาศไม่รอช้าไล่สืบจนรู้ว่าสิ่งที่อินอรพูดเป็นเรื่องจริง ผู้หญิงคนนั้นเก็บเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณาธรรมคุณไว้ และทุกอย่างมันง่ายดายเพราะความช่วยเหลือของนพคุณ!!
พจมาศไม่จำเป็นต้องถามซ้ำอีกว่านพคุณทำจริงไหมเพราะทุกอย่างมันก็ชัดเจนอยู่ตรงหน้า
นพคุณไม่เถียงนั่นเท่ากับยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว!
“ตบมันไป! ถ้าฉันไม่สั่งก็อย่าหยุด!” มารดาของนพคุณสะอื้นสุดแรงก่อนจะโดนกันออกไปข้างนอก
นพคุณโล่งใจขึ้นมาเปลาะหนึ่ง เขาก็ไม่ได้อยากให้มารดาเห็นเขาในสภาพแบบนี้
“แกมันสารเลว!” มือที่ประดับด้วยแหวนเพชรเม็ดโตคว้าคอเสื้อของคนที่โดนประทุษร้าย แต่ร่างสูงของชายหนุ่มไม่ได้ไหวเอนไปตามแรงกระชาก ใบหน้าคมคายก้มลงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้มีพระคุณ
“ไหนแกบอกว่าทุกอย่างจัดการไปเรียบร้อยแล้วไง!” พจมาศตวาดถามคนที่เลี้ยงดูประหนึ่งลูกชายอีกคน แม้จะให้มันเป็นมือเป็นเท้าให้ แต่เธอก็เลี้ยงดูนพคุณและแม่ของมันเป็นอย่างดี
“แกโกหกฉัน! มันมีเรื่องไหนที่แกโกหกฉันอีกบ้าง!” พจมาศถามเสียงสั่น จิตใจหวาดหวั่นไปต่าง ๆ นานา
“ผมขอโทษครับคุณนาย” นพคุณเอ่ยปากขอโทษผู้มีพระคุณ ทั้งยังยกสองมือขึ้นพนมก่อนจะก้มลงไปกราบ
“แก!!” แต่ก่อนที่ฝ่ามือพจมาศจะตบหน้านพคุณซ้ำอีกครั้ง เสียงคุ้นเคยที่ดังมาจากทางหน้าประตูคฤหาสน์คุณาธรรมคุณก็ทำให้พจมาศปรับเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางในทันที
“ผมมารบกวนเวลาพักผ่อนของแม่หรือเปล่าครับ?”
เอกณัฐ คุณาธรรมคุณ เอ่ยถามมารดาเสียงนุ่ม ทั้งที่เขาก็เห็นอยู่แล้วว่าท่านยุ่งยิ่งกว่ายุ่งเสียอีก
“แม่ไม่ยุ่งนะเอก...” เมื่อท่านตอบแบบนี้เอกณัฐจึงเดินเข้ามาหามารดาและระบายยิ้ม
ร่างสูงใหญ่หนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรเดินเข้ามาใกล้ หน้าอกผึ่งผายภายใต้เสื้อโปโลสีขาวที่อกข้างซ้ายปักโลโก้พรรคการเมือง เข้ากันกับกางเกงสแลกเนื้อดีสีดำ
กลิ่นน้ำหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกสดชื่น แต่ก็ยังคงลึกลับน่าค้นหา เหมาะกับผู้ชายที่ดูสบาย ๆ และอบอุ่นอย่างเอกณัฐ
“เหมือนว่าแม่จะยุ่งอยู่เลยนะครับ” เอกณัฐหยอกเย้ามารดา หัวเราะออกมาเบา ๆ
พจมาศยิ้มเล็กน้อยก่อนจะรับผ้าเช็ดมือจากเด็กรับใช้ และเช็ดฝ่ามือจนเสร็จก็หันมาส่งยิ้มให้กับลูกชายราวกับเมื่อกี้ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น และนพคุณไม่ได้นั่งคุกเข่าหน้าตาแตกยับอยู่ตรงหน้าเราสองคน
เอกณัฐมองนพคุณชายหนุ่มที่อายุไล่ ๆ กันกับเขา และมารดาเขาเลี้ยงประหนึ่งลูกชายอีกคน กำลังโดนลงโทษตามกฎบ้านที่มีมารดาของเขาเป็นผู้พิพากษา
พฤติกรรมใช้ความรุนแรงเขาเคยพูดคุยกับมารดาแล้ว ท่านก็เลิกพฤติกรรมนี้มานาน แต่ทำไมวันนี้กลับลงมือกับนพคุณขนาดนี้
หนึ่งอย่างที่เอกณัฐคิดได้คือ...นพคุณทำผิดอย่างร้ายแรง และเหมือนว่าเขาจะมาได้จังหวะพอดี ไม่เช่นนั้นคงมีคนโดนหามไปโรงพยาบาลแล้ว
“ไม่ได้ยุ่งหรอกลูก แต่เอกมาไม่เห็นบอกแม่เลย” พจมาศดึงความสนใจลูกชายไปเรื่องอื่น
เมื่อเห็นว่าเอกณัฐยังคงมองนพคุณ ก็ส่งสายตาไล่ให้นพคุณออกไปจากตรงนี้
นพคุณค้อมศีรษะให้พจมาศในทันที แต่ยังไม่ทันจะหมุนตัวไปไหนเอกณัฐก็เอ่ยขึ้นห้ามเสียก่อน
“อยู่ก่อน...ฉันมีเรื่องจะคุยกับแก” คำพูดของเอกณัฐทำเอาคนที่มีชนักติดหลังทั้งสองคนอย่างพจมาศและนพคุณร้อนรนขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เรื่องอะไรเอกบอกแม่ได้ นพต้องไปทำธุระต่อให้แม่” คำพูดของมารดาทำให้เอกณัฐหลุดหัวเราะออกมา ถ้าไม่เป็นการคิดมากจนเกินไปเขารู้สึกว่าแม่ของเขามีอะไรปิดบังอยู่แน่ ๆ
รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันกลับส่งผ่านไปไม่ถึงดวงตาเอกณัฐ พจมาศร้อน ๆ หนาว ๆ ได้แต่เมินสายตามองไปทางอื่นเพราะกลัวว่าลูกชายจะสงสัยอะไรเธอขึ้นมา
“ธุระของแม่คงไม่สำคัญเท่าธุระของผมหรอกครับ แต่แบบนี้ผมจะใช้ไอ้นพมันยังไง?” เท่านั้นก็เป็นอันว่านพคุณจะต้องนั่งอยู่ตรงนี้ มือของพจมาศกำแน่น แต่ก็ยังยิ้มแย้มให้ลูกชายราวกับว่านพคุณจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ไม่ผิดอะไร
เอกณัฐทอดสายตามองไปยังคนสนิทของมารดา ใบหน้าคมคายบวมแดงทั้งยังขึ้นริ้วเป็นรอยมือ หางตาทั้งสองข้างแตกยับ มุมปากม่วงช้ำ สภาพแบบนี้แม่เขาบอกจะให้มันไปทำธุระ ให้มันไปให้ถึงหน้าปากซอยให้ได้ก่อนเถอะ!
“เอกอย่าโกรธแม่เลย เจ้านพมันดื้อก็ต้องโดนกันบ้างใช่ไหมนพ…” พจมาศพูดทั้งยังยกฝ่ามือลูบแก้มสากของลูกชายอันเป็นที่รัก แต่เอกณัฐกลับจับมือเธอออก ใจของคนเป็นแม่เต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ สุดท้ายก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
“เอกจำหมอนิ่มได้ไหม เมื่อวันก่อนคุณหญิงท่านฝากพี่สาวเรามาบอกแม่ว่าถ้าเอกว่างก็เชิญทานข้าวกันที่บ้าน...” พจมาศพูดยังไม่ทันจบ เอกณัฐก็ส่ายหน้าทันที ใบหน้าคมคายไม่เชิงมึนตึง แต่ก็รู้ว่าเขาขุ่นข้องหมองใจในเรื่องนี้
พี่สาวของเอกณัฐก็คืออัญชิตา เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของเอกณัฐ มีอาชีพเป็นสูตินรีแพทย์โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
“แต่แม่ชอบหมอนิ่ม...แล้วเอกชอบน้องไหมลูก” เอกณัฐไม่ตอบทั้งยังเมินสายตาไปทางอื่น เท่านั้นก็เป็นคำตอบให้มารดาได้แล้วว่าเขาไม่ได้ชอบจารวี
หมอนิ่ม หรือ จารวี เป็นเพื่อนรุ่นน้องของอัญชิตา ครอบครัวของเธอเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่พี่สาวเขาทำงานอยู่
“แม่ว่าหมอนิ่มเขาชอบเอกนะลูก คุณพ่อคุณแม่เขาก็โอเคเลยทีเดียว” พจมาศยังคงดึงความสนใจของลูกชายไปเรื่องอื่น และเมื่อสบโอกาสจะให้นพคุณออกไปให้พ้นสายตา
“ผมยังไม่คิดเรื่องแต่งงานครับ และแม่ก็ไม่ต้องสรรหาผู้หญิงคนไหนมาให้ผมด้วย อย่างที่เคยบอกถ้าผมจะแต่งงานผู้หญิงคนนั้นผมขอเลือกเอง”
