บทที่ 4
พจมาศหัวเราะกลบเกลื่อนและพยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติที่สุด คนเป็นแม่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าการที่เอกณัฐลูกชายกลับมาที่บ้านนี้ด้วยเรื่องอะไร ปกติลูกชายพักอาศัยอยู่ที่คอนโดกลางเมืองนู่นเสียมากกว่า
“เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนเถอะครับ แต่เรื่องที่แม่สั่งให้หยุดงานต่อเติมที่พรรคมันหมายความว่ายังไง?”
หรือว่านี่เป็นเหตุผลที่เอกณัฐมาที่นี่ พจมาศก็รู้สึกโล่งใจจนเผลอยิ้มกว้างออกมา
“อ้อ…แม่กำลังจะบอกเอกพอดีว่าซินแสท่านทักว่าดวงเอกไม่เหมาะกับที่ดินตรงนั้น อยู่ไปจะมีแต่ปัญหา…”
พจมาศยังพูดไม่ทันจบประโยคดีด้วยซ้ำ แต่สายตาของลูกชายก็ทำให้เธอพูดไม่ออก ก็เพราะว่าตัวเธอเองนั่นแหละที่เป็นตัวตั้งตัวตี หาซินแสมาดูที่ว่าการพรรคแห่งใหม่ ตอนแรกบอกว่ามันดีมากอยู่แล้วจะรวย ตอนนี้มาบอกไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้
เอกณัฐไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้วเขาจึงไม่พอใจมาก
“แม่หาซินแสมาก็จริง แต่แม่เชื่อคนล่าสุดมากกว่านะเอก ท่านเป็นคนเดียวกับที่สร้างบ้านที่เชียงใหม่ให้ เอกเชื่อไว้ก็ไม่เสียหายนะลูก”
พูดจบคนเป็นลูกไม่ได้คล้อยตามมารดาสักนิด แต่กลับมองท่านด้วยสายตาที่คนโดนมองรู้สึกหายใจไม่เต็มปอดอย่างไรไม่รู้
“แต่แม่ก็ไม่มีสิทธิ์มาตัดสินใจแทนผม...มันไม่ใช่หน้าที่ของแม่นะครับ” พจมาศเม้มริมฝีปาก ในอกสะท้านสั่นไหว ไม่รู้จะแย้งอะไรไปจึงได้แต่เงียบ
“ในเมื่อแม่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทนผมก็ไม่ควรจะทำแบบนี้ หรือที่ทำแบบนี้เพราะแม่ยังเห็นผมเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ตัดสินใจอะไรต่อมิอะไรเองไม่ได้?” เสียงของเอกณัฐเข้มขึ้นตามอารมณ์ เขาเกลียดการจัดแจงของมารดาที่สุด!
“ไม่ใช่แบบนั้นเอก แม่…แม่แค่ไม่อยากให้เอกติดขัดอะไร” เอกณัฐแค่นเสียงในลำคอแต่ริมฝีปากกลับยิ้มให้มารดา มันคือรอยยิ้มเคลือบยาพิษ!
“แต่แม่มาสั่งหยุดงานต่อเติมทั้งที่รู้ว่าผมจะเปิดพรรคอาทิตย์หน้า แม้แต่แอร์สักตัวก็ยังไม่ได้เข้าไปติด! ลูกน้องผมจะทำงานยังไงนั่งถือพัดลมไปคนละตัวแบบนั้นใช่ไหม? หรือแม่อยากจะให้คนอื่นพูดว่าผมงมงายไม่สนชีวิตคนอื่นกัน!” เอกณัฐเค้นเสียงถาม
ใบหน้าและดวงตาคมเข้มยั่วเย้ามารดาราวกับไม่มีเรื่องอะไร เหมือนชายหนุ่มเพียงแค่ถามเฉย ๆ แต่ไอ้อาการแบบนี้คือเอกณัฐกำลังไม่พอใจและไล่บี้มารดาตัวเองอยู่!
“งั้นแม่ก็จะไม่ยุ่งเรื่องของเอกให้เอกต้องไม่สบายใจ…แต่ทั้งหมดแม่แค่หวังดี” พจมาศเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่คนเป็นลูกกลับยิ้มกว้างให้กับเธอจนเห็นฟันเรียงขาว
“ถ้าแม่หวังดีแม่ควรรู้ว่าผมเลือกที่ตรงนั้นเพราะอะไร กว่าผมจะได้ที่ดินติดชุมชนโดยไม่มีอ้ายอีตัวไหนแย่งไปได้ แม่คิดว่ามันง่ายหรือครับ แล้วจะให้ผมย้าย? สิ่งที่ผมสนคือตรงนั้นอยู่ในชุมชน อยู่กลางชุมชนและผมต้องการตั้งที่ว่าการพรรคเราตรงนั้น!”
เพราะไม่ใช่แค่การหยุดก่อสร้างต่อเติม แต่มารดาของเขาแทรกแซงทุกเรื่อง เอกณัฐไม่อยากจะพูดมากเพราะอย่างไรท่านก็เป็นแม่ แต่เมื่อมากไปคนอย่างมารดาเขาไม่ปรามก็จะมีแต่เสียเรื่อง
“...เอกแม่ก็แค่หวังดี เอาเป็นว่าแม่ขอโทษแล้วกันที่ยุ่งเรื่องของเอก” เอกณัฐยังคงมีรอยยิ้มที่มุมปาก เขาตอบกลับมารดาอย่างไม่ไว้หน้า เพราะแม่ของเขาก็ไม่ไว้หน้าเขาเหมือนกัน
การที่เขาสั่งให้ก่อสร้างต่อ แต่มารดาเขาสั่งให้หยุดก่อสร้าง ตัวส.ส.หนุ่มจะไม่เป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นหรือไง กว่าเขาจะมายืนจุดนี้ได้ต้องพิสูจน์ตัวเองตั้งเท่าไหร่
เอกณัฐเกลียดที่คนอื่นชอบติดภาพว่าเขายังเป็นลูกแหง่ของมารดาอยู่วันยังค่ำ!
“แม่ไม่ควรยุ่งเรื่องของผม…เรื่องของผม คนของผม ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามก็อย่ายุ่ง!” เอกณัฐใช้น้ำเสียงราบเรียบแต่เนื้อความในถ้อยคำไม่ไว้หน้ามารดาสักนิด
“แม่อย่าลืมคำพูดตัวเอง…อย่าทำให้ผมรู้สึกว่าผมควรลาออกจากส.ส.ไปเป็นนักธุรกิจเลย”
ไม่มีทางที่พจมาศจะลืมคำพูดตัวเองได้ลง ถ้าลูกชายยอมทุ่มเทกับสนามการเมือง วันใดมีคนนับหน้าถือตา เมื่อนั้นแม่อย่างเธอจะปลดปล่อยลูกให้เป็นอิสระ
เอกณัฐไม่เพียงแค่พูด แต่ใช้สายตาจ้องมองไปทางนพคุณไม่ละสายตา ก่อนจะเบนสายตากลับมามองมารดาตัวเอง พจมาศกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ เธอเผลอกำมือแน่น และมองแผ่นหลังของลูกชายที่เดินห่างออกไป
เมื่อปลายปีที่แล้วเพราะอยากรู้ทุกความเคลื่อนไหวของลูกชายจึงยกนพคุณให้เอกณัฐไป เพราะนพคุณเป็นคนเดียวที่เธอไว้ใจ
ทุกวันนี้นพคุณคือคนของลูกชายอย่างเต็มตัว พจมาศไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเรียกใช้เขาด้วยซ้ำ ยิ่งทำให้นพคุณเจ็บตัวแบบนี้ยิ่งไม่ได้เลย ไม่แปลกที่เอกณัฐจะขุ่นเคือง
บัดนี้เอกณัฐโตเกินกว่าที่เธอจะบังคับเขาเหมือนเด็ก ๆ ได้อีกแล้ว เพราะแค่ทำให้เอกณัฐไม่พอใจพรรคเพื่อประชาชนก็อาจจะมีปัญหาในอนาคตได้
ลูกชายเธอเป็นคนที่ควบคุมยาก หากใครจะควบคุมเขาจะต้องอยู่เหนือเขา แต่ถ้าไม่แล้วละก็…คิดดูสิขนาดว่าพจมาศเป็นแม่แท้ ๆ เอกณัฐยังทำแบบนี้ และตามมาเล่นงานถึงที่บ้านเพียงเพราะสั่งให้หยุดการต่อเติมที่ว่าการพรรค เธอไปสั่งงานทับคำสั่งของเขา!
เอกณัฐกำลังจะบอกแม่อย่างเธอว่า…อย่าทำให้เขากลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น เพราะแม่สั่งสอนเขาไว้แบบนี้เอง
‘อะไรก็ตามที่แม่ตัดสินใจแล้วเอกจะต้องทำตาม ไม่ว่าจะลงนรก ขึ้นสวรรค์ถ้าแม่สั่งเอกต้องทำ!’
‘แกอยากจะให้โคตรพ่อแกหัวเราะเยาะแกหรือไง! จำไว้นะเอกทางเดียวที่จะทำให้ทุกคนก้มหัวให้แกได้คือแกต้องมีอำนาจบารมีไม่ใช่แค่มีเงิน!’
พจมาศประสานมือที่สั่นเทาของตัวเองไว้แน่น ในใจหวาดหวั่นเหลือคณานับ หากวันหนึ่งเอกณัฐรู้ว่าเบื้องหลังเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วความจริงเป็นเช่นไร ลูกชายคงไม่เอาเธอไว้ทั้งที่เธอเป็นถึงแม่เขา
พจมาศควรจะพึงพอใจที่ลูกชายยึดมั่นคำสอนสั่งของเธอ แต่ในบางครั้งลูกย้อนศรกลับมาจนเธอแทบกระอักเลือด
บิดาของเอกณัฐหย่าขาดไปจากพจมาศตั้งแต่ลูกชายอายุได้สิบขวบ และตอนนี้บิดาของเอกณัฐก็มีครอบครัวใหม่ไปแล้ว
พจมาศจะแพ้อดีตสามีไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเพียรพยายามสร้างมาจึงผลักไสให้เอกณัฐรับไป
มันเหมือนกับหอกหนามแหลมคมทิ่มแทงเธอทุกครั้งที่เราแม่ลูกเผลอสบตากัน เพราะพจมาศไม่เคยให้ชีวิตอิสระกับเอกณัฐเลย ลูกชายไม่เคยมีชีวิตแบบเด็กคนอื่น แม่อย่างเธอยัดเยียดแต่สิ่งที่ต้องการใส่ลูกอย่างสุดกำลัง
และยิ่งโตเอกณัฐก็ยิ่งมีรอยเท้าของตัวเอง ราวกับว่าเอกณัฐกำลังเอาคืนแม่ใจร้ายที่พรากชีวิตวัยเด็กเขาไปหมด
วันนี้เอกณัฐอาจจะพอใจ พรุ่งนี้เขาอาจจะไม่พอใจก็ได้ พจมาศจึงได้แต่ยินยอมทั้งที่ไม่ยินยอมนั่นก็เพราะว่าเธอมีลูกคนเดียว
ลูกชายคนนี้เป็นที่พึ่งพิงสุดท้ายในยามที่เธอเป็นไม้ใกล้ชายฝั่งแบบนี้
พจมาศเป็นนักการเมืองเก่า ต้นตระกูลเธอเป็นนักการเมือง และตอนนี้เธอเป็นมารดาของท่านส.ส.หนุ่มอนาคตไกลอย่างเอกณัฐ จึงยังมีคนนับหน้าถือตาอยู่มาก
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอปล่อยวางไม่ได้จึงต้องมีซีนในชีวิตลูกอยู่ตลอด เพราะเธอเป็นคนปลุกปั้นเอกณัฐมากับมือ
แม้วันนี้จะรู้สึกได้ถึงความรักที่มีความเกลียดชังของลูก แต่พจมาศก็ภูมิใจที่เอกณัฐมีทุกวันนี้
หากย้อนเวลากลับไปได้ เธอก็จะเลือกทำทุกทางให้ชีวิตและอนาคตของลูกชายไร้รอยมลทินใด ๆ แม้ว่าเธอจะเป็นคนชั่วคนเลวในสายตาใครต่อใครก็ตาม
